เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1753 นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน
ตอนที่ 1,753 นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน
ร่างกายของปี๋อวิ่นเถาสั่นเทา
กัดฟันกรอด
แต่ก็ไม่ได้พูดคำใดออกมา
ปี๋อวิ่นเถาไม่ทราบเลยว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เขาข่มความสงสัยและความโกรธแค้น และสูดหายใจลึก ๆ เดินตรงไปยังซากศพของหญิงคนรัก ถอดเสื้อคลุมออกมาคลุมลงไปบนซากศพของนาง จากนั้นจึงจัดผมเผ้าของนางให้เรียบร้อย สุดท้าย ปี๋อวิ่นเถาจึงค่อยไปดูซากศพของบิดามารดา และชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่มาร่วมงาน
“นี่เป็นฝีมือของผู้ใด?”
หลังจากตรวจสอบซากศพเสร็จสิ้น ปี๋อวิ่นเถาก็หันกลับมาถามเสี่ยวไป๋ “บอกข้ามา ผู้ใดเป็นคนทำ?”
เสี่ยวไป๋ร่างกายสั่นเทา
เขายิ้มด้วยความเศร้า “พวกมันไม่ได้ฆ่าข้าโดยทันที แต่ตั้งใจทำให้ข้าตายช้ากว่าทุกคน เพราะพวกมันอยากจะให้ข้ากล่าวโทษท่าน พวกมันอยากจะให้คำพูดของข้าทรมานท่านไปจนวันตาย… ข้าจะบอกทุกอย่างกับท่านก็ได้ แต่ว่า… ข้าไม่บอกหรอก เพราะข้ารู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน”
ปี๋อวิ่นเถากำมือเป็นหมัดแน่นและระเบิดเสียงคำรามไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บ “เลิกพูดจาเหลวไหลได้แล้ว บอกข้ามาว่าผู้ใดเป็นคนทำ!”
“เป็นคนที่ท่านไม่สามารถเอาชนะได้เด็ดขาด”
เสี่ยวไป๋ตอบพร้อมกับไอโขลก
แล้วโลหิตก็ไหลทะลักออกมาจากปากและจมูกของเสี่ยวไป๋ แม้แต่ดวงตาก็มีเลือดไหลซึมออกมาเช่นกัน
เสี่ยวไป๋เอื้อมมือไปจับต้นไม้ที่อยู่ข้างกายเป็นหลักยึดและกล่าวต่อไปด้วยความยากลำบาก “ความปรารถนาก่อนตายของพี่สาวข้าคืออยากให้ท่านใช้ชีวิตให้ดี… พี่ปี๋ ท่านมีฝีมือกระบี่เป็นเลิศ แม้แต่องค์จักรพรรดิองค์เก่าก็ยังชื่นชมท่าน เพราะฉะนั้น อย่าทำสิ่งใดวู่วาม… ฝึกฝีมือให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ สักวันหนึ่ง เมื่อท่านแข็งแกร่งมากพอ ท่านก็จะล่วงรู้ทุกอย่างเอง”
“นี่เจ้าโดนวางยาพิษอย่างนั้นหรือ?”
ปี๋อวิ่นเถารีบวิ่งเข้าไปช่วยประคองสหายรักและนำโอสถถอนพิษกรอกใส่ปากเสี่ยวไป๋ตามด้วยถ่ายเทพลังปราณและร่ำร้องด้วยความตื่นตระหนก “เสี่ยวไป๋… เจ้า… เจ้าจะตายไม่ได้นะ…. เจ้าจะมาตายเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด…”
“พี่ปี๋… ท่าน... ได้โปรดจำเอาไว้ให้ดี… นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน... แต่เป็นโลกใบนี้ที่โหดร้ายมากเกินไป”
แล้วใบหน้าของเสี่ยวไป๋ก็กลายเป็นสีดำคล้ำอย่างรวดเร็ว
ต่อจากนั้น ลมหายใจก็หยุดชะงัก
ปี๋อวิ่นเถายืนตกตะลึง
“เจ้ายังไม่ได้ตอบข้าเลย”
ดวงตาของบุรุษหนุ่มกลายเป็นสีแดงก่ำ “แต่ข้ารู้แล้วว่าผู้ใดเป็นคนทำ”
…
รัตติกาลมาเยือน
ดวงจันทร์ลอยเด่นบนท้องฟ้า
อาหารและสุราที่ตั้งอยู่บนโต๊ะในงานวิวาห์ล้วนเย็นชืดหมดแล้ว
ปี๋อวิ่นเถานั่งเหม่อลอยอยู่ท่ามกลางกลุ่มซากศพ
เขากำลังใช้ความคิด…
แสงจันทร์สาดส่องลงมาย้อมเส้นผมสีดำสนิทของเขาให้กลายเป็นสีขาวนวล
ไม่ทราบเลยว่าเขานั่งอยู่ตรงนั้นนานเพียงใด แต่สุดท้าย ปี๋อวิ่นเถาก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ
เมฆดำลอยเข้ามาบดบังดวงจันทร์
เส้นผมของปี๋อวิ่นเถายังคงเป็นสีขาว
ผมสีขาวกลางราตรีที่มืดมิด
ปี๋อวิ่นเถานำศพทั้งหมดกลบฝังที่ลานหลังบ้าน
หลังจากนั้น เขาก็เดินมาที่ต้นไม้ใหญ่ในลานหน้าบ้าน หิ้วถังน้ำมาทำความสะอาดหินก้อนหนึ่ง ก่อนจะนั่งอยู่ใต้ต้นไม้และใช้หินก้อนนั้นลับคมกระบี่ของตนเอง
กระบี่คู่กายที่เคยใช้ช่วยเหลือผู้คนเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน กำลังจะต้องถูกใช้งานในแผนการครั้งสำคัญมากที่สุดในชีวิตของปี๋อวิ่นเถา
เขาลับกระบี่ด้วยความหนักแน่นจริงจัง
รุ่งเช้า
การลับกระบี่ก็เสร็จสิ้น
ปี๋อวิ่นเถาไม่ได้ไปที่หน่วยสืบสวนพิเศษ
ปี๋อวิ่นเถาไม่ได้ไปที่คุกใต้ดิน
แต่เขามุ่งหน้าตรงไปยังวังหลวง
ปี๋อวิ่นเถาทราบว่าในวันนี้ทางวังหลวงกำลังจะจัดงานเลี้ยงล่ากวางและบรรดาคนใหญ่คนโตก็จะไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่นทั้งหมด
เขากำลังจะไปถามว่าผู้ใดที่ทำให้โลกใบนี้โหดร้ายกับเขาถึงเพียงนี้
…
“ใบไม้คืนวิญญาณ รากดาราแก้ว ผงผลึกฟ้า หัวผักกาดบด ไส้อ่อนหมู…”
ระหว่างที่ชั่งน้ำหนักวัตถุดิบ เด็กสาวก็นำสูตรการปรุงยามาวางไว้บนโต๊ะพร้อมกับกล่าวว่า “ใช้สมุนไพรทั้งสิ้นยี่สิบเอ็ดชนิด ได้เวลาที่เจ้าต้องแสดงฝีมือบ้างแล้ว ครั้งนี้เจ้าต้องหลอมให้ได้ห้าเม็ด”
“ทำไมไม่หลอมครั้งละสิบเม็ดไปเลยล่ะท่านพี่?”
เสี่ยวติงผู้เป็นน้องชายหยิบสมุนไพรบนโต๊ะขึ้นมาทีละอย่าง ก่อนจะโยนเข้าไปในปากและเคี้ยวตุ้ย สุดท้ายก็กลืนลงคอ “สำหรับข้า หลอมครั้งละสิบเม็ดถือเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง”
“ข้าไม่อยากให้การหลอมโอสถเป็นไปอย่างรวดเร็วมากเกินไป”
เด็กสาวหัวเราะเยาะ “ข้าต้องการทำให้เขาเข้าใจว่าโอสถชนิดนี้ไม่ได้จะหลอมขึ้นมาง่าย ๆ และมันก็เป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงมาก”
“สุดท้ายก็เรียกร้องความสนใจจากเขาอยู่ดี”
ในระหว่างที่เคี้ยวกลืนสมุนไพร เสี่ยวติงพลันกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้งว่า “แล้วท่านยังจะยืนกรานว่าไม่ได้ตกหลุมรักพี่หลินอีกหรือ? นี่ท่านก็กำลังขุดบ่อล่อเขาอยู่ไม่ใช่หรือไร?”
“ข้า…”
เด็กสาวโกรธเคืองจนแทบจะยกแท่งบดยาในมือขึ้นฟาด
ผู้เป็นน้องชายกระโดดหลบได้ทันอย่างเฉียดฉิว “สตรีพอถูกจับได้ก็มักจะโกรธแค้นเช่นนี้หรือ?”
เด็กสาวทำท่าจะวิ่งไล่ตามมาฟาดต่อ
“ใจเย็นก่อน อย่าเพิ่งทำสิ่งใดวู่วาม”
น้องชายรีบโบกไม้โบกมือเร็วไว “ข้ากำลังจะเริ่มการหลอมโอสถแล้ว หากท่านตีข้าอีกครั้ง ระวังโอสถอุดตันไม่รู้ด้วย”
เด็กสาวกัดฟันด้วยความขุ่นเคือง
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไล่ตีอีก
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงโครกครากดังออกมาจากในท้องของเด็กชาย
แล้วลำแสงสีขาวก็พุ่งทะลวงออกมาจากใบหูของเขา
เป็นเช่นนี้ประมาณหนึ่งชั่วยาม
“เรียบร้อย”
เด็กชายถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวว่า “ขอเชิญท่านพี่ออกไปก่อน”
“ใช่ว่าข้าจะไม่เคยเห็นสักหน่อย”
เด็กสาวทำสีหน้าเหยียดหยาม “ตอนที่เจ้าอายุเพียงสามขวบ ทุกครั้งที่เจ้าหลอมโอสถออกมา ก็เป็นข้าไม่ใช่หรือที่ต้องคอยเก็บโอสถให้น่ะ”
เด็กชายกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “นั่นแหละความแตกต่างระหว่างบุรุษกับสตรี บัดนี้ ข้าเติบโตขึ้นแล้ว… และในเมื่อท่านกำลังหลงรักพี่หลิน ท่านก็สมควรอย่าให้เขารู้ความจริงเรื่องนี้เป็นอันขาด มิเช่นนั้น เขาอาจจะหนีจากท่านไปตลอดกาลก็เป็นได้ ให้อภัยข้าด้วยเถอะนะ นักอ่านนิยายรักประโลมโลกมืออาชีพอย่างข้าเคยพบเหตุการณ์เหล่านี้มามากมายแล้ว…”
พลั่ก!
จากนั้นก็ได้ยินเสียงการกระแทกดังขึ้น
ปรากฏว่าจานสำหรับบดยาถูกโยนเข้าใส่หน้าผากของเด็กชายอย่างจัง
เด็กสาวหมุนตัวเดินออกมาด้วยความหงุดหงิด
ผู้เป็นน้องชายได้แต่ถอนหายใจ “เฮ้อ นับเป็นสตรีที่ร้ายกาจยิ่งนัก ข้าไม่รู้เลยว่าพี่หลินจะทนนางได้หรือไม่”
หลังจากนั้น เขาก็ถอดสายรัดกางเกงออก ก่อนจะย่อกายลง นำชามใบหนึ่งมารองไว้ใต้ก้นและเริ่มต้นเบ่งสุดพลัง
ปุด! ปุด! ปุด! ปุด! ปุด!
เสียงที่แปลกประหลาดดังขึ้นห้าครั้ง
แล้วโอสถคืนวิญญาณห้าเม็ดก็นอนกลิ้งอยู่ในชามใบนั้น
“เรียบร้อยแล้วขอรับท่านพี่”
เด็กชายผูกสายรัดกางเกง จากนั้นก็เดินถือชามใส่โอสถออกมาจากห้องปรุงยานั้น