เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1744 โอกาสสำหรับพวกเรา
ตอนที่ 1,744 โอกาสสำหรับพวกเรา
สองพี่น้องรีบเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
ระหว่างที่เดินมานั้น ผู้เป็นพี่สาวก็นำผงสีขาวออกมาโปรยไประหว่างทาง
แล้วก็เกิดเป็นชั้นหมอกบาง ๆ ขึ้นมาในอากาศ
สายลมโชยพัด
หมอกขาวหนาตัวมากขึ้น
“หืม? มีหมอกตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย?”
“เกิดหมอกขึ้นได้อย่างไร?”
บรรดาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาตามท้องถนนอุทานด้วยความประหลาดใจ
เพียงพริบตาเดียว หมอกขาวก็ปกคลุมในอากาศ ทำให้ผู้คนมองไม่เห็นเส้นทางในระยะที่เกินกว่าหกวา
ผู้ฝึกยุทธ์บางคนถึงกับตื่นตระหนกเมื่อพบว่าไม่สามารถใช้พลังปราณขับไล่หมอกขาวเหล่านี้ออกไปได้
แต่แล้วหมอกขาวนั้นก็ได้กระจายตัวหายไปอย่างรวดเร็ว
หายไปเพียงพริบตาเดียว
เช่นเดียวกับสองพี่น้องคู่นั้น
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเขตเทียนหลางซิง
ถิ่นที่อยู่อาศัยเปลี่ยนจากตึกสูงระฟ้ากลายเป็นชุมชนแออัดสกปรกเหม็นเน่า
สองพี่น้องเดินขึ้นบันไดผ่านลานทิ้งขยะจำนวนนับไม่ถ้วน สุดท้ายก็มาปรากฏตัวขึ้นหน้าประตูกระท่อมไม้หลังหนึ่งด้วยความระมัดระวัง
ก๊อก! ก๊อก!
ก๊อก!
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะจะโคน
“กลับมาแล้วหรือ?”
ชายชราผมขาวร่างกำยำค่อย ๆ เปิดประตู ริ้วรอยบนใบหน้ายับย่นด้วยความประหลาดใจ “นี่พวกเจ้าได้รับบาดเจ็บมาหรือ? รีบเข้ามาก่อนเถอะ”
สองพี่น้องรีบเดินเข้าไปด้านในกระท่อมไม้ทันที
ทั้งสองคนไม่ได้สังเกตเลยว่า ณ ลานทิ้งขยะทางด้านหลัง เงาร่างของคนผู้หนึ่งได้พรางตัวอยู่ในกองขยะ และเมื่อชายชราปิดประตูกระท่อมไม้ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“ตาเฒ่าสารพัดพิษ ที่แท้ก็มาซ่อนตัวอยู่ที่นี่เอง”
…
หลินเป่ยเฉินทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับสองพี่น้อง เขาไม่ได้ส่งคนไปติดตามสะกดรอย
ในเมื่อเด็กสาวมั่นใจว่าศัตรูของพวกนางเป็นบุคคลที่เขาไม่สามารถรับมือได้ หลินเป่ยเฉินจึงตัดสินใจเชื่อถือคำพูดของนาง
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเชื่อมั่นว่าชื่อเสียงของตนเองในเมืองเทียนหลางซิงยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ สองพี่น้องต้องรู้ดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ผู้เป็นพี่สาวจึงไม่ได้พูดออกมาอย่างส่งเดชแน่นอน
โทรศัพท์มือถือยังคงอัปเดตระบบต่อไป
หลินเป่ยเฉินนอนหอบหายใจหนักหน่วงอยู่ภายในห้องพัก ขณะพยายามที่จะใช้พลังของตนเองฟื้นฟูแผ่นดินตงเต้าต่อจากครั้งก่อน
โอสถคืนวิญญาณอยู่ในมือของเขาแล้ว ได้เวลาที่จะชุบชีวิตผู้คนแล้ว
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจว่าเมื่อโทรศัพท์มือถืออัปเดตระบบเสร็จสิ้น เขาก็จะกลับไปที่แผ่นดินตงเต้าเพื่อทำการชุบชีวิตผู้คนโดยทันที เพราะหากปล่อยให้เวลาผ่านไปนานมากกว่านี้ มันอาจจะสายเกินไปก็เป็นได้
กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปได้สองวันแล้ว
ในสองวันที่ผ่านมา ภายในเมืองเทียนหลางซิงได้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ขึ้น
เป็นเหตุการณ์ที่สะท้านสะเทือนไปทั่วอาณาจักรซือเว่ย
มีการแต่งตั้งองค์จักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์
แต่ราชสำนักไม่ได้มีฐานอำนาจแข็งแกร่งเหมือนเก่าก่อน การขึ้นครองราชย์ในปัจจุบัน จึงเป็นเพียงหุ่นเชิดของทางสภาขุนนางเท่านั้น
ว่ากันว่าองค์จักรพรรดิองค์ใหม่มีระดับพลังต่ำต้อย ดังนั้น การประกอบพิธีแต่งตั้งองค์จักรพรรดิจึงเป็นไปอย่างเรียบง่าย และมีเพียงผู้เข้าร่วมพิธีไม่กี่คนเท่านั้น
พิธีแต่งตั้งทั้งหมดล้วนควบคุมโดยท่านผู้คุมสภาขุนนางฮวาไป๋
“ร้ายกาจจริง ๆ”
เมื่อหลินเป่ยเฉินได้รับทราบข่าวนี้ เขาก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความอนาถใจ “ถึงกับแต่งตั้งองค์จักรพรรดิเป็นหุ่นเชิดของตนเอง… แบบนี้มันหยามเกียรติกันเกินไปแล้ว หากข้าเป็นองค์จักรพรรดิองค์ใหม่ผู้นั้นนะ ข้าจะต้องหาทางตลบหลังฮวาไป๋และกำจัดพวกมันทิ้งไปให้สิ้นซาก”
“นายน้อยกล่าวได้ถูกต้องแล้วขอรับ”
หวังจงรีบประจบสอพลอทันที “ว่ากันว่าองค์จักรพรรดิองค์ใหม่ผู้นี้เคยเป็นองค์ชายผู้สาบสูญ เขามีสติปัญญาโง่เขลา มีขั้นพลังต่ำต้อย เขากลับมาที่อาณาจักรซือเว่ยได้ไม่ทันไร องค์จักรพรรดิผู้เป็นพระบิดาก็สวรรคต นับจากนั้น องค์ชายผู้นี้ก็ถูกจองจำอยู่ในคุกใต้ดิน บัดนี้ ถึงกับถูกนำตัวออกมาใช้งานเป็นหุ่นเชิด พิธีการแต่งตั้งขึ้นครองบัลลังก์ก็เป็นไปอย่างเรียบง่ายธรรมดา ไม่ต่างไปจากที่การแต่งตั้งขุนนางทั่วไป ไม่มีพวกรองผู้คุมสภามาร่วมงานด้วยเลยแม้แต่คนเดียว หรือแม้กระทั่งการเชิญตัวบรรดาแม่ทัพใหญ่ในกองทัพมาร่วมด้วยก็ไม่มีเช่นกัน… นับเป็นองค์จักรพรรดิที่น่าเวทนายิ่งนัก”
หลินเป่ยเฉินถามขึ้นด้วยความสงสัยใจ “จักรพรรดิองค์ใหม่ผู้นี้มีนามว่าอันใดหรือ?”
หวังจงส่ายศีรษะและตอบว่า “บ่าวไม่ทราบขอรับ จักรพรรดิองค์ใหม่ผู้นี้มีข้อมูลเปิดเผยออกมาน้อยมาก นามของพระองค์เป็นเสมือนคำต้องห้ามที่ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงเด็ดขาด”
“น่าสงสาร น่าสงสาร”
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินแสดงออกถึงความเวทนา
เรื่องราวเช่นนี้เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์จีนโบราณและประวัติศาสตร์อาณาจักรต่าง ๆ ในโลกมนุษย์ใบเก่าของหลินเป่ยเฉินมานับครั้งไม่ถ้วน
หลินเป่ยเฉินเพียงรู้สึกสงสารเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีความคิดอื่นใดอีก
หวังจงกล่าวขึ้นมาว่า “แต่นายน้อย นี่คือโอกาสสำหรับพวกเราแล้วนะขอรับ”
“หา?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองหน้าคนรับใช้ของตนเอง “เจ้าอยากจะให้ข้าทำตัวเป็นโจโฉอย่างนั้นหรือ?”
“โจโฉหรือขอรับ?”
“ก็โจโฉน่ะสิ”
“ผู้ใดคือโจโฉขอรับ?”
“เอ่อ…”
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบใช้ความคิด ก่อนจะอธิบายว่า “เป็นอัครเสนาบดีผู้หนึ่งที่กระหายในอำนาจ เขาได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่มีความว่องไวที่สุดในโลก แต่ภายหลังด้วยความทะเยอทะยานมากเกินไป เขาจึงเข้ารับการทดลองที่น่าตกตะลึง สุดท้ายก็ต้องเสียชีวิตระหว่างทานยาอายุวัฒนะที่ไม่ผ่านการทดสอบ ยามที่มีชีวิตอยู่ ครั้งหนึ่งโจโฉเคยหลงรักศัตรูของตนเอง แต่พวกเขาเป็นบุรุษด้วยกันทั้งหมด จึงไม่สามารถแสดงความรักออกมาได้…”
หวังจงได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ
เขาไม่เคยได้ยินเรื่องราวของคนผู้นี้มาก่อน
ท่าทางอาการทางสมองของนายน้อยจะกำเริบขึ้นมาอีกแล้วสิ
“สรุปก็คือ เจ้ากำลังจะบอกให้ข้าใช้โอกาสนี้ยึดครองเมืองเทียนหลางซิง และควบรวมอำนาจทั้งหมดในอาณาจักรซือเว่ยใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่หวังจง
หวังจงหัวเราะคิกคักและพยักหน้าตอบว่า “ใช่แล้วขอรับ มีเพียงนายน้อยที่เข้าใจความคิดของบ่าว หากเราปล่อยให้อาณาจักรซือเว่ยตกอยู่ในกำมือของคนชั่วช้าอย่างฮวาไป๋ต่อไป ก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากแล้ว”
“เจ้าไม่ต้องมาใช้ข้าเป็นข้ออ้าง”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองหวังจงด้วยความสงสัย “เป็นเจ้าที่ลุ่มหลงในรสชาติแห่งอำนาจต่างหาก เจ้าอยากจะครอบครองความยิ่งใหญ่มากกว่านี้… เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่อยากสู้รบกับใครสักหน่อย”
หวังจงรีบก้มหน้าต่ำ “นับว่าบ่าวไม่สามารถปิดบังนายน้อยได้จริง ๆ แต่นายน้อยก็คงรู้ว่าบ่าวจงรักภักดีต่อนายน้อยมากเพียงใด บ่าวเฝ้าดูนายน้อยเติบโต บ่าวดูแลนายน้อยไม่ต่างจากบุตรชายของตนเอง… คำว่าจงในชื่อของหวังจงมาจากคำว่าจงรักภักดี นี่คือสิ่งที่ยืนยันว่าบ่าวมีความซื่อสัตย์ให้แก่นายน้อยอยู่เสมอ…”
พลั่ก!
หลินเป่ยเฉินกระโดดเตะหวังจงลอยกระเด็นออกไป “ตาเฒ่านี่ ผู้ใดเป็นบุตรชายของเจ้าฮะ? เหตุไฉนเจ้าถึงชอบพูดจาเสมือนตนเองเป็นบิดาของข้าอยู่เรื่อย”
“อ๊า… นี่สิความรู้สึกแห่งความสุขที่แท้จริง”
หวังจงรีบวิ่งกลับเข้ามาด้วยหน้าตารื่นเริง “นายน้อย สิ่งที่นายน้อยต้องการมากที่สุดก็คืออำนาจ นายน้อยลองคิดดูใหม่เถอะขอรับ”
“เจ้าไม่ต้องพูดอีกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินขึ้นเสียงขัดจังหวะพ่อบ้านชราและกล่าวว่า “ข้าเห็นด้วยกับความคิดของเจ้า”
หวังจงหยุดชะงัก ก่อนจะยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “นายน้อยช่างชาญฉลาดยิ่งนัก ถ้าอย่างนั้น บ่าวจะรีบไปวางแผนการเพื่อแย่งชิงอำนาจในงานเลี้ยงล่ากวาง… หุหุ อาณาจักรซือเว่ยอย่างนั้นหรือ? บ่าวจะนำมามอบไว้แทบเท้าของนายน้อยเอง”
กล่าวจบ หวังจงก็รีบหมุนตัวเดินออกไป