เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1831 แล้วจะติดต่ออย่างไร
ตอนที่ 1,831 แล้วจะติดต่ออย่างไร
“ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้ารู้จักชื่อหลินเป่ยเฉินได้อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความระมัดระวัง
เซี่ยอู๋ตอบว่า “พวกเราตรวจสอบสถานการณ์ต่าง ๆ ในเส้นทางดาราจักรอยู่เสมอ จึงได้รับทราบถึงการก่อตั้งของกลุ่มกองกำลังดูแลตนเองที่เรียกว่ากองทัพเซียนกระบี่ขอรับ”
อ้อ
ที่แท้สายลับเหล่านี้ก็รู้จักชื่อของเขาจากกองทัพเซียนกระบี่ แต่ถึงอย่างไร ชื่อของหลินเป่ยเฉินก็ยังต่ำต้อยเกินไปที่จะนำไปเทียบกับฮันปู้ฟู่อยู่ดีสินะ
สถานการณ์พลิกกลับตาลปัตรไปหมด
ฮันปู้ฟู่ผู้ข้ามประตูมิติมาจากแผ่นดินตงเต้ากลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ไปเสียแล้ว
ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นนะ?
ฮันปู้ฟู่ไม่คิดถึงบ้านเกิดบ้างหรืออย่างไร?
คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวใจของหลินเป่ยเฉิน แต่สิ่งที่เขาสมควรทำมากที่สุดในขณะนี้ก็คือการสร้างความไว้ใจกับสายลับทั้งสี่คนให้ได้
“ข้าขอทำข้อตกลงกับพวกเจ้าได้หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินเริ่มต้นยื่นข้อเสนอ
เซี่ยอู๋ส่ายหน้าปฏิเสธโดยทันที “ไม่ได้ขอรับ”
สายลับอีกสามคนจ้องมองหลินเป่ยเฉินไม่ต่างจากมองคนโง่เขลาผู้หนึ่ง เพราะนายทหารจากกองทัพเป่ยเฉิน ไม่เคยรับคำสั่งจากผู้ใดนอกจากท่านแม่ทัพใหญ่ฮันปู้ฟู่
หลินเป่ยเฉินจึงไม่มีทางเลือกนอกจากกล่าวว่า “ก็ได้ งั้นข้าจะบอกความลับให้พวกเจ้าฟัง ความจริงแม่ทัพฮันกับข้านั้นเป็นสหายรักกัน หากเขารู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ เขาจะต้องรีบมาพบข้าโดยทันทีอย่างแน่นอน”
คราวนี้ แม้แต่เซี่ยอู๋ก็ยังจ้องมองหลินเป่ยเฉินไม่ต่างจากมองคนปัญญาอ่อนผู้หนึ่ง
นี่ท่านไม่ได้เตรียมคำโกหกไว้ก่อนเลยหรือ?
อย่างน้อยคำโกหกก็น่าจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่านี้สิ
หลินเป่ยเฉินพยายามไม่สนใจสายตาเหล่านั้น เขาอธิบายรูปร่างหน้าตาของฮันปู้ฟู่โดยละเอียด เพื่อพยายามพิสูจน์ว่าตนเองรู้จักกับฮันปู้ฟู่จริง ๆ
แต่ว่า…
“ก่อนอื่น สิ่งที่ท่านพูดออกมานั้นมีรายละเอียดเฉพาะเจาะจงมากเกินไป พวกเราจึงไม่แน่ใจว่านั่นเป็นความจริงหรือไม่ เพราะพวกเราเป็นเพียงนายทหารระดับล่างที่ไม่เคยพบเห็นตัวตนจริงของท่านแม่ทัพใหญ่มาก่อน และอย่างที่สอง ถึงข้อมูลที่ท่านพูดออกมาจะเป็นความจริง แต่มันก็ไม่สามารถพิสูจน์สิ่งใดได้เลย เพราะในเส้นทางดาราจักร มีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับท่านแม่ทัพใหญ่มาเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้น นี่อาจเป็นข้อมูลที่ทุกคนสามารถสืบทราบเอาก็เป็นได้”
เซี่ยอู๋ตอบคำถามอย่างมีหลักการ
หลินเป่ยเฉินเกือบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความช้ำใจตาย
“ประเสริฐ”
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจเปลี่ยนแผน “ถ้าอย่างนั้น… ข้ามีของบางอย่างอยากจะส่งมอบให้แก่แม่ทัพฮัน พวกเจ้าช่วยเอาไปให้เขาหน่อยได้หรือไม่ แม่ทัพฮันจะต้องดีใจมากอย่างแน่นอน”
ของที่เด็กหนุ่มเตรียมเอาไว้ก็คือกล่องบุหรี่และขวดไวน์แดงที่ซื้อหามาจากแอปเถาเป่า และบัดนี้ มันก็บรรจุอยู่ในกล่องของขวัญเป็นที่เรียบร้อย
นี่คือของที่ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้อีกนอกจากหลินเป่ยเฉิน
เมื่อฮันปู้ฟู่เห็นแล้วก็จะต้องเข้าใจทุกอย่างโดยทันที
“ขออภัยด้วยขอรับ”
เซี่ยอู๋ยังคงส่ายศีรษะปฏิเสธอย่างหนักแน่น “พวกเราไม่มีทางนำวัตถุแปลกปลอมจากท่านกลับไปที่ฐานบัญชาการเด็ดขาด นี่เป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงมากเกินไป”
จะระแวงอะไรขนาดนี้วะเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินได้แต่ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า
ถ้าจะลำบากลำบนขนาดนี้
ขอเข้าพบกษัตริย์ยังง่ายกว่าขอเข้าพบฮันปู้ฟู่อีกกระมัง
“อย่างนั้นก็ไม่ได้ อย่างนี้ก็ไม่ได้”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว “เจ้าไม่รู้หรอกว่าแม่ทัพใหญ่ของตนเองกำลังจะต้องพลาดอะไรไปบ้างหากปฏิเสธข้า… เอาเป็นว่าข้าฝากคำพูดไปถึงเขาหน่อยก็แล้วกัน คงไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
เซี่ยอู๋หันกลับไปมองหน้าสหายทั้งสามคน ต่างฝ่ายต่างพยักหน้าเห็นด้วย ดังนั้น เซี่ยอู๋จึงหันกลับมาถามหลินเป่ยเฉินว่า “ท่านอยากจะฝากบอกอะไรหรือ?”
“ฝากไปถามเขาทีว่ายังจำชื่อเหล่านี้ได้หรือไม่… หลินเป่ยเฉิน เยว่หงเซียง ไป๋ชินอวิ๋น ฉู่เหิน พานเว่ยหมินและหลิวฉีไห่จากสถานศึกษากระบี่ที่สาม”
หลินเป่ยเฉินกล่าวเสียงเข้ม
เซี่ยอู๋หันกลับไปมองหน้าสหายทั้งสามอีกครั้ง
ฟังดูก็เหมือนชื่อคนธรรมดา
ยังจะมีความหมายอะไรพิเศษอีกหรือ?
หากเป็นในอดีต ข้อความเหล่านี้คงไม่มีทางเป็นอันตรายใด ๆ
และเมื่อเห็นสีหน้าของอวี้เหวินซิวเซียน กลุ่มสายลับก็ชักจะลังเลขึ้นมาแล้วว่าหรือเด็กหนุ่มผู้นี้จะรู้จักท่านแม่ทัพใหญ่จริง ๆ?
“ก็ได้ ข้าขอรับปากท่าน”
ในที่สุด เซี่ยอู๋ก็ตอบตกลงด้วยความยินดี “แต่มีข้อแม้ว่าพวกเราจะต้องได้เดินทางกลับไปอย่างปลอดภัย”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ไม่ต้องห่วง พวกเจ้าได้กลับไปอย่างปลอดภัยแน่ หากผู้ใดกล้าขัดขวางพวกเจ้า ข้าจะฆ่ามันด้วยตนเอง… พวกเจ้าเป็นมือสังหารไม่ใช่หรือ? น่าจะกำหนดเส้นทางหลบหนีเอาไว้แล้วนี่นา บอกตำแหน่งที่อยู่มาสิ เดี๋ยวข้าจะไปส่งที่นั่น แล้วพวกเจ้าจะได้หลบหนีไปอย่างปลอดภัย”
เซี่ยอู๋กล่าวสวนกลับมาทันทีว่า “คุณชายอวี้เหวินส่งเราจากที่นี่ก็พอแล้ว”
หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่ากลุ่มสายลับหน่วยพลีชีพยังคงไม่ไว้ใจเขาและเขาก็ไม่สนใจ “ตกลง ข้าจะส่งพวกเจ้าจากที่นี่… พาคนรักของเจ้าไปด้วยเถอะ นางได้รับโอสถเข้าไปแล้ว อีกไม่นานก็คงฟื้นตัวดี”
เซี่ยอู๋ลังเลเล็กน้อยก่อนตอบว่า “ตามกฎของกองทัพ ข้าน้อยไม่สามารถพานางกลับไปได้ขอรับ แต่ข้าน้อยจะพานางไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน… ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณคุณชายอวี้เหวินมากแล้ว”
นี่คือคำขอบคุณด้วยความจริงใจ
หลินเป่ยเฉินขี้เกียจเกินกว่าจะกล่าวคำใดอีก
เขานำกลุ่มสายลับออกมาจากห้องนอนของตนเองและไปที่ท่าเทียบเรือประจำป้อมปราการลอยฟ้า เพื่อค้นหาเรือเหาะลำหนึ่งสำหรับการส่งเหล่าสายลับออกเดินทาง
บัดนี้ กลุ่มนายทหารที่เคยอยู่ในการบังคับบัญชาของปิงหลันซาได้เปลี่ยนฝ่ายมาเข้าร่วมกับกองทัพของหลี่อี้สวิ่นหมดสิ้น
มองดูผิวเผิน ทุกอย่างยังคงอยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อย
แต่บรรยากาศยังคงตึงเครียดและสีหน้าของบรรดานายทหารก็ยังบอกถึงความกระวนกระวายใจ โดยเฉพาะสีหน้าจากนายทหารของจวนบุปผาแดง หากมีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นสักครั้ง นั่นก็อาจจะกลายเป็นปัญหาที่บานปลายขึ้นมาได้
“ไม่ทราบว่าท่านองครักษ์จะพาพวกเขาไปไหนหรือ?”
อดีตผู้ติดตามปิงหลันซาเดินลาดตระเวนมาเห็นพวกของหลินเป่ยเฉินพอดี จึงรีบเข้ามาสอบถามอย่างไม่รอรี เพราะเขาจำได้ดีว่าผู้ที่มาพร้อมกับหลินเป่ยเฉินนั้น เป็นพวกหน่วยพลีชีพของเผ่าพันธุ์มนุษย์
“ไสหัวไปซะถ้ายังไม่อยากตาย”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปด้วยความเกรี้ยวกราด เขาขี้เกียจโกหกอีกแล้ว “ข้าจะส่งพวกเขาออกเดินทาง”
นี่คือการประกาศอย่างชัดเจนว่าเขากำลังช่วยเหลือศัตรู
แม่ทัพระดับสูงผู้นั้นลังเลเล็กน้อย แต่แล้วก็เลือกที่จะล่าถอย แน่นอนว่าเขาต้องนำข่าวนี้ไปรายงานต่อเบื้องบนโดยเร็วที่สุด
หลังจากนั้น หลี่อี้สวิ่นก็แตกตื่นตกใจไม่น้อย
ที่ปรึกษาเยว่ชิงอานถูกส่งมาดูแลเรื่องนี้ด้วยตนเอง
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือนอกจากหลินเป่ยเฉินจะไม่ถูกลงโทษแล้ว เยว่ชิงอานยังยินดีทำตามคำสั่งของหลินเป่ยเฉินอย่างไม่มีข้อแม้ นอกจากจะปล่อยตัวพวกของเซี่ยอู๋ไปแล้ว เยว่ชิงอานยังมอบป้ายประจำตัวที่ใช้สำหรับการเดินทางผ่านจุดตรวจต่าง ๆ ในเส้นทางดาราจักรอีกด้วย
หลินเป่ยเฉินไม่ได้ออกเดินทางไปกับพวกของเซี่ยอู๋
กลุ่มสายลับนี้ระวังตัวมากเกินไป พวกเขาคงไม่ยอมให้หลินเป่ยเฉินร่วมเดินทางไปด้วยอยู่แล้ว
อีกอย่าง หลี่อี้สวิ่นได้สั่งให้เขาที่ขณะนี้อยู่ในการปลอมตัวเป็นอวี้เหวินซิวเซียนติดต่อกับท่านภูตอเวจีให้มาพบนางโดยเร็วที่สุด ซึ่งนับเป็นปัญหาที่เด็กหนุ่มยังคิดไม่ตกและทำให้เขาไม่สามารถไปไหนได้ชั่วคราว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกหงุดหงิดใจยิ่งนัก
บัดนี้ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
วีแชตก็ค้นหาชื่อไม่เจอ
แล้วเขาจะติดต่อกับนางได้อย่างไร?