เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1765 ชัยชนะที่สวยงาม
ตอนที่ 1,765 ชัยชนะที่สวยงาม
ขณะนี้ เจ้าอ้วนไม่ใช่จักรพรรดิองค์ใหม่แห่งอาณาจักรซือเว่ย
แต่เจ้าอ้วนเป็นน้องชายร่วมสาบานของหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะดังกังวานและโอบแขนกอดเจ้าอ้วนด้วยความอบอุ่น
ไม่ต่างจากพี่น้องที่พลัดพรากกันมานานได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง
พี่น้องสวมกอดกัน
ผู้ใดจะไปคิดเลยว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น แม้แต่หลินเป่ยเฉินกับเจ้าอ้วนก็คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้งในสถานการณ์เช่นนี้
สองหนุ่มกอดกันด้วยความรักความอบอุ่น
ฮวาไป๋หันขวับไปมองทางท่านราชครูอีกครั้ง
เต้าอู่ซือยังปิดบังความลับอะไรเอาไว้อีกบ้าง?
เต้าอู่ซือยิ้มเล็กน้อย เพิ่งรู้ตัวในที่สุดว่าตนเองถูกหลอกเช่นกัน
แต่บัดนี้ ดูเหมือนอำนาจจะกลับมาอยู่ทางฝั่งราชสำนักแล้วไม่ใช่หรือ?
ในเมื่อจักรพรรดิองค์ใหม่มีความสัมพันธ์อันดีกับเซียนกระบี่นักล่าหัวหลินเป่ยเฉิน แล้วยังจะมีผู้ใดสามารถต่อต้านพวกเขาได้อีก?
ยิ่งไปกว่านั้น หลินเป่ยเฉินยังมีปี๋อวิ่นเถาเป็นผู้ติดตามคนใหม่
ส่วนผู้ติดตามคนเก่าอย่างรองผู้บังคับการหน้าหยกหวังจงก็ยังไม่ได้ไปไหน...
ในเวลาเดียวกันนี้…
เมื่อบรรดาขุนนางและแม่ทัพใหญ่ลองขบคิดดูดี ๆ แล้ว พวกเขาก็รู้สึกว่าตนเองถูกหลอกลวงเช่นกัน
อย่างน้อยในงานเลี้ยงล่ากวางวันนี้ พวกเขาก็กลายเป็นเพียงไม้ประดับภายในงานเท่านั้น
กลุ่มยอดฝีมือล้วนตกตะลึง
เมื่อสักครู่นี้ พวกเขาได้เห็นด้วยตาของตนเองแล้วว่าเซียนกระบี่นักล่าหัวหลินเป่ยเฉินมีความน่ากลัวเพียงใด
เด็กหนุ่มผู้นี้เพิ่งขึ้นสู่อำนาจในกลุ่มยอดฝีมือได้ไม่นาน แต่กลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ? และเขาใช้วิธีการใดกันนะถึงหลอกลวงฮวาไป๋ให้แต่งตั้งสหายของตนเองขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิองค์ใหม่ได้สำเร็จ?
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีความเป็นไปไม่ได้มากเท่านั้น
ทว่า ความเป็นไม่ได้กลับกลายเป็นความจริงแล้ว
ชัยชนะ!
ชัยชนะอย่างสวยงามของเซียนกระบี่นักล่าหัวหลินเป่ยเฉิน!!
เขากลายเป็นผู้ชนะในงานเลี้ยงล่ากวางอย่างแท้จริง
และผู้ชนะย่อมเป็นผู้ครอบครอง
นับว่าหลินเป่ยเฉินมีความฉลาดอย่างร้ายกาจจริง ๆ
“ปะ… ปะ… ปลดเสด็จอาออกจากตำแหน่งท่านราชครู… นะ… นะ… นับจากนี้ไป… ละ… หลินเป่ยเฉิน… จะ… จะ… จะกลายเป็น… ระ… ระ… ราชครูคนใหม่… ปะ… ปะ… ประจำตัวข้า… คะ… คะ… คะ… ควบคู่กับตำแหน่ง… ผะ… ผะ… ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน... มะ… มะ… มีสิทธิ์ตัดสินใจแทน… ขะ… ข้าได้ทุกประการ... ขะ… ขะ… ขอให้แม่ทัพและขุนนางทุกท่าน… จะ… จะ… จงรับใช้หลินเป่ยเฉิน… ดะ… ดะ… ด้วยความซื่อสัตย์ภักดี… หะ… หะ… หากผู้ใด… มะ… ไม่เชื่อฟัง… ตะ… ต้องถูกประหาร”
เจ้าอ้วนเดินกลับขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ทองคำและประกาศกร้าวอย่างตะกุกตะกัก
ฮวาไป๋ เต้าอู่ซือและขุนนางใหญ่คนอื่นสีหน้าแปรเปลี่ยนไปตาม ๆ กัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ส่งเสียงคัดค้านอันใด
จักรพรรดิองค์ใหม่ที่ควรเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิด
บัดนี้ กลับกลายเป็นองค์จักรพรรดิที่แท้จริงไปเสียแล้ว!
และเนื่องจากนี่เป็นการออกคำสั่งจากองค์จักรพรรดิโดยที่มีขุนนางและแม่ทัพใหญ่เป็นสักขีพยาน นี่จึงถือเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และมีผลบังคับใช้ทั่วอาณาจักรซือเว่ยทันที
“พระองค์ทรงมีพระปรีชาชาญยิ่งนัก”
“ขอพระองค์อายุยืนหมื่นปี”
“คารวะท่านราชครูหลิน”
หลังจากนั้น เสียงที่แสดงออกถึงความเคารพต่อหลินเป่ยเฉินก็ดังขึ้นทั่วตำหนักหมาป่า
หลินเป่ยเฉินจดจำได้อย่างแม่นยำว่าหนึ่งในเสียงที่ชื่นชมเขาเหล่านั้นเป็นพวกของหวังจงดัดเสียงผสมโรงเข้ามาด้วย
แต่นั่นก็เหมาะสมต่อสถานการณ์ดีแล้ว
“ท่านราชครูหลิน”
กลุ่มขุนนางและแม่ทัพใหญ่จำนวนมากหายตกตะลึง เมื่อได้สติอีกครั้ง พวกเขาก็หันมาประสานมือทำความเคารพต่อหลินเป่ยเฉิน
แม้ว่าใครหลายคนจะไม่พอใจ แต่พวกเขาก็ยังต้องทำความเคารพหลินเป่ยเฉินเช่นกัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฮวาไป๋ก็รู้ดีว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
“ท่านราชครู”
เขาตัดสินใจโดยไม่ลังเลรีบเดินตรงเข้าไปประสานมือคำนับหลินเป่ยเฉิน
เพราะฮวาไป๋เกรงว่าเซียนกระบี่นักล่าหัวหลินเป่ยเฉินอาจจะใช้ข้ออ้างที่ว่าตนเองไม่ยอมเดินเข้าไปทำความเคารพ จึงลงมือสังหารเขาก็เป็นได้
ฮวาไป๋เชื่อว่าเมื่อพบเหตุผลสักเล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็สามารถฆ่าเขาได้ทันที
ดังนั้นฮวาไป๋จึงไม่มีทางมอบโอกาสนี้ให้แก่หลินเป่ยเฉินเด็ดขาด
ตราบใดที่ทำตนเป็นเสมือนต้นหญ้าที่ไหวเอนไปตามแรงลม ตราบนั้นฮวาไป๋ก็ยังสามารถอยู่รอดต่อไป และเมื่อคนเรายังคงอยู่รอด ก็มีโอกาสที่จะฟื้นคืนกลับสู่อำนาจได้เสมอ
อีกอย่างฮวาไป๋ยังคงอยู่ในตำแหน่งผู้คุมสภาขุนนาง
ตำแหน่งของเขามีอำนาจอยู่ในมือล้นฟ้า ไม่มีทางที่ราชสำนักจะเข้ามาแทรกแซงได้เด็ดขาด
หลังจากนี้ ก็เหลือแต่เพียงขั้นตอนเจรจาผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายให้ลงตัวเท่านั้น
ส่วนอู่ซือรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
เขาอยากจะเอ่ยปากคัดค้าน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นสบสายตาเจ้าอ้วน เต้าอู่ซือก็รู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ แววตาของหลานชายที่เคยมีแต่ความโง่เขลา บัดนี้กลับปรากฏความจริงจังและขุ่นเคืองใจ จิตสังหารแผ่ซ่านออกมาอย่างแรงกล้า เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนขนลุก
“น้อมรับพระบัญชา คารวะท่านราชครูหลิน”
เต้าอู่ซือคุกเข่าลงทำความเคารพหลานชายของตนเอง ก่อนจะหันไปประสานมือคำนับให้แก่หลินเป่ยเฉิน
เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงบัดนี้ สถานการณ์ทุกอย่างก็ถูกตัดสินเรียบร้อยแล้ว
หลินเป่ยเฉินเดินขึ้นไปยืนอยู่ข้างบัลลังก์ทองคำและเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชั่วร้าย
“อุ๊วะฮ่า ๆๆ เคี้ยก! เคี้ยก! เคี้ยก! เคี้ยก!”
…
“ไหนว่าเจ้าจะพาข้าไปดูงานเลี้ยงล่ากวางไงล่ะ?”
“แล้วเหตุไฉนเจ้าถึงพาข้าเดินวนไปวนมาอยู่ได้?”
“นี่เป็นเพราะสิ่งที่เจ้าบอกมันไม่ใช่ความจริง”
“เจ้ากลัวว่าหากพาข้าไปที่งานเลี้ยงล่ากวางจริง ๆ ข้าจะต้องไปพบเห็นนายท่านของเจ้านั่งคุกเข่าเป็นขอทานอยู่หน้าตำหนักหมาป่าสินะ…”
ณ สนามหญ้าด้านหน้าคฤหาสน์ลู่หลิว เด็กสาวกล่าวด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
อากวงได้แต่ก้มหน้าต่ำ น้ำลายไหลยืด
นี่นับเป็นเคราะห์ร้ายของมันจริง ๆ
อากวงตั้งใจจะพาสองพี่น้องนักปรุงยาไปดูนายท่านที่งานเลี้ยงล่ากวาง แต่มันไม่ทราบว่าตำหนักหมาป่าอยู่ที่ใด จึงลองสอบถามผู้คนที่อยู่ข้างทาง และเมื่อเดินไปตามเส้นทางที่คนผู้นั้นบอกได้ประมาณหนึ่งชั่วยาม อากวงจึงได้รู้ตัวว่ามันเองถูกคนผู้นั้นหลอกเข้าให้เสียแล้ว
นี่จึงนำมาสู่ความอับอายที่เกิดขึ้น
เด็กสาวยิ่งดูถูกดูแคลนนายท่านของมันมากกว่าเดิม
จะทำอย่างไรดีนะ?
อากวงติดตามรับใช้หลินเป่ยเฉินมาช้านาน ย่อมทราบดีว่าเด็กสาวผู้นี้มีคุณสมบัติตามแบบฉบับสตรีที่นายท่านชื่นชอบ
หากนายท่านอยากจะผสมพันธุ์กับนาง ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่สำเร็จแน่ ๆ
ดังนั้น อากวงจึงอยากจะพยายามอีกครั้ง โดยพาสองพี่น้องกลับมายังคฤหาสน์ลู่หลิวเพื่อรอให้นายท่านกลับมา
“ดูจากสีหน้าเจ้าก็รู้ เดี๋ยวนายท่านของเจ้าก็ต้องเดินหน้าเศร้ากลับมาแล้ว”
เด็กสาวหัวเราะเยาะออกมาอีกครั้ง “ว่าแต่ว่างานเลี้ยงล่ากวางจะเลิกเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ? นี่เป็นงานชุมนุมผู้มีอำนาจสูงสุดในอาณาจักรซือเว่ยเชียวนะ เมื่อแบ่งปันผลประโยชน์กันลงตัว พวกเขาก็ต้องจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองไปจนถึงยามดึกนั่นแหละ”
อากวงชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ
เด็กสาวผู้นี้ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ไม่ควรค่าที่จะได้ผสมพันธุ์กับนายท่านของมันแล้ว
“หากเป็นอย่างที่เจ้าว่าจริง ๆ ข้าจะให้โอสถเพิ่มอีก”
เด็กสาวนำโอสถคืนวิญญาณออกมาอีกห้าเม็ดและกล่าวว่า “ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะเดินหัวเราะกลับมาได้อย่างไร ฮ่า ๆๆ”
เสี่ยวติงผู้ยืนอยู่ด้านหลังถือนิยายประโลมโลกอยู่ในมือชื่อว่า ‘จักรพรรดิวายร้ายกับแม่นางสารพัดพิษ’
“ท่านพี่ ท่านนี่ปากไม่ตรงกับใจจริง ๆ”
เด็กชายกระซิบแผ่วเบา