เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1798 หายนะครั้งใหม่
ตอนที่ 1,798 หายนะครั้งใหม่
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในแววตาขององค์ชายหลิง
น่าปวดหัวจังเลยแฮะ
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญนางเข้ามาเถอะ”
หลินเป่ยเฉินกล่าวอย่างช่วยไม่ได้
เขาต้องให้มารดาของเจ้าอ้วนเข้ามาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง
หลังจากนั้น หญิงชราก็ปรากฏตัวพร้อมกับหญิงรับใช้หน้าตางดงามอีกสี่คน
ความตกตะลึงบนสีหน้าของนางยังไม่จางหายไป
เพราะด้านหน้าของคฤหาสน์ลู่หลิว มารดาของเจ้าอ้วนพบเจอจอมเทพสองคนจากสำนักเจิ้งฉี เช่นเดียวกับยอดฝีมือระดับจอมเทพจักราจากสำนักเงาแดง ทุกคนสวมใส่ชุดเครื่องแบบของทหารยามธรรมดาทำหน้าที่อารักขาคฤหาสน์ให้แก่หลินเป่ยเฉิน
ความตกตะลึงในครั้งนี้ทำลายสิ่งที่หญิงชราเคยคาดเดาเอาไว้ทั้งหมด
เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน คนกลุ่มนี้เพิ่งล้มเหลวในการสำรวจสุสานกษัตริย์ และพวกเขาอยากจะตามล่าตัวหลินเป่ยเฉินด้วยความโกรธแค้น แต่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น คนกลุ่มนี้ก็กลายมาเป็นทหารยามให้แก่หลินเป่ยเฉินเสียแล้ว
มารดาของเจ้าอ้วนพอจะมองออกว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เมื่อนางพบหน้าหลินเป่ยเฉินจึงผงกศีรษะทักทายเล็กน้อย “ท่านราชครูหลิน ต้องรบกวนเวลาพักผ่อนของท่านแล้ว”
“พระพันปีหลวงเชิญนั่งลงก่อน”
หลินเป่ยเฉินกล่าว “เสด็จมาหากระหม่อมถึงที่เช่นนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดหรือ?”
เมื่อสวมใส่ชุดเสื้อคลุมของผู้ที่เป็นมารดากษัตริย์ หญิงชราผู้นี้ก็ไม่ได้มีลักษณะเหมือนหญิงชราธรรมดาทั่วไปอีกแล้ว นางกล่าวด้วยความมีสง่าราศีว่า “ข้ามีเรื่องสำคัญอยากจะแจ้งให้ท่านทราบ แต่ข้าเห็นกลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านนอกคฤหาสน์แล้ว… ดูเหมือนเรื่องที่ทำให้ข้าต้องมาที่นี่คงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป แต่ถึงกระนั้น ข้าก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งอยากจะมาปรึกษาหารือกับท่าน นี่เกี่ยวข้องกับความลับสำคัญของอาณาจักรเรา…”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ หญิงชราก็ชำเลืองตามองไปยังหลินเฉินและท่านลุงของนาง
หลินเป่ยเฉินโบกมือกล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอก ท่านกล่าวมาเถอะ”
มารดาของเจ้าอ้วนลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมกล่าวออกมา “องค์จักรพรรดิเต้าอู่หมิงยังคงมีชีวิตอยู่”
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต
มารดาของเจ้าอ้วนกล่าวต่อไป “อาณาจักรซือเว่ยกำลังจะล่มสลาย”
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตมากยิ่งขึ้น
มารดาของเจ้าอ้วนยังคงกล่าวต่อไม่หยุดยั้ง “วิธีการเดียวที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ คือการเชิญตัวท่านเซี่ยเต๋อจีให้ออกมาช่วยเหลือพวกเรา”
หลินเป่ยเฉินทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
มารดาของเจ้าอ้วนกล่าวไม่หยุด “ข้าจึงอยากมาถามท่านราชครูหลินว่า ท่านได้พบเห็นท่านเซี่ยเต๋อจีบ้างหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินนิ่งคิดเล็กน้อยก็ส่ายศีรษะ
ความคาดหวังในแววตาของมารดาเจ้าอ้วนเปลี่ยนไปกลายเป็นความหมดหวัง “วิญญาณของท่านเซี่ยเต๋อจี… สูญสลายไปแล้วหรือ?”
“ไม่ใช่เช่นนั้น”
หลินเป่ยเฉินไม่ทราบเหมือนกันว่าตนเองจะอธิบายสถานการณ์ของเซี่ยเต๋อจีอย่างไรดี
เขาไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำตอนที่ได้รับมอบสุสานกษัตริย์
มารดาของเจ้าอ้วนยังคงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ “หากท่านราชครูได้พบเจอกับท่านเซี่ยเต๋อจี ข้าอยากจะให้ท่านราชครูช่วยขอร้องท่านเซี่ยเต๋อจีสักหน่อย นางจะต้องมาช่วยเหลือพวกเราอย่างแน่นอน”
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่พักใหญ่ ก็ตอบว่า “คนเราสมควรพึ่งพาตนเองก่อนเป็นอันดับแรก ข้ามั่นใจว่าเราไม่จำเป็นต้องรับความช่วยเหลือของเซี่ยเต๋อจีหรอก บางที พวกเราอาจจะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตนเอง”
“เป็นไปไม่ได้”
มารดาของเจ้าอ้วนส่ายศีรษะทันที “ต่อให้ท่านจะมีจอมเทพจักราเป็นยามเฝ้าหน้าประตู แต่ท่านก็ไม่สามารถแก้ไขหายนะครั้งนี้ได้เด็ดขาด อันที่จริง ไม่ใช่แต่เพียงอาณาจักรซือเว่ยของพวกเราเท่านั้นที่กำลังตกอยู่ในอันตราย แม้แต่อาณาจักรไป๋จือ อาณาจักรหงเฉียงและอาณาจักรลู่อวิ๋นก็ไม่รอดพ้นชะตากรรมเช่นกัน…”
พูดยังไม่ทันจบประโยค
ครืน!
พื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เกิดคลื่นพลังหนักหน่วงแผ่กระจายไปทั่วเขตตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเทียนหลางซิง
“เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
สีหน้าของมารดาเจ้าอ้วนเต็มไปด้วยความคาดหวังขึ้นมาทันที “จักรพรรดิเต้าอู่หมิงน่าจะปลดผนึกฟื้นคืนชีพแล้ว”
หืม?
เต้าอู่หมิงกลับมาแล้ว?
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นพร้อมกับถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ?”
…
“ท่านพี่ ค่ายอาคมปิดผนึกที่ท่านปู่สร้างเอาไว้ถูกสลายลงแล้ว”
เสี่ยวติงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวว่า “ในที่สุด ท่านปู่ก็ทำภารกิจสำเร็จแล้ว ท่านปู่จะได้กลับมาสอนข้าหลอมโอสถต่อสักที”
วิชาการหลอมโอสถที่เฉินปี้หยางได้ถ่ายทอดเอาไว้ เสี่ยวติงยังคงต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมเป็นส่วนมาก
ผู้เป็นพี่สาวกำลังนั่งเท้าคางอยู่บนหลังคา นิ่งเงียบไม่ตอบรับคำใด
“ท่านพี่ ท่านดูสีหน้าอมทุกข์เหลือเกิน”
เสี่ยวติงเดินเข้าไปหาผู้เป็นพี่สาวด้วยแววตาสงสัย “ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”
เด็กสาวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย “บุรุษผู้นั้นเป็นคนหลายใจ”
เสี่ยวติงถึงกับหยุดชะงักและเข้าใจทุกอย่างโดยทันที
วันนี้พวกเขาสองพี่น้องก็เห็นการต่อสู้ที่คฤหาสน์ลู่หลิวเช่นกัน
ว่ากันตามตรง เสี่ยวติงรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
โฉมงามที่มีนามว่าหลิงเฉินมีพลังสูงส่งมากเกินไป ความสวยงามของนางทำให้เด็กชายรู้สึกว่าบรรดานางเอกในนิยายประโลมโลกที่เขาอ่านนั้นน่าเบื่อไปโดยปริยาย
หากนำมาเปรียบเทียบกับพี่สาวของเขา…
เสี่ยวติงเผลอสำรวจมองหน้าอก บั้นท้าย ช่วงเอว เรียวขาและใบหน้าของพี่สาวโดยไม่รู้ตัว…
เฮ้อ ไม่มีทางสู้ได้เลย
แม้แต่ใบหน้าที่งดงามอย่างสมบูรณ์แบบของพี่สาวเขาก็ไร้ประโยชน์
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือหน้าตา พี่สาวของเขากับหลิงเฉินผู้นั้นก็ยังห่างไกลกันอีกมาก
ไม่มีหวังเลยสักนิด
“ท่านพี่อย่าได้เสียใจไปเลย”
เสี่ยวติงพยายามปลอบโยน “จงเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริงซะเถอะ ในโลกใบนี้ มีคนที่สวยงามมากกว่าท่านเสมอ มิหนำซ้ำ นางยังรู้จักพี่หลินมานานมากกว่าท่าน… ลืมบุรุษที่ชื่อหลินเป่ยเฉินไปเถอะขอรับ เดี๋ยวข้าจะหาบุรุษคนใหม่ให้เอง”
“ข้าจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก”
เด็กสาวกัดฟันกรอดและกล่าวต่อ “เศษสวะเช่นนั้น ไม่มีทางรักใครจริง… เฮอะ เขาก็แค่ใช้เสน่ห์ของตนเองหลอกล่อเพื่อเอาของวิเศษจากนางก็เท่านั้น”
เสี่ยวติงเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
“ท่านพี่ นี่หมายความว่า… ท่านจะไม่ยอมตัดใจจากพี่หลินจริง ๆ หรือ?”
เสี่ยวติงถาม
“ว่าไงนะ?”
ผู้เป็นพี่สาวขึ้นเสียงตวาดกลับมาด้วยความดุดัน
“เฮอะ ไม่ใช่อย่างที่เจ้าเข้าใจหรอก ข้าแค่ไม่อยากพ่ายแพ้ต่อนักเล่นแร่แปรธาตุหญิงผู้อื่นต่างหาก” นางรีบปรับเปลี่ยนน้ำเสียงของตนเองให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว “ข้าอยากจะรู้นักว่านางมีของวิเศษดีเพียงใด การแข่งขันในกลุ่มผู้เล่นแร่แปรธาตุนับเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนี่นา”
นี่เรียกว่าแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ชัด ๆ
เสี่ยวติงมองเพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ตนเองคิดนั้นถูกต้อง
พี่สาวของเขาตกหลุมรักหลินเป่ยเฉินอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว
มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?
คงไม่ได้เป็นเพราะถูกเขาเป่าหูเรื่องความรักอยู่ทุกวันหรอกกระมัง?
“ท่านพี่ ท่านไม่มีหวังหรอก ยอมแพ้เถอะขอรับ”
เสี่ยวติงตัดสินใจพยายามเกลี้ยกล่อมพี่สาวในฐานะน้องชายที่ห่วงใย
“สิ่งที่ข้าตัดสินใจไปแล้ว ข้าจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม”
เด็กสาวกัดฟันด้วยความเคียดแค้น
“ถ้าอย่างนั้น… ท่านก็ต้องเป็นฝ่ายบุก”
ทันทีที่เด็กชายเห็นแววตาอันมุ่งมั่นของผู้เป็นพี่สาว เขาก็ตัดสินใจทำหน้าที่เป็นกุนซืออย่างไม่รอช้า “ว่ากันตามทฤษฎีความรักที่อธิบายเอาไว้ในบทแรกของสารานุกรมความรัก สตรีที่เป็นฝ่ายบุกเข้าหาบุรุษก่อน มีโอกาสที่จะสมหวังในความรักมากกว่าสตรีที่อยู่เฉย ๆ ขอรับ”
ความหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของเด็กสาวนักปรุงยา นางพยักหน้าด้วยความแข็งขัน ก่อนกล่าวว่า “ไป พวกเราไปหาท่านปู่กันเถอะ ข้ามั่นใจว่าเดี๋ยวท่านปู่ก็จะต้องมาหาหลินเป่ยเฉินอย่างแน่นอน”