เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1785 การปล้นสุสานเสร็จสิ้น
ตอนที่ 1,785 การปล้นสุสานเสร็จสิ้น
นี่มันนิยายน้ำเน่าชัด ๆ
เต้าอู่หมิงตายไปแล้ว
อาณาจักรซือเว่ยแทบจะล่มสลาย
แม้ว่าเจ้าอ้วนผู้เป็นบุตรชายของเต้าอู่หมิงจะสามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้อีกครั้ง แต่อาณาจักรซือเว่ยก็ยังห่างไกลจากความยิ่งใหญ่ที่เคยเป็นอยู่อีกมากโข
และที่สำคัญก็คือจักรพรรดิองค์ปัจจุบันของอาณาจักรซือเว่ยคือเต้าเจี๋ยนเซียว ซึ่งเป็นน้องชายร่วมสาบานของหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินไม่มีทางกระชากบัลลังก์คืนมาจากพี่น้องของตนเองอยู่แล้ว
“พี่สาว ท่านตั้งใจจะให้เต้าอู่หมิงสร้างอาณาจักรซือเว่ยให้ยิ่งใหญ่เพื่อรอคอยการกลับมาของคนผู้หนึ่ง แล้วทำไมท่านถึงมอบเครื่องรางชิ้นนี้ให้กับข้าล่ะขอรับ?” หลินเป่ยเฉินถาม “อย่าบอกนะว่าคนผู้นั้นที่ท่านกำลังรออยู่ก็คือข้าเอง?”
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็รู้สึกเหมือนตนเองได้ค้นพบความจริงที่มองข้ามมาโดยตลอด
สมองของเขากำลังจะเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
เซี่ยเต๋อจีส่ายศีรษะตอบกลับมาทันที “ไม่ใช่ท่าน”
หลินเป่ยเฉินร้องอุทานด้วยความพิศวง “อ้าว?”
“แต่ถึงแม้ท่านจะไม่ใช่คนที่ข้ากำลังรอคอย แต่ข้าก็จะมอบเครื่องรางชิ้นนี้ให้กับท่าน”
เซี่ยเต๋อจีกล่าวด้วยถ้อยคำที่แฝงเลศนัย
หลินเป่ยเฉินนึกถึงบทสนทนาในเรื่องเปาบุ้นจิ้นหน้าขาวของโจวซิงฉือที่เขาดูในชาติภพที่แล้วขึ้นมาโดยทันที และด้วยเหตุนี้ เขาก็เผลอหลุดหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
โชคดีที่เขามีพลังแข็งแกร่ง และเจ้าอ้วนก็ไม่ใช่ตัวชั่วร้าย ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงมั่นใจว่าชะตากรรมของเขาต้องไม่เหมือนตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนั้นแน่นอน
แต่สิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มสงสัยมากที่สุดก็คือผู้ใดคือคนที่เซี่ยเต๋อจีกำลังรอคอยอยู่นะ?
จะเป็นหวังจงใช่หรือไม่?
หลินเป่ยเฉินไม่ใช่คนโง่
ในระยะหลังที่ผ่านมา เขาเริ่มรู้จักสังเกตรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างแล้ว
เซี่ยเต๋อจีกล่าวอีกครั้งว่า “ในสุสานของข้ามีของวิเศษชิ้นหนึ่งเรียกว่ากงจักรแดงหมื่นดารา มันเป็นวัตถุที่ทรงพลังและช่วยปกป้องสุสานแห่งนี้มาโดยตลอด ท่านสามารถใช้ที่นี่เป็นสถานที่เก็บตัวฝึกวิชา หรือจะพาเพื่อนพ้องคนสนิทกับผู้ติดตามของตนเองเข้ามาเก็บตัวฝึกวิชาก็ได้เช่นกัน สถานที่แห่งนี้เหมาะกับการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ”
หลินเป่ยเฉินถึงกับหยุดชะงัก
อย่าบอกนะว่านางจะยกสุสานให้กับเขา?
นี่นับเป็นของขวัญที่วิเศษสุดจริง ๆ แต่เขาคงไม่บังอาจรับเอาไว้แน่
เซี่ยเต๋อจีกล่าวต่อไปว่า “แม้ภายนอกตึกหลังนี้จะดูเหมือนมีเก้าชั้น แต่อันที่จริง ที่นี่ยังมีชั้นพิเศษซ่อนอยู่ด้านบนอีกหนึ่งชั้น บนนั้นเป็นพื้นที่สำหรับควบคุมสุสานจันทรามิลืมเลือน ซึ่งสามารถควบคุมให้สุสานแห่งนี้ซ่อนตัวหรือปรากฏต่อหน้าบุคคลภายนอกเมื่อไหร่ก็ได้ และเมื่อท่านเข้าไปอยู่ในห้องควบคุมนั้น ท่านก็จะสามารถควบคุมสุสานแห่งนี้ได้ตามใจชอบ”
เมื่อได้รับฟังเช่นนั้น หลินเป่ยเฉินก็ต้องกล่าวออกไปด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง “พี่สาวกำลังจะยกสุสานแห่งนี้ให้กับข้าน้อยอย่างนั้นหรือ? ไม่ทราบว่าวิญญาณของพี่สาว…”
“อีกไม่นานข้าจะต้องออกเดินทางแล้ว”
เซี่ยเต๋อจีตอบ “ข้ารอคอยคนผู้นั้นมานานแสนนาน นับจากนี้ไป ข้าจะออกเดินทางตามหาคนผู้นั้นเอง และไม่จำเป็นต้องพะวงกับสุสานแห่งนี้อีก ดังนั้นข้าจึงขอส่งมอบทุกอย่างให้กับท่าน”
ในที่สุด สีหน้าของหญิงสาวตาบอดก็ปรากฏความตื่นเต้นขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่านางรอคอยแทบไม่ไหวแล้วที่จะได้ออกเดินทางไปสู่โลกภายนอก
“ขอบคุณพี่สาวมากขอรับ”
หลินเป่ยเฉินเปลี่ยนความคิดและยอมรับสุสานเอาไว้แต่โดยดี “ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยก็ไม่เกรงใจแล้ว”
“หากรู้สึกว่าชื่อสุสานจันทรามิลืมเลือนฟังดูไม่ลื่นหู ท่านจะเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นก็ได้… ข้าไปก่อนละ”
เซี่ยเต๋อจีพยักหน้าโดยไม่พูดคำใดอีก หลังจากนั้น ร่างของนางก็พุ่งเป็นลำแสงขึ้นไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
“พี่สาว คนที่ท่านกำลังรอคอยอยู่เป็นผู้ใดกันแน่?”
หลินเป่ยเฉินส่งเสียงตะโกนตามหลังไป
แต่หญิงสาวตาบอดก็ไม่ตอบคำถามของเขา
“ข้าหวังว่าท่านคงไม่ใช่คนชั่วร้าย…”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเซี่ยเต๋อจี ก่อนที่นางจะหายวับไปโดยสมบูรณ์
หลินเป่ยเฉินยืนนิ่งอึ้งตะลึงงันอยู่กับที่
การปล้นสุสานเสร็จสิ้นลงในรูปแบบที่เขาคิดไม่ถึง
นางรู้ได้อย่างไรว่าเขาคือตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการส่งมอบสุสานให้ดูแล เพื่อที่นางจะได้ออกเดินทางตามหาคนรัก โดยไม่มีเรื่องให้ห่วงพะวงอีก
นี่มันไร้เหตุผลเกินไปแล้ว
ไม่มีทางเป็นไปได้
หลินเป่ยเฉินใช้เวลาคิดอยู่พักใหญ่ เพื่อทบทวนให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้ถูกหลอก
เขาพบว่าบัดนี้มีบันไดทอดนำขึ้นสู่ชั้นที่สิบปรากฏขึ้นมาแล้ว
หลินเป่ยเฉินเดินขึ้นไปที่ชั้นสิบ
มาลองควบคุมสุสานแห่งนี้กันดีกว่า
ตามคำบอกเล่าของเซี่ยเต๋อจี นี่คือสถานที่ซึ่งสามารถปรับตัวได้กับสิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์ นั่นจึงหมายความว่าหลินเป่ยเฉินสามารถนำผู้คนจากแผ่นดินตงเต้ามาฝึกวิชาและปรับตัวกับโลกใบใหม่นี้ได้เช่นกัน เพื่อที่พวกเขาจะได้ออกสู่โลกภายนอกอย่างปลอดภัยไร้อันตราย
ส่วนชื่อสุสานจะตั้งเป็นอะไรดีนะ?
หลินเป่ยเฉินคิดว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อสุสานจริง ๆ
แต่จะเปลี่ยนเป็นอะไรดีล่ะ?
เรียกว่าสุสานเมืองหยุนเมิ่งดีกว่า
หลินเป่ยเฉินรีบบอกตนเองให้เลิกคิดฟุ้งซ่านขณะเดินเข้าสู่พื้นที่ของชั้นสิบ
เมื่อกวาดสายตามองโดยรอบ เด็กหนุ่มก็ต้องแสดงสีหน้าประหลาดใจ
“เชี่ย นี่มัน… ฉากในนิยายแนวแฟนตาซีหรือเปล่าวะเนี่ย?”
ในขณะที่เก้าชั้นทางด้านล่างตกแต่งในรูปแบบยุคจีนโบราณเข้มข้น แต่ห้องควบคุมบนชั้นที่สิบกลับเต็มไปด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่เป็นโลหะเต็มรูปแบบ
ให้ความรู้สึกของโลกแห่งอนาคต
และบนผนังฝั่งทิศตะวันออกก็เป็นหน้าจอขนาดใหญ่ที่มีอยู่ด้วยกันถึงสิบหน้าจอ
หน้าจอสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่เกิดขึ้นจากการสร้างค่ายอาคมนั้นมีกรอบโลหะแบ่งเป็นช่อง ๆ เอาไว้ และหนึ่งในสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่บนหน้าจอในขณะนี้ ก็คือภาพทางเข้าสุสานที่เต็มไปด้วยหลุมศพซึ่งมีหมอกขาวลอยฟุ้ง
ไม่ว่าผู้ใดเดินเข้ามาในสุสาน ก็จะต้องผ่านหน้าจอนี้ไปก่อน
หลินเป่ยเฉินไล่สายตาดูหน้าจออื่น ๆ และเขาก็พบว่าตนเองสามารถจับตาดูผู้ที่เข้ามาสำรวจสุสานได้ทุกคน
ในหน้าจอหนึ่ง หลินเป่ยเฉินมองเห็นอาจารย์อาวุโสจากสำนักเจิ้งฉีผู้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักราระดับ 2 ทั้งสามท่าน พวกเขาพร้อมด้วยม่อหลี่เดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังหนึ่งและพบกับคัมภีร์โบราณจำนวนนับไม่ถ้วน อาจารย์อาวุโสเหล่านั้นเพียงเปิดคัมภีร์อ่านดูผ่าน ๆ ก็โยนทิ้งไปอย่างไม่สนใจ ผิดกับม่อหลี่ที่รีบตามไปเก็บด้วยความร้อนรน…
คนทั้งสี่เป็นเช่นนี้ไปตลอดเส้นทาง
และในอีกหน้าจอหนึ่ง รองผู้คุมสภาเยว่อี้และบรรดาผู้ติดตามที่สวมใส่ชุดเสื้อคลุมและหน้ากากสีแดงก็กำลังพบเจอกับอุปสรรคใหญ่หลวงอยู่ในอุโมงค์ลับแห่งหนึ่ง
ปรากฏว่าผู้ติดตามของเยว่อี้ล้วนเป็นยอดฝีมือขั้นจอมเทพจักรา แต่จุดประสงค์ของพวกเขาคือสิ่งใด นั่นไม่มีผู้ใดสามารถรู้ได้ ดูเหมือนสิ่งที่พวกเขาต้องการคงอยู่ภายในห้องซึ่งอยู่สุดทางเดินของอุโมงค์ลับพอดี
แต่ปัญหาก็คือตามทางเดินมีการวางค่ายอาคมกับดักอย่างหนาแน่น พวกเขาจึงไม่แน่ใจได้อีกแล้วว่าสิ่งที่เห็นเป็นภาพลวงตาหรือเป็นของจริง เพียงพริบตาเดียว กลุ่มคนก็ถูกรูปปั้นหญิงตาบอดทั้งยี่สิบตัวปิดล้อมเอาไว้รอบทิศทาง
ยอดฝีมือขั้นจอมเทพจักราทั้งสามคนพร้อมด้วยเยว่อี้จึงไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้สักที
“ปรากฏว่ารูปปั้นเหล่านั้นสามารถต่อสู้ได้จริง ๆ ด้วย…”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่เมื่อลองคิดทบทวนดูแล้ว นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลยิ่ง
สมแล้วที่สุสานจันทรามิลืมเลือนเป็นสุสานที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยยอดฝีมือในตำนานอย่างแม่นางเซี่ยเต๋อจี!