เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1757 หมัดสั่งฟ้า
ตอนที่ 1,757 หมัดสั่งฟ้า
ฮวาไป๋หมุนฝ่ามือซ้ายก่อนจะกระแทกฝ่ามือข้างนั้นออกมาข้างหน้า และส่งคลื่นพลังถาโถมออกมาอย่างหนักหน่วง
นี่คือวิชาฝ่ามือถล่มภูผาเลือด
เป็นหนึ่งในวิชาต่อสู้ประจำตัวของฮวาไป๋
หลายปีที่ผ่านมา ฮวาไป๋อาศัยวิชานี้เพียงวิชาเดียวก็สามารถครอบครองความยิ่งใหญ่ได้ทั่วอาณาจักรซือเว่ย แม้แต่บรรดาแม่ทัพใหญ่ที่เคยรับใช้องค์จักรพรรดิองค์เก่าก็ยังต้องยอมแพ้ให้แก่เขา
และจักรพรรดิองค์เก่าก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่วิชาฝ่ามือถล่มภูผาเลือดเช่นกัน
ตู้ม!
บังเกิดเสียงคล้ายฟ้าคำราม
มวลอากาศปั่นป่วน
ฝ่ามือและกำปั้นของฮวาไป๋กับหลินเป่ยเฉินปะทะกันอย่างแรง
ฮวาไป๋เกิดจิตสังหารแรงกล้า
เขาอยากจะใช้โอกาสนี้กำจัดหลินเป่ยเฉินไปให้พ้นทาง เนื่องจากนี่เป็นช่วงเวลาที่อีกฝ่ายไม่ได้รับการคุ้มครองจากยอดฝีมือขั้นจอมเทพจักรา
ผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงล่ากวางในวันนี้ต่างก็มีสถานะเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น แต่เมื่อพวกเขาเผชิญกับการต่อสู้ระหว่างฮวาไป๋และหลินเป่ยเฉิน ทุกคนก็รู้สึกกดดันจนหายใจไม่ออก ไม่ต่างจากตนเองกำลังอยู่ท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำในมหาสมุทรและพร้อมที่จะถูกพายุเหล่านั้นกลืนกินเข้าไปได้ตลอดเวลา
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวในพลังฝ่ามือของอีกฝ่าย
แต่สำหรับเขา ผู้ที่ขอบเขตพลังในวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณเลื่อนขั้นอย่างต่อเนื่อง กล้ามเนื้อและร่างกายของหลินเป่ยเฉินจึงสามารถทนรับพลังเหล่านี้ได้ดีไม่มีปัญหา
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำรามออกมาว่า “หมัดสั่งฟ้า!”
ฮวาไป๋ตื่นตระหนก
ทันใดนั้น มวลพลังจากแรงหมัดของหลินเป่ยเฉินก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
“ฟู่…”
ฮวาไป๋ถูกหมัดกระแทกเข้าใส่ฝ่ามือ พลังทำลายล้างรุนแรงเกินต้านทาน โลหิตไหลทะลักออกมาจากปากขณะที่ตัวคนลอยกระเด็นไปข้างหลังและกระแทกเข้ากับขั้นบันไดทองคำภายในท้องพระโรงอย่างรุนแรง
“ใต้เท้า…”
“ปกป้องท่านผู้คุมสภา”
เจียงสือ ลั่วอี้หู และซือเทียนซิง สามคนสนิทของฮวาไป๋ตั้งสติได้ในทันควัน พวกเขารีบพุ่งเข้าไปห้อมล้อมร่างที่กำลังกระอักเลือดของผู้เป็นนายท่านให้อยู่ตรงกลาง
แรงกดดันในท้องพระโรงสลายหายไป
ผู้คนตกอยู่ในความตะลึงงัน
ก่อนหน้านี้ พวกเขาย่อมทราบดีว่าเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินแข็งแกร่งมาก
แต่ไม่มีผู้ใดคิดเลยว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถเอาชนะฮวาไป๋ผู้ที่มีความแข็งแกร่งที่สุดแห่งอาณาจักรซือเว่ยได้แล้ว หลินเป่ยเฉินต้องมีขั้นพลังอยู่ในระดับใดกันนะ?
อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในขั้นจอมเทพจักราแล้ว
“อ่อนหัด”
หลินเป่ยเฉินค่อย ๆ ลดกำปั้นของตนเองลงพลางส่ายศีรษะด้วยความผิดหวัง “ข้าเพียงใช้พลังแค่สามส่วนเท่านั้น ท่านก็พ่ายแพ้เสียแล้ว ช่างน่าผิดหวังเหลือเกิน… แล้วท่านยังจะมีหน้าดำรงตำแหน่งเป็นผู้คุมสภาอยู่อีกได้อย่างไร? ข้าว่าท่านลงจากอำนาจ แล้วกลับไปฝึกวิชาให้แข็งแกร่งมากกว่านี้เถอะ”
“อะเฮื้อ…”
ฮวาไป๋เบิกตาลนลาน กระอักเลือดออกมาจากปากอีกครั้ง
เขาเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าหลินเป่ยเฉินจะแข็งแกร่งถึงระดับนี้
เดิมที เขาเข้าใจว่าเด็กหนุ่มได้รับความช่วยเหลือจากยอดฝีมือผู้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรา แต่ที่ไหนได้ ตัวของหลินเป่ยเฉินเองนั่นแหละที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรา
บัดนี้ ภาพลักษณ์ของผู้คุมสภาที่สูงส่งได้ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
…
ท้องฟ้ากว้างใหญ่
เส้นทางยาวไกลสุดลูกหูลูกตา
รอบกายเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ
เรือเหาะทองคำลำหนึ่งยังคงพุ่งทะยานไปข้างหน้า
บนเรือเหาะลำนั้น ยังคงมีหวงเฉิงอี้ยืนอยู่
…
ไม่มีผู้ใดคาดคิดเลยว่าหลินเป่ยเฉินจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ถึงเพียงนี้
ก่อนหน้านี้ แม้หลายคนจะพอคาดเดาได้ว่าเด็กหนุ่มย่อมมีฝีมือไม่ธรรมดา แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเป่ยเฉินจะมีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจถึงระดับนี้ เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น เขาก็สามารถจัดการฮวาไป๋ผู้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรซือเว่ยได้สำเร็จ
นี่ต้องเป็นความแข็งแกร่งระดับใดกัน?
ไม่ว่าผู้ใดต่างก็คิดไม่ถึงทั้งสิ้น
บรรดาผู้คนที่นั่งอยู่ในท้องพระโรงซึ่งก่อนหน้านี้อยากจะลุกขึ้นกำราบหลินเป่ยเฉิน บัดนี้ ทุกคนต่างก็นั่งนิ่งเงียบ ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาอีกแล้ว
“ท่านทำเกินไปแล้ว”
ที่ปรึกษาเจียงสือจ้องมองด้วยแววตาโกรธแค้น รู้ดีว่าในเวลานี้ตนเองจะแสดงท่าทีอ่อนแอไม่ได้เป็นอันขาด มิเช่นนั้น ภาพลักษณ์ของฮวาไป๋ก็จะล่มสลายตลอดกาล
เจียงสือระเบิดเสียงคำรามถามว่า “ท่านไม่กลัวจะเป็นศัตรูกับคนทั้งแผ่นดินหรือ?”
“เป็นศัตรูกับคนทั้งแผ่นดินเนี่ยนะ?”
หลินเป่ยเฉินเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชั่วร้าย “เจ้าพูดอะไรของเจ้า?”
เด็กหนุ่มหมุนกายเพียงวูบเดียวก็มายืนอยู่เบื้องหน้าเจียงสือ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นและกระแทกหมัดออกไป
เจียงสือเบิกตาโตด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
นี่เขาอุตส่าห์พูดด้วยดี ๆ แล้วนะ
ทำไมถึงยังจะมาเล่นงานเขาอีก?
“ม่านพลังผนึกนภา”
เจียงสือหมุนวนฝ่ามือของตนเองก่อนจะกระแทกฝ่ามือขึ้นไปในอากาศ แล้วตัวคนก็ห่อหุ้มด้วยม่านพลังรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส นี่เป็นเคล็ดวิชาประจำตัวของเขาที่มีไว้ใช้ในยามคับขันเท่านั้น
ม่านพลังสี่เหลี่ยมจัตุรัสนี้สามารถต้านทานการโจมตีของผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิระดับ 7
ในฐานะคนสนิทของฮวาไป๋ เจียงสือย่อมมีฝีมือไม่ต่ำต้อย และเขายังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในยี่สิบยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรซือเว่ย
แต่ว่า…
เปรี้ยง!
หลินเป่ยเฉินปล่อยหมัดใส่ม่านพลังผนึกนภาของเขา
ม่านพลังสีทองคำเกิดรอยแตกร้าวเหมือนเปลือกไข่
“ย้าก...”
เจียงสือแผดเสียงคำราม
แต่พริบตาต่อมา ตัวคนก็ระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือดด้วยกำปั้นของหลินเป่ยเฉิน
มวลอากาศในท้องพระโรงปั่นป่วนรุนแรง
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนรู้สึกหนังหัวชายิบ
ฆ่าคนตายอีกแล้ว?
ฆ่าคนตายกลางงานเลี้ยงล่ากวาง?
ฆ่าคนตายในวังหลวง?
ฆ่าคนตายในตำหนักหมาป่า?
ฆ่าคนตายต่อหน้าองค์จักรพรรดิ?
การแสดงฝีมือของหลินเป่ยเฉินทำให้ทุกคนตกอยู่ภายใต้ความสะพรึงกลัวที่แท้จริง
ก่อนหน้านี้ บรรดาขุนนางและแม่ทัพใหญ่ที่ได้รับเทียบเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงต่างก็รู้สึกดูถูกดูแคลนหลินเป่ยเฉินอยู่ในที
แต่บัดนี้ ยอดฝีมือนับร้อยชีวิตไม่มีผู้ใดกล้าสบตามองหลินเป่ยเฉิน ทุกคนได้แต่ก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าพูดคำใดออกมา
“เพราะเหตุใดเจ้าหน้าที่มือปราบซึ่งเคยได้รับการถูกยกย่องจากจักรพรรดิองค์ก่อนถึงได้ทำการบุกเข้ามาที่ตำหนักหมาป่าเช่นนี้?”
“เหตุไฉนเขาถึงกล้าสังหารราชองครักษ์?”
“นี่เป็นเพราะว่าเขาเสียสติไปแล้วใช่หรือไม่?”
“หากพวกเราอยากรู้คำตอบเหล่านี้ ก็แค่เชิญตัวปี๋อวิ่นเถาเข้ามาสอบถามเท่านั้น แล้วเรื่องราวทุกอย่างก็จะไขกระจ่างเอง”
เสียงของหลินเป่ยเฉินดังก้องกังวานในท้องพระโรง เขากวาดตามองผู้คนอีกครั้งและถามเสียงเรียบว่า “ไม่ทราบว่ามีผู้ใดคิดคัดค้านเรื่องนี้หรือไม่?”
ภายในตำหนักหมาป่า บรรดายอดฝีมือแห่งอาณาจักรซือเว่ยหลายร้อยชีวิต ไม่มีผู้ใดกล้าพูดคำใดออกมาอีกแล้ว!