เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1795 คำถามชวนสงสัย
ตอนที่ 1,795 คำถามชวนสงสัย
ไฉจูต้าซือต้องการจะทรมานเหยื่อให้สะใจ
เขามีอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุอยู่ในมือมากมายสำหรับใช้ทรมานเหยื่อ
หลิงเฉินขยับเข้ามายืนขวางหน้าอย่างไม่หวาดกลัว
“มดปลวกต่ำต้อยรนหาที่ตาย”
เด็กสาวจ้องมองไฉจูต้าซือด้วยแววตาแข็งกร้าวและกล่าวน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าจะให้ทางเลือกกับเจ้าสองทาง จงคุกเข่าแล้วยอมรับความผิดซะ หรือมิเช่นนั้น เจ้าจะต้องพบกับความตายอย่างน่าอนาถ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ อะไรบางอย่างก็ปรากฏอยู่ในมือของนางอย่างช้า ๆ
ลำแสงสีเงินสาดประกายวิบวับ
แล้วค้อนด้ามหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของหลิงเฉิน
นับเป็นค้อนที่มีความสวยงามและน่าเกรงขามยิ่งนัก
ไฉจูต้าซือหยุดชะงักโดยทันที สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไป
“ท่าน...”
ชายชราจ้องมองหลิงเฉินด้วยความเหลือเชื่อ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย แม้แต่เสียงพูดที่สั่นเครือก็ยังแปรเปลี่ยนไป “สุดยอดอาวุธเล่นแร่แปรธาตุชิ้นนี้มาอยู่ในมือของท่านได้อย่างไร? หรือว่า… ท่านคือองค์หญิงไข่มุกขาว?”
ลักษณะของค้อนด้ามนี้อาจจะไม่ได้แตกต่างจากอาวุธเล่นแร่แปรธาตุชิ้นอื่นสักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงนั้น นี่คือหนึ่งในสุดยอดอาวุธของกลุ่มผู้แปรธาตุ เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของผู้ที่ฝึกวิชาตามสายเลือดผู้แปรธาตุก็ว่าได้
นับเป็นหนึ่งในอาวุธที่หายากที่สุดในเส้นทางดาราจักร
“จะคุกเข่าหรือไม่?”
สีหน้าของหลิงเฉินยังคงราบเรียบไร้อารมณ์ขณะถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“คือว่า…”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าไฉจูต้าซือกระตุกระริก หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อเช่นกัน
เขาตกตะลึงในอำนาจของหลิงเฉินอย่างแท้จริง
นอกจากมีสถานะเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์เกิงจินแล้ว ยามมีค้อนคว่ำนภาอยู่ในมือ นางก็ยังได้รับความเคารพจากผู้ที่ฝึกวิชาตามสายเลือดผู้แปรธาตุอีกด้วย
แม้อีกฝ่ายจะมีขอบเขตพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักราก็ตาม
หลังจากลังเลอยู่อึดใจใหญ่ ในที่สุด ไฉจูต้าซือก็ค่อย ๆ คุกเข่าลงอย่างแช่มช้า ภายใต้การจ้องมองอย่างตกตะลึงของคณะอาจารย์จากสำนักเจิ้งฉีและกลุ่มชายฉกรรจ์จากสำนักเงาแดง
“ผู้ต่ำต้อยไม่ทราบเลยว่าองค์หญิงอยู่ที่นี่ นับว่าผู้ต่ำต้อยล่วงเกินองค์หญิงแล้ว”
ไฉจูต้าซือก้มหน้าแทบติดพื้นดิน ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความตื่นกลัว แต่ในใจยังคงเหลือความหวังสุดท้ายขณะกล่าวว่า “โบราณเคยกล่าวเอาไว้ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด องค์หญิงได้โปรดให้อภัยผู้ต่ำต้อยด้วย ผู้ต่ำต้อยจะรีบแก้ไขตนเอง…”
“ฮ่า ๆๆ…”
พลัน หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะขัดจังหวะด้วยความตลกขบขัน “เมื่อสักครู่ เจ้ายังอยากทรมานข้าอยู่เลยไม่ใช่หรือ? บัดนี้ทำไมมาคุกเข่าเสียแล้ว? เจ้าไม่อยากฆ่าข้าแล้วหรือไง? มาเลย มาฆ่าข้าเลยสิ”
นี่คือการยั่วยุ
หลินเป่ยเฉินยิ้มเยาะอย่างชั่วร้าย
ไฉจูต้าซือได้แต่ทนเก็บความโกรธแค้นเอาไว้ในใจ แต่ไม่กล้าพูดคำใดออกมา
ผู้ใดจะไปคิดเลยว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้ไปได้
คิดไม่ถึงเลยว่าดินแดนที่อยู่ห่างไกลศูนย์กลางอำนาจอย่างอาณาจักรซือเว่ย กลับมีความข้องเกี่ยวกับตระกูลผู้แปรธาตุระดับสูงเช่นนี้
ไฉจูต้าซือไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าองค์หญิงไข่มุกขาวที่เพียบพร้อมทั้งเส้นสายและทรัพยากร ทำไมถึงเลือกมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ และทำให้เขาต้องขายหน้าเช่นนี้
ไฉจูต้าซือนึกย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น เขาไม่ควรมาตามหาหลินเป่ยเฉินที่คฤหาสน์หลังนี้เลยจริง ๆ
ถ้าไม่ได้มาที่นี่ เรื่องราวเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
“เจ้าชั่วช้าเกินไป แต่ข้าจะเห็นแก่ที่พวกเรามีสายเลือดผู้แปรธาตุเหมือนกัน”
หลิงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบต่อไป “จงเลือกวิธีตายของเจ้าซะ”
บัดนี้ ในหัวใจของเด็กสาวมีความคิดเพียงอย่างเดียว ว่าเมื่อเจ้ากล้ามาล่วงเกินพี่หลิน เจ้าก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!
“องค์หญิงให้อภัยผู้ต่ำต้อยด้วยเถอะ ผู้ต่ำต้อยไม่ได้มีเจตนาจริง ๆ ขอรับ”
ไฉจูต้าซือรีบประสานมือก้มศีรษะขอร้องอ้อนวอน “ผู้ต่ำต้อยสำนึกผิดแล้ว”
ไม่ใช่เขาไม่คิดถึงการระเบิดพลังโจมตีออกไป
แต่ไฉจูต้าซือไม่มีความกล้ามากพอ
เพราะเมื่อเทียบกับตระกูลขององค์หญิงไข่มุกขาวแล้ว ตัวเขาเพียงลำพังก็เปรียบเสมือนเม็ดฝุ่นเม็ดหนึ่งเท่านั้น
องค์หญิงไข่มุกขาวมีขุมกำลังที่คอยหนุนหลังน่ากลัวมากเกินไป และแต่ละขุมกำลังนั้นล้วนยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ไฉจูต้าซือจะยอมเป็นศัตรูได้
หากล่วงเกินนาง เขาก็ไม่มีทางหลบหนีได้สำเร็จ
ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีการตามล่าจากตระกูลขององค์หญิงไข่มุกขาวได้อย่างแน่นอน
“ข้าไม่ยอมรับคำแก้ตัวของเจ้า”
หลิงเฉินกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนขึ้นเสียงด้วยความดุดัน “เศษสวะอย่างเจ้าสมควรตายไปนานแล้ว ยิ่งเจ้ากล้ามาล่วงเกินพี่หลิน เจ้าก็สมควรตายเป็นพันครั้ง… แต่หากพี่หลินให้อภัยเจ้า นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง…”
หลิงเฉินย่อมรู้ใจคนรักของตนเองมากที่สุด
นางจะมอบโอกาสให้เขาได้แสดงความยุติธรรมออกมา
ไฉจูต้าซือสลัดศักดิ์ศรีของตนเองทิ้งไปทั้งหมด ก่อนจะรีบหันไปหาหลินเป่ยเฉินและก้มหัวคำนับด้วยความอ่อนน้อม “ท่านราชครูหลิน ได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย ข้าน้อยไม่รู้ว่าท่านมีสถานะสูงส่งถึงเพียงนี้ ข้าน้อยสมควรตายจริง ๆ…”
ระหว่างที่พูดมาถึงตรงนี้ ไฉจูต้าซือก็ยกมือขึ้นตบหน้าตนเองอย่างแรงและเพียงพริบตาเดียว ใบหน้าของชายชราก็เต็มไปด้วยรอยฝ่ามือแดงก่ำ ไฉจูต้าซือยังคงขอร้องอ้อนวอนต่อไปอย่างน่าเวทนาว่า “ท่านราชครูได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย ตราบใดที่ท่านไว้ชีวิตข้าน้อย ข้าน้อยก็พร้อมทำทุกอย่าง”
ความตกตะลึงยังปรากฏอยู่บนใบหน้าของหลินเป่ยเฉิน
อันที่จริง เขายังคงตกตะลึงในความสูงส่งของหลิงเฉินอยู่ไม่เสื่อมคลาย
ก่อนหน้านี้ เขาประเมินสถานะของราชวงศ์เกิงจินต่ำเกินไป
ในอดีต เฟิงเสี่ยวไป๋และคนอื่น ๆ ก็เคยทำให้หลินเป่ยเฉินเห็นแล้วว่าพวกเขาเคารพหลินเฉินและเสด็จลุงของนางมากเพียงใด แต่ตอนนั้นหลินเป่ยเฉินยังไม่ได้ฉุกใจคิดถึงสิ่งใด จนกระทั่งขณะนี้ แม้แต่ยอดฝีมือระดับจอมเทพจักราผู้หยิ่งยโสอย่างไฉจูต้าซือ ก็ยังต้องยอมคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนราวกับเป็นสุนัขข้างถนนตัวหนึ่ง…
นี่คือความน่าเกรงขามที่อยู่นอกเหนือจินตนาการของหลินเป่ยเฉิน
ดังนั้น คำถามชวนสงสัยจึงเกิดขึ้น
เหตุไฉนหลินซินเฉิงและพวกมนุษย์ทะเลทรายถึงได้กล้าจับตัวหลิงเฉินและองค์ชายหลิงเอาไว้เช่นนั้น?
มนุษย์ทะเลทรายเป็นเผ่าพันธุ์โบราณของเส้นทางดาราจักร
ดังนั้น คำถามที่ชวนสงสัยจึงเกิดขึ้นอีกหนึ่งข้อ
เหตุไฉนพวกเขาถึงอยากประกาศสงครามกับราชวงศ์เกิงจินด้วย?
“เจ้าต้องปลดปล่อยผู้คนของข้าก่อน”
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่ง
ไฉจูต้าซือไม่กล้าเจรจาต่อรอง จากนั้นเขาก็รีบดึงเส้นด้ายแห่งโชคชะตาของตนเองกลับคืนมาทั้งหมด
นายทหารในกองทัพเซียนกระบี่ที่เคยอยู่ภายใต้การควบคุมของเขากลับคืนสู่ปกติอีกครั้ง
อาการบาดเจ็บของสุยหลิวกวงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แม้แต่ดวงตาก็งอกคืนกลับมาใหม่
“แล้วนี่ล่ะ?”
หลินเป่ยเฉินชี้มือไปที่อากวงพร้อมกับถามว่า “เจ้าจะจัดการกับสหายผู้นี้ของข้าอย่างไร ทำไมมันถึงยังไม่ฟื้นตัวกลับมาอีก?”