เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1797 เก่งจริงก็ฆ่าข้าเลยเถอะ
ตอนที่ 1,797 เก่งจริงก็ฆ่าข้าเลยเถอะ
“ลงนามในสัญญาซะ ไม่งั้นเจ้าต้องตาย”
หลิงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงอันทรงพลัง
สำหรับผู้ที่กล้าดูหมิ่นหลินเป่ยเฉิน นางจะไม่มีวันเมตตาเด็ดขาด
ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
นี่คือครั้งแรกที่เขาได้เห็นหลิงเฉินใช้ค้อนคว่ำนภา
นี่หรือคือความแข็งแกร่งของอาวุธเล่นแร่แปรธาตุระดับ 70?
สุดยอด สุดยอดจริง ๆ
“ข้าขอตายดีกว่า”
อาจารย์เหอผู้มีหน้าขาวหนวดดำจ้องมองหลิงเฉินด้วยแววตาอาฆาตแค้น กล่าวว่า “นางมารน้อย เก่งจริงเจ้าก็ฆ่าข้าเลยเถอะ…”
พูดยังไม่ทันจบประโยค
วูบ!
แสงสีเงินระเบิดประกายสว่างไสว
พลังปราณสลายลงไป
สีหน้าของอาจารย์เหอแสดงออกถึงความไม่เข้าใจและความไม่อยากเชื่อ หลังจากนั้น ร่างกายของเขาก็ค่อย ๆ ล้มลงไปบนพื้นดินอย่างเชื่องช้า
ชายชราไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเด็กสาวจะกล้าฆ่าเขาจริง ๆ
นี่เขาเป็นหัวหน้าคณะอาจารย์ประจำหอกระบี่ของสำนักเจิ้งฉีเชียวนะ
ไม่ใช่สุนัขข้างถนนที่ไหน
คิดจะฆ่าก็ฆ่ากันได้ง่าย ๆ เชียวหรือ?
“มดปลวกต่ำต้อยที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงก็ต้องมีจุดจบเช่นนี้แหละนะ”
รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่สวยงามของหลิงเฉิน นางสูงส่งไม่ต่างจากเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อยู่ในสายตาของนางทั้งสิ้น
นี่คือบุคลิกเจ้าหญิงน้ำแข็งแสนเย็นชาของหลิงเฉิน
ซึ่งถือเป็นบุคลิกปกติของนาง
ส่วนความอ่อนหวานขี้เล่นและสุภาพอ่อนโยนนั้น มีแต่เพียงหลินเป่ยเฉินคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็น
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้กลุ่มชายฉกรรจ์หน้ากากแดงและคณะอาจารย์จากสำนักเจิ้งฉีที่เหลืออยู่รู้สึกหัวใจสลาย
ความหวาดกลัวถาโถมเข้าใส่จิตใจ
แม้จะอยู่ในขั้นจอมเทพจักรา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย พวกเขาก็ไม่ต่างไปจากผู้คนปกติ
ดังนั้น กลุ่มจอมเทพจักราที่ยังรอดชีวิตอยู่จึงพร้อมใจกันลงนามในป้ายทองคำ เพื่อเป็นทาสรับใช้ของหลินเป่ยเฉินอย่างเป็นทางการ
ไฉจูต้าซือที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกสดชื่นขึ้นมาในทันที สีหน้ายามที่จ้องมองจอมเทพทั้งห้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยามเย้ยหยัน ราวกับต้องการจะบอกว่า ‘เจ้าพวกโง่ กล้าคิดแข็งข้อต่อองค์หญิงไข่มุกขาว พวกเจ้าก็ต้องพบเจอชะตากรรมเช่นนี้ล่ะ’
“โอ๊ะ ตอนแรกข้าคิดจะสั่งสอนกลุ่มคนเหล่านี้ด้วยตนเองสักหน่อย”
หลินเป่ยเฉินเก็บแผ่นป้ายทองคำซึ่งเป็นสัญญาทาสเข้าไปในอกเสื้ออย่างมีความสุข ก่อนจะกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าเฉินเอ๋อร์กลับชิงสั่งสอนตัดหน้าข้าเสียอย่างนั้น… คราวหลังเจ้าอย่าทำเช่นนี้อีกนะ”
“รับทราบแล้วเจ้าค่ะ พี่หลิน”
หลิงเฉินเก็บคอนคว่ำนภาด้วยท่าทางที่เป็นแมวน้อยแสนเชื่องตัวหนึ่ง
ไฉจูต้าซือกลับมารู้สึกเศร้าโศกเสียใจอีกครั้ง ‘ปรากฏว่าบุคคลที่มีรูปโฉมหล่อเหลาล้วนได้ทุกสิ่งที่ต้องการจริง ๆ’
ทักษะในการหลอกใช้สตรีนั้น เป็นสิ่งที่ไฉจูต้าซือไม่สามารถเรียนรู้เพื่อเอามาใช้งานได้เด็ดขาด
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้ามีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยคฤหาสน์ลู่หลิว”
หลินเป่ยเฉินหันหน้ากลับมาจ้องมองที่กลุ่มชายฉกรรจ์หน้ากากแดงทั้งสามคนเช่นเดียวกับคณะอาจารย์อีกสองคนจากสำนักเจิ้งฉี “หากมีแม้แต่มดแมลงสักตัวเดียวสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ พวกเจ้าจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก”
“รับทราบแล้วขอรับ”
กลุ่มจอมเทพทั้งห้าก้มหน้ารับคำสั่งด้วยความชอกช้ำใจ
“ส่วนเจ้า… มีหน้าที่ซ่อมแซมหุ่นอสูรของข้าทั้งหมด”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมาชี้ไปที่กองโครงกระดูกที่อยู่บนพื้นดินและกล่าวต่อไป “หากมีชิ้นส่วนขาดหายไปแม้แต่ชิ้นเดียว เจ้าต้องตาย”
“ได้เลยขอรับนายท่าน นายท่านไม่ต้องเป็นกังวล”
ไฉจูต้าซือรีบรับคำสั่งอย่างไม่รอช้า
อดีตจอมเทพจักราผู้ยโสโอหัง บัดนี้ เหลือสถานะเป็นเพียงคนประกอบหุ่นผู้หนึ่งแล้วเท่านั้น
เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด เขาต้องรู้จักประจบเอาใจหลินเป่ยเฉิน
และหากไฉจูต้าซือสามารถกลายเป็นคนโปรดของหลินเป่ยเฉินได้สำเร็จ นั่นหมายความว่าหลิงเฉินก็จะต้องเมตตาเขาด้วยเช่นกัน และเมื่อถึงตอนนั้น ไฉจูต้าซือก็อาจจะได้กลายเป็นสมาชิกผู้แปรธาตุคนสำคัญของราชวงศ์เกิงจินก็เป็นได้?
แล้วยังจะมีสิ่งใดให้ต้องเป็นกังวลอีก?
นี่เรียกว่าการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
หลินเป่ยเฉินหันกลับมาจ้องมองที่อากวงอีกครั้ง
ร่างกายของเจ้าหนูอสูรที่มีเปลวไฟสีเงินลุกโชติช่วงเริ่มกลับมามีเสียงหัวใจเต้นตึกตัก หลังจากนั้น มวลพลังกดดันก็แผ่กระจายออกมาจากร่างของอากวงอย่างรุนแรง
ได้ยินเสียงหัวใจของเจ้าหนูอสูรเต้นเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ
เปลวไฟที่ลุกโชนบนร่างกายของมันมีแสงสว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทันใดนั้น…
“จี๊ด!”
เสียงร้องแหลมสูงก็กรีดร้องออกมา
อากวงกลับมามีแววตาเป็นปกติอีกครั้ง
แววตาที่เคยเหม่อลอยสลายหายไป บัดนี้ เจ้าหนูอสูรหางกุดกลับมามีแววตาดุดัน มันอ้าปากออกแผดเสียงคำรามและปลดปล่อยพลังกดดันพร้อมที่จะสู้กับศัตรูได้ทุกสายพันธุ์
แม้แต่หลินเป่ยเฉินก็ยังอดตัวสั่นเทาเล็กน้อยไม่ได้เมื่อเผชิญพลังกดดันจากอากวง
ดวงตาของเจ้าหนูระเบิดแสงสว่างสีเงินเจิดจ้า
ต้องใช้เวลาอีกหลายลมหายใจ กว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ
“อากวง?”
หลินเป่ยเฉินรีบเดินเข้าไปสอบถาม “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“จี๊ด”
อากวงเหลือกตามอง ส่งเสียงร้องอีกไม่กี่คำ ตัวมันก็ล้มลงสิ้นสติ
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักด้วยความตกตะลึงและอดสงสัยไม่ได้ว่านี่หรือคือสัตว์อสูรที่มีสายเลือดผู้กลืนกินขั้นราชา?
เด็กหนุ่มหันกลับมาจ้องมองที่ไฉจูต้าซือ
ชายชรารีบอธิบายอย่างลนลานว่า “สัตว์เลี้ยงของนายท่านเพิ่งตื่นขึ้นมาจากการจำศีล และพลังแห่งสายเลือดที่แท้จริงเพิ่งจะถูกปลดปล่อยออกมา จำเป็นต้องพักผ่อนสักเล็กน้อยขอรับ ให้รับประทานยาบำรุงสักหน่อยก็ดี… แต่สัตว์เลี้ยงของนายท่านจะต้องฟื้นตัวกลับคืนมาแน่นอน มิหนำซ้ำ การฟื้นตัวครั้งนี้ยังจะทำให้มันแข็งแกร่งมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น
นี่คงไม่ใช่คำแก้ตัวที่ไร้เหตุผลหรอกกระมัง?
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
หลินเป่ยเฉินกับหลิงเฉินก็พากันมานั่งอยู่ในศาลารับลมด้านข้างคฤหาสน์ ยังไม่ทันได้เริ่มพลอดรักกัน ทหารยามคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามารายงานว่าพระพันปีหลวงแห่งราชวงศ์เทียนหลางเซินต้องการเข้าพบเด็กหนุ่มเป็นการส่วนตัว
“อะไรกัน?”
หลิงเฉินหันมายิ้มให้แก่หลินเป่ยเฉิน “พี่หลิน ท่านมีสาวคนสนิทคนใหม่อีกแล้วหรือ?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร? นี่มารดาของเจ้าอ้วนนะ”
หลินเป่ยเฉินปฏิเสธทันควัน ก่อนจะเล่าเรื่องราวการแย่งชิงบัลลังก์ของราชวงศ์เทียนหลางเซินให้หลิงเฉินฟัง ต่อจากนั้นจึงโบกมือว่า “ไปบอกนางว่าวันนี้ข้าไม่รับแขก”
ทหารยามรับคำสั่งหมุนตัวเดินจากไป
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่มและจับมืออันนุ่มนิ่มของหลิงเฉินพลางกล่าวว่า “เฉินเอ๋อร์ มือของเจ้าช่างนุ่มนิ่มเหลือเกิน… พวกเราไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวมานานแล้วนะ…”
“อะแฮ่ม”
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงกระแอมไอดังขึ้นนอกศาลา
เป็นองค์ชายหลิงปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง
หลินเป่ยเฉินถึงกับพูดคำใดไม่ออกอีกต่อไป
ผู้ใดอนุญาตให้เขาเข้ามาเนี่ย?
หากองค์ชายหลิงมาเร็วกว่านี้หรือมาช้ากว่านี้สักหน่อย มันก็จะไม่มีปัญหาเลย
แต่ทำไมต้องมาขัดจังหวะตอนนี้ด้วย!
จังหวะนั้น นายทหารยามคนเดิมก็วิ่งกลับมารายงานว่า
“กราบเรียนท่านแม่ทัพใหญ่ พระพันปีหลวงกล่าวว่ามีเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายจะมาแจ้งให้ท่านทราบเป็นการส่วนตัวขอรับ”
ทหารยามคุกเข่าข้างเดียว
องค์ชายหลิงได้ยินเช่นนั้นก็ต้องหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความเหลือเชื่อ
เจ้าเด็กคนนี้แม้แต่มารดาของคนอื่นก็ยังไม่ละเว้นเชียวหรือ?
เฮ้อ เขาไม่ทราบจริง ๆ ว่าหลานสาวของตนเองตกหลุมรักหลินเป่ยเฉินได้อย่างไร เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่เห็นมีอะไรดีสักอย่าง นอกจากหน้าตาหล่อเหลา ฝีมือการต่อสู้แข็งแกร่ง มีจิตใจโอบอ้อมอารีผู้อื่น คารมคมคายและเป็นวีรบุรุษก็เท่านั้นเอง