เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1738 ตะเกียงวิญญาณจำนน
ตอนที่ 1,738 ตะเกียงวิญญาณจำนน
หลินซิงเฉิงตัวสั่นเทามากขึ้นและมากขึ้น
ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดหรือความหวาดกลัว
แต่เป็นเพราะตื่นเต้นมากเกินไป
เขากำลังยิ้ม
ตอนแรกก็แค่หัวเราะในลำคอ แต่ต่อมาก็ต้องเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะ
หลินซิงเฉิงยกมือปัดเส้นผมยาวสลวยออกจากใบหน้า สีหน้าที่เคร่งเครียดก่อนหน้านี้แสดงออกถึงความตื่นเต้นสุดขีด “เจ้าจำได้หรือไม่ ข้าบอกว่าผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกจับตัวมาทดลองหลายคนแล้ว…”
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักและเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที
“ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบ”
หลินซิงเฉิงยิ้มด้วยความชั่วร้าย “มนุษย์ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกยกย่องให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบมากที่สุด เนื่องจากผู้ที่มีสายเลือดนี้จะมีร่างกายแตกต่างจากคนทั่วไป บรรพบุรุษของข้าศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสายเลือดศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว ข้าจึงเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสียของพวกเจ้าอย่างลึกซึ้ง”
“เมื่อสักครู่นี้ เหตุไฉนข้าจึงต้องให้เจ้าดูเหตุการณ์ที่เมืองอิ่นเฉิน เมืองหลานเหนี่ยวและเมืองชิงอวี้ด้วยเล่า? เจ้าคิดว่ามันเป็นความจริงหรือเป็นเพียงภาพมายากันล่ะ? ฮ่า ๆๆ ข้าก็แค่ต้องการซื้อเวลาเพื่อเปิดการทำงานของค่ายอาคมจองจำนิรันดร์เท่านั้น”
“นี่คือค่ายอาคมที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับพลังของผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะ… เจ้าคงรู้สึกได้แล้วกระมังว่าพลังปราณในร่างกายของตนเองหยุดชะงัก แม้แต่ร่างกายก็แทบขยับเขยื้อนไม่ได้อีกแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าตอบตามความจริง
หลินซิงเฉิงกล่าวต่อไป “เจ้าคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้า แต่อันที่จริงนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของข้าต่างหาก”
หลินเป่ยเฉินถามว่า “เจ้าคาดเดาความคิดของข้าได้ใช่หรือไม่ว่าข้ากำลังคาดคิดสิ่งใดอยู่?”
หลินซิงเฉิงหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะตั้งสติทบทวนคำพูดอันชวนมึนงงของเด็กหนุ่มและผงกศีรษะ “พูดได้ดี พูดได้ประเสริฐ เจ้ารู้หรือไม่ นับตั้งแต่ที่เจ้าออกมาจากคุกใต้ดินของหน่วยสืบสวนพิเศษและมาปรากฏตัวที่หน้าตึกของข้า ข้าก็คิดกลยุทธ์รับมือเจ้าอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในระยะเวลาที่เจ้าขึ้นจากชั้นหนึ่งมาถึงชั้นที่สามสิบสาม ข้าก็วิเคราะห์ข้อมูลของเจ้าเพื่อสร้างแผนการที่จะใช้จัดการเจ้า เพียงแต่ว่าเจ้าขึ้นมาได้รวดเร็วเกินกว่าที่คิด ซึ่งทำให้ข้ายังไม่ทันได้ตั้งตัวเตรียมพร้อม ข้าจึงพลาดท่าเสียทีให้กับเจ้า”
“แต่ไม่เป็นไรหรอก เสียหน้าเพียงเท่านี้ เทียบไม่ได้เลยกับคุณค่ามหาศาลในตัวเจ้า หากข้านำตัวเจ้าไปส่งมอบให้แก่เผ่าพันธุ์ปีศาจ ข้าก็จะได้รับเงินรางวัลจำนวนมหาศาล… มิหนำซ้ำ ข้ายังจะได้สิทธิ์ในการเจรจาต่อรองกับพวกเขาอีกด้วย”
“แผนการของเจ้าช่างล้ำลึกยิ่งนัก”
หลินเป่ยเฉินรวบรวมเรี่ยวแรงแทบทั้งหมดปรบมือชมเชย “ไม่มีผู้ใดจะมีวิสัยทัศน์กว้างไกลมากไปกว่าเจ้าอีกแล้ว”
“นี่คือคำพูดประโยคสุดท้ายของเจ้าใช่หรือไม่?”
หลินซิงเฉิงกางแขนออก แล้วกระบี่เล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ เขาก้าวเดินเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินอย่างแช่มช้า
“ย่อมไม่ใช่”
หลินเป่ยเฉินกล่าว “แต่เป็นประโยคสุดท้ายของเจ้าต่างหาก”
“เจ้าพูดอะไรของเจ้า?”
หลินซิงเฉิงหัวเราะเยาะเล็กน้อย
ฟิ้ว!
เสียงที่แปลกประหลาดดังขึ้น
ร่างของหลินซิงเฉิงกระตุกไปด้านหลัง แล้วศีรษะก็หายวับไป
หลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นมากระแทกกับผนังหินสีเขียว ก่อนที่ตัวคนจะค่อย ๆ ไถลรูดลงมา
นี่คือแรงถีบของปืน AWM
เขาเป่าปลายกระบอกปืน จ้องมองไปที่ศพไร้ศีรษะของหลินซิงเฉิง ใบหน้าประดับรอยยิ้ม “นี่เรียกว่าหมองูตายเพราะงู เจ้ามั่นใจในสิ่งใดมากเกินไป เจ้าก็จะต้องตายเพราะสิ่งนั้น…”
ค่ายอาคมสลายพลังปราณอันใด?
ค่ายอาคมที่ทำให้ร่างกายหมดเรี่ยวแรงอันใด?
หลินเป่ยเฉินสามารถหาทางแก้ไขได้เสมอ
กระสุนปืน AWM ถูกบรรจุพลังปราณอยู่ก่อนแล้ว และการเหนี่ยวไกยิงก็ไม่ได้ใช้เรี่ยวแรงอันใดมากเลย
ห้องลับตกอยู่ในความเงียบและแสงสีน้ำเงิน
“เจ้าตายแล้วหรือไม่? หากยังไม่ตาย ก็จงแสดงตัวออกมา”
หลินเป่ยเฉินกวาดสายตามองรอบกาย
ร่างดัดแปลงของหลินซิงเฉิงชำรุดเสียหาย แต่วิญญาณของเขายังไม่ได้ถูกทำลาย
เมื่อสักครู่นี้ หลินเป่ยเฉินเพียงทำลายร่างดัดแปลง ดังนั้น ตามทฤษฎี หลินซิงเฉิงจึงยังไม่สมควรตาย
แต่วิญญาณของหลินซิงเฉิงไม่ส่งเสียงตอบกลับมา
หลินเป่ยเฉินมองรอบตัวด้วยความสนใจ
ในห้องลับแห่งนี้ มีเพียงสิ่งเดียวที่แปลกประหลาดมากที่สุดก็คือตะเกียงโบราณดวงนั้น
ตะเกียงที่บัดนี้มีแสงไฟริบหรี่
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงว่าเรี่ยวแรงและพลังภายในร่างกายเริ่มฟื้นฟูกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เขายังคงรอคอยต่อไป ไม่รีบร้อนเคลื่อนไหว
เพียงสิบลมหายใจเท่านั้น
พลังทั้งหมดในร่างกายก็ฟื้นคืนกลับมา
หลินเป่ยเฉินสวมถุงมือที่ซื้อมาจากในอินเทอร์เน็ตและลุกขึ้นเดินไปหยิบตะเกียงโบราณออกมาจากฝาผนัง
และเด็กหนุ่มก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะตะเกียงโบราณดวงนี้ไม่ได้แสดงพลังต่อต้านเขาเลยแม้แต่น้อย หลินเป่ยเฉินสามารถหยิบมันมาดูได้อย่างง่ายดาย
ทั้งน้ำหนักเบาและมีขนาดพอดีมือ
มีรูปทรงที่สวยงาม
ตัวตะเกียงเก่าเสียจนไม่อาจรู้ได้อีกต่อไปว่ามันเคยมีสีเดิมเป็นสีอะไรกันแน่
หลินเป่ยเฉินยกตะเกียงขึ้นพิจารณาในระยะใกล้
สิ่งที่เป็นแสงไฟจากด้านในตะเกียงมีลักษณะเป็นคลื่นพลังวังน้ำวนน่าขนลุก
“ปรากฏว่าแสงจากตะเกียงมาจากคลื่นพลังเหล่านี้นี่เอง…”
หลินเป่ยเฉินพึมพำด้วยความพิศวง
ทันใดนั้น สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไป
เพราะเขาค้นพบว่าคลื่นพลังที่หมุนวนอยู่ในตะเกียงนั้น…
กลับมีใบหน้ามนุษย์ซ่อนอยู่?!
ใบหน้ามนุษย์เหล่านั้นมีขนาดเล็กเพียงเท่ากับเล็บนิ้วมือ แต่พวกมันก็ลอยตัววนเวียนอย่างหนาแน่นอยู่ภายในตะเกียงโบราณ สีหน้าของผู้คนเหล่านั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความทรมาน ความทุรนทุราย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความขอร้องอ้อนวอนขอความเมตตา
หลินเป่ยเฉินขนลุกขนชันไปทั้งตัว
นี่มันตะเกียงผีหรือไง?
สิ่งที่อยู่ข้างในคืออะไรกันแน่?
คำนวณดูด้วยสายตาคร่าว ๆ ใบหน้าขนาดเล็กที่หมุนวนอยู่ในคลื่นพลังภายในตะเกียงโบราณนั้นน่าจะมีไม่ต่ำกว่าหมื่นใบหน้า
หากใบหน้าเหล่านี้เคยเป็นผู้คนที่มีชีวิตมาก่อน... นั่นก็ถือเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
ใบหน้าเหล่านี้ดูเจ็บปวดทรมาน หลินเป่ยเฉินไม่ทราบเลยว่าหากตนเองทำลายตะเกียงดวงนี้ วิญญาณเหล่านั้นจะได้รับการปลดปล่อยหรือไม่?
หลินเป่ยเฉินนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาสแกน
‘ติ๊ง!’
แล้วข้อความจำนวนมากก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์
‘ชื่อวัตถุ: ตะเกียงวิญญาณจำนน’
‘สภาพ: วัตถุที่ชำรุด’
‘ระดับวัตถุ: ระดับที่ 30 (สามารถมีระดับที่สูงได้มากกว่านี้เมื่อได้รับการซ่อมแซม)’
‘ความสามารถ: ใช้สำหรับการค้นหาดวงวิญญาณ นำทางดวงวิญญาณ และจองจำดวงวิญญาณ (สามารถเพิ่มความสามารถเมื่อได้รับการซ่อมแซม)’
‘วิธีการใช้งาน : ถูตะเกียงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ’
‘นี่คือตะเกียงโบราณที่สร้างขึ้นมาโดยบรรพบุรุษของผู้ใช้สายเลือดผู้แปรธาตุ ในอดีตเคยมีความสามารถอันยอดเยี่ยม แต่เนื่องจากผ่านการเวลามาอย่างยาวนาน ตะเกียงดวงนี้จึงอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม ความสามารถเดียวที่เหลืออยู่คือการจองจำวิญญาณเพื่อทรมานผู้คน หากได้รับการซ่อมแซม ตะเกียงดวงนี้ก็จะกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง…’
นับเป็นตะเกียงโบราณที่มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา
ปรากฏว่านี่เป็นวัตถุเล่นแร่แปรธาตุที่สร้างขึ้นมาโดยบรรพบุรุษของผู้ใช้สายเลือดผู้แปรธาตุ
เมื่อกาลเวลาผ่านไปหลายพันปี บรรพบุรุษของผู้ใช้สายเลือดผู้แปรธาตุกลายเป็นตำนาน ไม่ว่าตะเกียงดวงนี้จะชำรุดทรุดโทรมเพียงใด แต่ก็ถือเป็นสุดยอดวัตถุอยู่ดี
“ถูตะเกียงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ ถอดถุงมือออกและใช้นิ้วมือของตนเองถูตะเกียง
พื้นผิวของตะเกียงเรียบลื่น
แสงสว่างสีน้ำเงินสาดกระจายไปรอบบริเวณอีกครั้ง
พลังกดดันแผ่กระจายออกมา
แล้วตะเกียงวิญญาณจำนนก็เริ่มสั่นสะเทือนเล็กน้อย