เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1794 มันขึ้นอยู่กับเจ้าหรือ
ตอนที่ 1,794 มันขึ้นอยู่กับเจ้าหรือ?
ไฉจูต้าซือหรี่ตาลงเล็กน้อยและกล่าวว่า “เจ้านี่เองสินะตัวตลกที่ชื่อว่าหลินเป่ยเฉิน ประเสริฐ ในเมื่อออกมาก็ดีแล้ว ช่วยประหยัดเวลาตามล่าให้ข้าได้เยอะทีเดียว”
ฟึ่บ!
หลินเป่ยเฉินยื่นมือเข้าไปหาอากวง แล้วมือของเขาก็ถูกคลื่นพลังที่มองไม่เห็นดีดสะท้อนกลับออกมา
ฝ่ามือของเด็กหนุ่มรู้สึกชาดิก เขารีบหันกลับไปมองไฉจูต้าซือและถามว่า “ตัวตลกอัปลักษณ์ เจ้าทำอะไรกับสหายของข้า?”
ตัวตลกอัปลักษณ์?
ไฉจูต้าซือถึงกับหยุดชะงัก ความโกรธแค้นลุกโชนในหัวใจ
นานแล้วที่ไม่เคยมีผู้ใดกล้าเรียกเขาเช่นนี้มาก่อน
“เจ้า…”
จังหวะที่ชายชรากำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมานั้นเอง สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
ม่อเฟิงรู้สึกเหมือนมีมวลบุปผาบานสะพรั่งอยู่เบื้องหน้า
แล้วร่างของคนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าคฤหาสน์
เป็นกลุ่มของรองผู้คุมสภาแห่งอาณาจักรซือเว่ย ม่อหลี่และคณะอาจารย์อาวุโสจากสำนักเจิ้งฉี ตามมาด้วยกลุ่มของเยว่อี้และชายฉกรรจ์ที่สวมใส่หน้ากากแดงทั้งสามคน…
นี่คือการชุมนุมตัวชั่วร้ายโดยไม่ได้นัดหมาย
ผู้มาเยือนมีทั้งหมดแปดคน
ทั้งหกคนมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรา
บรรยากาศผ่อนคลายขึ้นทันที
แน่นอนว่าผู้มาเยือนเหล่านี้ล้วนมาที่นี่เพื่อตามหาหลินเป่ยเฉิน
“ไฉจูต้าซือ ท่านมาถึงเร็วเหลือเกินนะ”
หนึ่งในกลุ่มผู้มาเยือนชุดใหม่กล่าวด้วยน้ำเสียงตลกขบขัน “แต่หลินเป่ยเฉินไม่ใช่เป้าหมายของท่าน ส่วนสำนักเงาแดงของเรากำลังตามหาเขาอยู่ ขอท่านอย่าได้มาขัดขวางพวกเราเลย”
“ฮ่า ๆๆ…”
ไฉจูต้าซือหัวเราะเยาะตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจสักเท่าไหร่
“นั่นมันสัตว์อสูรสายเลือดผู้กลืนกินขั้นราชาใช่หรือไม่? สำนักเจิ้งฉีของเรายังขาดคนเฝ้าประตูอยู่พอดี” อาจารย์หน้าขาวหนวดดำจากสำนักเจิ้งฉีจ้องมองไปที่อากวงอย่างไม่อาจละสายตาได้อีกต่อไป
“สัตว์อสูรตัวนี้เป็นข้าค้นพบมันก่อน ร่างกายของมันเป็นของข้าแล้ว”
ไฉจูต้าซือหันขวับมองไปที่อาจารย์หน้าขาวหนวดดำด้วยแววตาเคร่งขรึม “ผู้ใดคิดแย่งชิงไปจากข้า มันผู้นั้นก็ต้องตาย”
“แหม มีสมบัติก็ต้องผลัดกันชมหน่อยสิ”
หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์หน้ากากแดงกล่าวเสียงเรียบ “แต่พวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างความขัดแย้งแก่ผู้ใด เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หนูอสูรตัวนี้พวกเราขอยกให้ท่าน ไฉจูต้าซือ แต่ของวิเศษชิ้นอื่น ๆ ท่านก็ต้องสละสิทธิ์เช่นกัน เพียงเท่านี้เราก็มีความสุขด้วยกันทุกฝ่ายแล้ว… หรือว่าท่านคิดอยากจะมีปัญหากับจอมเทพจักราทั้งหกคน?”
“ไม่มีปัญหา”
ไฉจูต้าซือเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ เขามีของวิเศษมากมายในมืออยู่แล้ว จึงไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็นข้อเสนอที่เสียหายอันใด ชายชรานักเชิดหุ่นกระบอกจึงหันไปมองที่คณะอาจารย์จากสำนักเจิ้งฉีทั้งสามคนและถามว่า “ไม่ทราบว่าพวกท่านเห็นด้วยหรือไม่?”
คณะอาจารย์ทั้งสามท่านหันไปปรึกษาหารือกันอยู่เล็กน้อย แล้วผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มก็หันกลับมาพยักหน้าตอบรับว่า “พวกเราเห็นด้วย”
“ท่านอาจารย์…”
เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ รองผู้คุมสภาม่อหลี่ก็รีบเข้ามาขัดขวาง “แต่หนูอสูรตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของราชครูหลิน เท่ากับมันเป็นสมบัติของอาณาจักรซือเว่ย แล้วพวกเราจะสามารถปล่อยมันให้หลุดมือไปได้อย่างไร…”
เขาคือนักศึกษาเคร่งตำรา จึงคิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์จะบานปลายมาถึงขั้นนี้
“สิ่งมีค่าย่อมสมควรอยู่กับคนที่คู่ควร ผู้ใดมีความสามารถ ผู้นั้นก็จะได้รับมันไป”
อาจารย์หน้าขาวหนวดดำกล่าว “อย่าได้คิดกล่าววาจาเหลวไหลอีก... ถอยไปซะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ม่อหลี่ก็ทำได้เพียงหันไปชำเลืองมองที่หลินเป่ยเฉินอย่างน่าสมเพชเวทนา ก่อนจะก้าวถอยหลังกลับไปอย่างช้า ๆ
“พูดคุยกันจบแล้วหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินยังคงยืนอยู่ข้างกายอากวงซึ่งไม่ตอบสนองต่อสิ่งใดทั้งสิ้น คาดว่าสัตว์เลี้ยงแสนรักของเขาน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยจิตสังหารขณะชำเลืองมองไปยังกลุ่มของจอมเทพจักราทั้งหก ก่อนหัวเราะเยาะกล่าวว่า
“ลูกเต่าอย่างพวกเจ้า… คิดว่าตนเองเป็นพญามังกรหรืออย่างไร? หากอยากจะตายมากนัก ก็ขอให้เรียงแถวก้าวเข้ามา วันนี้ พวกเจ้าจะไม่ได้รอดชีวิตกลับออกไปจากคฤหาสน์ลู่หลิวอีกแล้ว”
“เหอเหอเหอ... เรื่องนั้นมันขึ้นอยู่กับเจ้าหรือไร?”
ไฉจูต้าซือระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม
ใบหน้าของกลุ่มผู้บุกรุกปรากฏรอยยิ้มขบขัน
แต่ในทันใดนั้น…
“ไม่ เพราะมันขึ้นอยู่กับข้าต่างหาก”
เสียงที่หวานใสปานระฆังแก้วดังขึ้น
แสงสีเงินยวงพุ่งเข้ามา
แล้วเด็กสาวหน้าตางดงามสมบูรณ์แบบก็ปรากฏกายขึ้นเคียงข้างหลินเป่ยเฉิน
พลังคุกคามแผ่กระจายไปรอบบริเวณ
กลุ่มจอมเทพจักราถึงกับตกตะลึง
เด็กสาวผู้ปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันย่อมต้องเป็นหลิงเฉิน
เพราะว่าองค์ชายหลิงต้องการเก็บกวาดตลาดอวิ๋นม่อฟางให้เรียบร้อย ดังนั้นเขาจึงมาช้ากว่านางเล็กน้อย
“พี่หลิน ปล่อยให้ข้าจัดการเถอะ”
หลิงเฉินกล่าวพร้อมกับระเบิดพลังคุกคามอย่างต่อเนื่อง “ข้าจะทำให้พวกมันได้รู้ว่าการมามีปัญหากับคนรักของข้านั้นจะต้องพบเจอกับสิ่งใดบ้าง”
เมื่อได้รับการถ่ายทอดพลังจากค้อนคว่ำนภา อาการบาดเจ็บของหลิงเฉินก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง บัดนี้ นางจึงกลับมาเป็นเด็กสาวผู้แข็งแกร่งดังเดิม
“เจ้ารับมือได้หรือ?”
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินแสดงออกถึงความดีใจ หัวใจรู้สึกอบอุ่นและอ่อนหวาน
ก่อนที่เขาจะถามอีกครั้ง “เสด็จลุงของเจ้าอยู่ที่ไหน? ให้เขาออกมาสู้แทนเจ้าดีกว่า”
“แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ”
หลิงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “เศษสวะเพียงไม่กี่คน เหตุไฉนต้องรบกวนให้ท่านลุงลงมือด้วย?”
บทสนทนาระหว่างเด็กหนุ่มและเด็กสาวเป็นการยั่วโทสะของฝ่ายตรงข้ามชัด ๆ
กลุ่มจอมเทพจักราหายตกตะลึง บัดนี้ พวกเขากำลังจ้องมองหลิงเฉินด้วยความสนใจ เด็กสาวผู้นี้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิเท่านั้น ไม่สามารถเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง หรือว่าพลังกดดันที่แผ่ออกมานั้นจะเป็นพลังจากอาวุธวิเศษที่นางพกติดตัวมาด้วย?
หากเป็นเช่นนั้น…
ดวงตาของกลุ่มจอมเทพจักราเป็นประกายระยิบระยับ
ไฉจูต้าซือกระตุกยิ้มด้วยความอำมหิต
เมื่อเด็กหนุ่มและเด็กสาวยืนคู่กัน พวกเขาก็มีความเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ซึ่งชายหนุ่มหญิงสาวที่สวยงามนั้น คือสิ่งที่ไฉจูต้าซือเกลียดชังมากที่สุด
สำหรับเขาผู้มีหน้าตาอัปลักษณ์ ไม่มีสิ่งใดจะทำให้ไฉจูต้าซือมีความสุขมากไปกว่าการทำลายล้างพวกบุรุษหนุ่มและหญิงสาวที่หน้าตาดีอีกแล้ว
“เด็กหนุ่มและเด็กสาวคู่นี้ทำให้ข้านึกถึงความรู้สึกของการทรมานเหยื่อที่ไม่เคยได้กระทำมานานแล้ว ก่อนที่พวกเราจะถามหาขุมสมบัติแห่งสุสานกษัตริย์จากพวกมัน ข้าจะขอตัดแขนตัดขาหลินเป่ยเฉินเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อน ไม่ทราบว่ามีผู้ใดคิดคัดค้านหรือไม่?”
ไฉจูต้าซือหันกลับมามองหน้าคณะอาจารย์จากสำนักเจิ้งฉี รวมไปถึงพวกของชายฉกรรจ์ที่สวมใส่หน้ากากแดง
“ไม่คัดค้าน”
หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์หน้ากากแดงยิ้มกว้าง
“อย่าเอาให้ถึงตายก็แล้วกัน”
อาจารย์หน้าขาวหนวดดำตอบด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
“หึหึ เรื่องนั้นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว”
เมื่อได้รับคำอนุญาต ไฉจูต้าซือก็แสยะยิ้มด้วยความวิปริต ก่อนที่จะย่างสามขุมเดินตรงเข้าไปหาหลินเป่ยเฉิน