เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1783 มันเป็นของท่านแล้ว
ตอนที่ 1,783 มันเป็นของท่านแล้ว
“ไม่เป็นไร ครั้งนี้ข้ามั่นใจว่าจะต้องตอบถูกแน่ ๆ”
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจพิสูจน์ระดับไอคิวของเขาด้วยการตอบอีกสักสองสามครั้ง
“หุบปากสักทีเถอะ!!”
เซี่ยเต๋อจีพลันขึ้นเสียงตวาดด้วยความเดือดดาล
เพียงพริบตาเดียว ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใสเหนือสวนดอกไม้ก็เต็มไปด้วยเมฆดำครึ้มและมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ สายลมกระโชกแรง มวลอากาศปั่นป่วนโดยทันที
เซี่ยเต๋อจีกล่าวเน้นย้ำทีละคำว่า “หากท่านตอบมาอีกเพียงคำเดียว ข้าคงต้องฆ่าท่านแล้วจริง ๆ”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก
สตรีที่ผิดหวังในความรักมักจะขี้โมโหจริง ๆ แฮะ
“ท่านจำเอาไว้ก็พอว่าข้าเชื่อมั่นในตัวสหายเก่าผู้นี้มาก และข้าจะไม่มีวันทำร้ายท่านเด็ดขาด ทุกอย่างที่ท่านต้องการอยู่ในสวนดอกไม้แห่งนี้ ตามข้ามาเถอะ”
เซี่ยเต๋อจีหมุนตัวหันหลังและเดินนำทางเข้าไปยังส่วนลึกของสวนดอกไม้
หลินเป่ยเฉินลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเดินตามเข้าไป
อันที่จริง การที่เขาดื้อรั้นจะคาดเดาคำตอบให้ได้ เป็นเพียงการพยายามจับพิรุธหญิงสาวตาบอดเท่านั้น
ผลลัพธ์เป็นไปอย่างที่หลินเป่ยเฉินคาดเดาเอาไว้
และเนื่องจากเป็นไปอย่างที่เขาคาดเดาเอาไว้นี่แหละ หลินเป่ยเฉินจึงรู้สึกมึนงงยิ่งนัก
อย่างแรก เซี่ยเต๋อจีมีความแข็งแกร่งมาก
เพียงนางแสดงอารมณ์โมโหออกมาเมื่อสักครู่ บรรยากาศรอบกายก็แปรเปลี่ยนไปโดยทันที นี่จึงพิสูจน์แล้วว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของนางจริง ๆ
ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลที่เซี่ยเต๋อจีจะต้องโกหกเขา
และเมื่อหลินเป่ยเฉินลองพิจารณาปัจจัยทุกอย่างดูแล้ว เขาก็พบว่าตนเองไม่มีเหตุผลให้ต้องกลัวเลยแม้แต่น้อย
หลินเป่ยเฉินเพียงอยากจะรู้ว่าตนเองจะได้รับคำตอบที่ต้องการจากปากของหญิงสาวตาบอดหรือไม่
ด้านในสวนดอกไม้มีสิ่งปลูกสร้างตั้งอยู่มากมาย สถาปัตยกรรมเหล่านี้แตกต่างไปจากรูปแบบโครงสร้างร่วมสมัยของอาณาจักรซือเว่ยในปัจจุบันอยู่พอสมควร
แต่โลกขนาดเล็กในสวนดอกไม้ใหญ่โตกว่าที่หลินเป่ยเฉินเคยจินตนาการเอาไว้
“ถึงแล้ว”
เซี่ยเต๋อจีหยุดอยู่หน้าตึกสูงเก้าชั้นหลังหนึ่ง
“ชั้นแรกเป็นส่วนที่ใช้เก็บทรัพย์สินเงินทองที่ข้าเคยเก็บรวบรวมเอาไว้ในอดีต…”
นางผลักประตูเปิดเข้าไป
หลินเป่ยเฉินได้ยินคำนั้นก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
นี่เขากำลังจะได้รับมอบขุมทรัพย์เงินทองแล้วสินะ?
สิ่งที่เขากำลังขาดอยู่ในตอนนี้ก็คือเงินนี่แหละ
คนอื่นจะนำเงินไปใช้ทำอะไรบ้างหลินเป่ยเฉินไม่ทราบ แต่สำหรับเขา อย่างน้อยก็จำเป็นต้องมีเงินไว้เพื่อใช้ชาร์จโทรศัพท์
แต่เมื่อเดินตามหญิงสาวตาบอดเข้าไปยังพื้นที่ของชั้นแรก สิ่งที่เด็กหนุ่มเห็นกลับเป็นเพียงความว่างเปล่าและหนูโสโครกไม่กี่ตัวที่วิ่งเพ่นพ่านไปมา อย่าว่าแต่เห็นเงินตำลึงเงินตำลึงทองเลย แม้แต่เศษเงินเศษทองสักเสี้ยวเดียวก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
“แต่ก่อนหน้านี้มีบุรุษที่ชื่อเต้าอู่หมิงเข้ามาที่นี่และขโมยทรัพย์สินเงินทองเหล่านั้นไปหมดแล้ว”
เซี่ยเต๋อจีนำเด็กหนุ่มขึ้นไปสู่ชั้นที่สอง
หลินเป่ยเฉินเกือบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความช้ำใจตาย
นี่เขาไม่ได้อะไรเลยเหรอเนี่ย!
“ชั้นที่สองเป็นส่วนของการจัดเก็บอาวุธ ข้ารวบรวมชุดเกราะและอาวุธระดับสูงจำนวนมากที่เคยใช้งานระหว่างออกพเนจรในเส้นทางดาราจักรนำมาเก็บไว้ที่นี่ทั้งหมด รับรองได้เลยว่าของแต่ละชิ้นไม่ธรรมดาแน่นอน”
เซี่ยเต๋อจีพูดพร้อมกับเดินขึ้นบันได
หลินเป่ยเฉินดวงตาลุกวาวขึ้นมาอีกครั้ง
เอาวะ! ไม่ได้เงิน ได้อาวุธหรือชุดเกราะแทนก็ยังดี!!
แต่เมื่อเหยียบเท้าขึ้นไปถึงชั้นสองและกวาดสายตามองรอบตัว เด็กหนุ่มก็ต้องทำหน้าเจื่อนอีกครั้ง
เพราะที่นี่มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอาวุธและชุดเกราะ
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยอยู่ที่นี่ถูกเต้าอู่หมิงเอาไปแล้วเช่นกัน”
เซี่ยเต๋อจีกล่าวพร้อมกับเดินนำทางขึ้นไปยังชั้นที่สาม
หลินเป่ยเฉินเดินตามไปพร้อมกับกัดฟันกรอด ๆ
“ชั้นที่สามเป็นส่วนของการจัดเก็บเมล็ดพืชและสมุนไพรวิเศษ”
เซี่ยเต๋อจีกล่าวต่อไป
หลินเป่ยเฉินขัดจังหวะขึ้นมาว่า “สิ่งของที่เคยอยู่บนชั้นที่สามก็คงถูกเต้าอู่หมิงเอาไปหมดแล้วสินะ”
“ถูกต้อง”
เซี่ยเต๋อจีตอบกลับมาหน้าตาเฉย
หลินเป่ยเฉินไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“งั้นเราขึ้นไปชั้นที่สี่กันเถอะ” เขาว่า “ที่นั่นท่านมีอะไรจะมอบให้กับข้าบ้าง?”
เซี่ยเต๋อจีเดินไปด้วยตอบคำถามไปด้วย “ชั้นที่สี่เป็นส่วนของการจัดเก็บแร่วิเศษ… ซึ่งข้าก็ปล่อยให้เต้าอู่หมิงเอาไปหมดแล้วเช่นกัน”
ให้ตายเถอะ!
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกล่อลวงอย่างไรอย่างนั้น
“งั้นพวกเราตรงขึ้นไปชั้นที่เก้าเลยดีกว่า”
เซี่ยเต๋อจีเร่งฝีเท้าขึ้นบันไดไปโดยไม่ลังเล “ชั้นที่เก้าเป็นส่วนของการจัดเก็บของวิเศษ และเป็นชั้นที่เต้าอู่หมิงไม่เคยขึ้นมาก่อน เพราะว่าข้าไม่อนุญาต”
หลินเป่ยเฉินได้ยินเสียงเลือดในหัวใจของตนเองหยดติ๋ง ๆ
กล่าวโดยสรุปก็คือ ทรัพย์สมบัติที่เก็บอยู่ตั้งแต่ชั้นที่หนึ่งถึงชั้นที่แปด ต่างก็ถูกเต้าอู่หมิงขโมยไปหมดสิ้นแล้ว
เต้าอู่หมิงคือผู้ใด?
เต้าอู่หมิงก็คือชื่อจริงของพ่อเจ้าอ้วน!
เพราะเหตุใดกัน?
หากตอนนั้นพ่อของเจ้าอ้วนไม่เข้ามาที่นี่ ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นก็คงตกมาเป็นของเขาแล้วสินะ?
ช้าก่อน นี่เขากำลังลุ่มหลงในสมบัติเกินไปหรือไม่?
เขาจะคิดแบบนี้ไม่ได้สิ
แต่แล้วอีกหนึ่งคำถามก็ปรากฏขึ้นในใจของหลินเป่ยเฉิน…
เหตุไฉนเซี่ยเต๋อจีจึงยอมปล่อยให้บิดาของเจ้าอ้วนเข้ามาขโมยข้าวของไปมากมายถึงเพียงนั้น? หรือว่า… ผู้ที่ทำให้นางผิดหวังในความรักก็คือบิดาของเจ้าอ้วนนั่นเอง?
หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึกและเดินตามหญิงสาวตาบอดขึ้นไปถึงชั้นที่เก้า
เขากวาดสายตามองโดยรอบ
นี่จะล้อกันเล่นหรือไง?
ไม่มีทรัพย์สินของมีค่า ไม่มีเพชรนิลจินดา ไม่มีอัญมณีใด ๆ เลย
ในห้องอันกว้างใหญ่มีเพียงโต๊ะหยกขาวหนึ่งตัวตั้งอยู่กลางห้อง
บนโต๊ะมีกล่องหยกขาววางอยู่ มันมีความยาวเท่ากับหนึ่งไม้บรรทัดจำนวนหลายกล่อง
นี่หรือคือสิ่งที่เซี่ยเต๋อจีเอ่ยถึง?
“ท่านเข้าไปเปิดดูเองเถอะ”
เซี่ยเต๋อจีชี้มือไปที่กล่องใบแรก
หลินเป่ยเฉินลังเลอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อนำโทรศัพท์มือถือออกมาสแกนจนแน่ใจว่าภายในกล่องไม่มีอาวุธลับซ่อนอยู่ เขาจึงได้เดินเข้าไปเปิดกล่องออกดู
ด้านในกล่องบรรจุเอาไว้ด้วยขี้ผึ้งสีขาวที่ถูกปั้นเป็นก้อนกลมขนาดเท่ากับกำปั้นมือคน
แสงสีทองที่เรืองรองออกมาบอกชัดว่ามีบางอย่างถูกปิดผนึกอยู่ภายในเจ้าก้อนกลมนี้
นิ้วมือทั้งห้าของหลินเป่ยเฉินออกแรงบีบลงไปที่เจ้าก้อนกลมอย่างแผ่วเบา
แล้วของเหลวสีแดงสดก็ไหลทะลักออกมา
ทันใดนั้น มวลพลังมหาศาลก็แผ่ปกคลุมทั่วพื้นที่ชั้นเก้า
“นี่คือโลหิตพิสุทธิ์ใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินอุทาน
“ใช่แล้ว นี่คือโลหิตพิสุทธิ์โบราณที่หายากเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ในยุคสมัยของข้า มันก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่สามารถทำให้ทุกฝ่ายแย่งชิงกันด้วยความบ้าคลั่ง”
เซี่ยเต๋อจีตอบ “บัดนี้ มันเป็นของท่านแล้ว”
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ