เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1834 ภูตอเวจีตัวจริง
ตอนที่ 1,834 ภูตอเวจีตัวจริง
ตามหลักการความน่าจะเป็น อวี้เหวินซิวเซียนตัวจริงควรใช้โอกาสนี้ระเบิดเสียงคำรามใส่หลินเป่ยเฉิน
แต่ปฏิกิริยาตอบรับของอวี้เหวินซิวเซียนกลับเป็นตรงกันข้าม
“นายหญิงของเจ้าอยู่ที่ใด? ข้ากำลังอยากพบตัวนางอยู่พอดี”
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินเข้ามากอดคออวี้เหวินซิวเซียน และพูดอย่างสนิทสนมว่า “ไม่เจอกันตั้งนาน ข้าคิดถึงเจ้ามากเลยนะ เจ้ายังคงหล่อเหลาเช่นเคย แต่ก็หล่อน้อยกว่าข้าหน่อยนึง ดีใจที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แต่เจ้าช่วยอะไรข้าหน่อยสิ ไปบอกนายหญิงของเจ้าให้มาพบข้าหน่อยได้หรือไม่?”
อวี้เหวินซิวเซียนพยายามสะบัดหัวไหล่อยู่หลายครั้ง แต่ก็ดิ้นไม่หลุด
หลังจากที่เขาได้รับร่างใหม่ อวี้เหวินซิวเซียนก็ฝึกวิชาอย่างขยันขันแข็งทุกวัน
บัดนี้ เขามีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับจอมปีศาจจักรา
แต่ก็ยังไม่สามารถสะบัดหัวไหล่ให้หลุดออกจากมือของหลินเป่ยเฉินได้
“ย่อมได้”
อวี้เหวินซิวเซียนตอบรับออกมาในที่สุด
อวี้เหวินซิวเซียนไม่ใช่คนที่จะยอมทำตามคำสั่งของผู้ใดง่าย ๆ
เขาเกิดมาพร้อมกับความภาคภูมิใจในตนเองและความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี
แม้แต่พวกคนใหญ่คนโตในเผ่าพันธุ์ปีศาจ อวี้เหวินซิวเซียนก็ยังกล้าฉีกหน้าทิ้งได้อย่างง่าย ๆ
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหลินเป่ยเฉิน เขาก็กลับดูเหมือนจะสูญเสียความเป็นตนเองไป
ไม่ว่าจะเป็นศักดิ์ศรี ความมั่นใจในตนเอง ความหยิ่งผยอง ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลายไปหมดสิ้นเมื่อพบกับหลินเป่ยเฉิน
ดังนั้น เมื่อหลินเป่ยเฉินปล่อยมือ อวี้เหวินซิวเซียนจึงรีบหมุนตัวเดินออกไปทันที
ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติภารกิจอีกแล้ว
เพราะเขาเชื่อว่าหากนายท่านรู้ว่าหลินเป่ยเฉินอยู่ที่นี่ นางจะต้องรีบมาหาอย่างแน่นอน
เยว่ชิงอานเห็นเช่นนั้นก็รีบเดินตามไปส่งแขก
เหลือเพียงหลินเป่ยเฉินกับหลี่อี้สวิ่นอยู่ในห้องด้วยกันตามลำพัง
บรรยากาศแปลกประหลาดพิกลยิ่งนัก
หลี่อี้สวิ่นเคยผ่านเรื่องราวเลวร้ายและประสบการณ์ที่ยากลำบากมาอย่างโชกโชน นางจึงสามารถรับมือกับเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างไร้ที่ติ ไม่ว่าอย่างไร หลี่อี้สวิ่นก็สามารถเก็บอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงได้เสมอ แต่บัดนี้ ความโกรธแค้นกำลังแผ่ออกมาจากร่างกาย นางหอบหายใจอย่างหนักหน่วงขณะจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉินด้วยแววตาดุดัน
“เจ้าบอกว่าเขาเป็นอวี้เหวินซิวเซียนตัวปลอมไม่ใช่หรือ?”
หลี่อี้สวิ่นกัดฟันถามออกไป
“ใช่”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับมาหน้าตาเฉย “แต่ตอนนี้เขาก็เป็นตัวจริงแล้วนี่”
หลี่อี้สวิ่นถึงกับพูดอะไรไม่ออก
คำพูดของคนหนุ่มนี่เชื่อถือไม่ได้จริง ๆ
“เจ้าคือเซียนกระบี่นักล่าหัวหลินเป่ยเฉินจริงหรือ?”
นางถามออกมาอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “จริงสิ ครั้งนี้ข้าจะไม่โกหกท่านแล้ว นอกจากข้า ยังจะมีผู้ใดสามารถหล่อเหลาได้ถึงเพียงนี้อีก”
“ใช่ เจ้ามีความหล่อเหลาในชนิดที่ข้าไม่เคยพบเห็นในบุรุษผู้ใดมาก่อน”
หลี่อี้สวิ่นกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “แต่เจ้าเป็นบุรุษที่บัดซบมากเกินไป”
“ว่าไงนะ”
หลินเป่ยเฉินสวนกลับด้วยความไม่พอใจ “ที่ข้าโกหกท่านก็เพราะว่ามันจำเป็น ข้าไม่ได้จะล้อเล่นกับความรู้สึกของท่านสักหน่อย ทำไมต้องโกรธแค้นกันถึงขนาดนี้ด้วย?”
หลี่อี้สวิ่นหัวเราะเยาะ “โกรธแค้นแล้วอย่างไร? หากเจ้าเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเซียนกระบี่จริ ง ๆ การที่เจ้ามาอยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างจากเนื้อที่เข้ามาอยู่ในปากเสือ เจ้าคิดว่าตนเองจะได้กลับออกไปอย่างปลอดภัยจริงหรือ?”
“ท่านพูดเช่นนี้ไม่ถูกต้อง”
หลินเป่ยเฉินยิงฟันยิ้มกริ่ม “ถึงภายนอก ข้าจะเป็นคนเสเพลโกหกปลิ้นปล้อนกะล่อนไปเรื่อย แต่โดยเนื้อแท้นั้น ข้าเป็นคนที่มีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์อย่างยิ่ง หากท่านเข้าใจถึงจิตใจของข้า ท่านก็จะไม่มีทางพูดเช่นนี้เด็ดขาด…”
“จริงหรือ? ดูเจ้าจะมั่นใจในความกล้าหาญของตนเองมากเหลือเกิน”
หลี่อี้สวิ่นหัวเราะในลำคอ
“ผิดแล้ว”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมจริงจังมากขึ้น “ข้าเป็นคนที่กลัวตายมากที่สุดในโลก หากไม่แน่ใจว่าตนเองจะปลอดภัยจริง ๆ ข้าคงไม่เสี่ยงมาที่นี่หรอก”
หลี่อี้สวิ่นแทบจะพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง
นี่คือครั้งแรกที่นางเคยเห็นคนผู้หนึ่งภูมิใจในความกลัวตายของตนเอง
“เจ้าคิดว่าไม่มีผู้ใดจะสามารถทำอะไรเจ้าได้จริง ๆ หรือ?”
หลี่อี้สวิ่นรวบรวมเรี่ยวแรงกล่าวออกมาอีกครั้ง
แต่ผู้ใดจะคิดเลยว่าหลินเป่ยเฉินกลับส่ายศีรษะตอบมา “ข้าขอเดิมพัน ท่านไม่ทำอะไรข้าหรอก เพราะพวกเรามีผลประโยชน์ร่วมกัน อย่างน้อย ท่านก็ต้องการกำจัดจ้าวสำนักม่วงมหากาฬ ท่านก็ควรจะต้องเกรงใจข้าสักหน่อย หรือท่านคิดว่าสิ่งที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้เป็นเรื่องล้อเล่น? ผิดแล้ว ผิดแล้ว ข้ามีความสัมพันธ์สนิทสนมกับท่านภูตอเวจี…”
พูดยังไม่ทันจบประโยค
“ข้ามีความสัมพันธ์อันใดกับเจ้าไม่ทราบ?”
เสียงใสกังวานปานระฆังแก้วดังขึ้นนอกห้องโถงใหญ่ดังทะลุทะลวงผ่านค่ายอาคมเข้ามาสู่ด้านในห้องและทำให้มวลอากาศปั่นป่วนรุนแรง
“มาแล้วสินะ”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายระยิบระยับ
น้ำเสียงที่คุ้นเคย
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาโดยไม่รู้ตัว
หลี่อี้สวิ่นเบิกตาโตด้วยความตะลึงงัน
นางไม่เคยพบเห็นหลินเป่ยเฉินยิ้มแบบนี้มาก่อน
รอยยิ้มเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเสแสร้งได้ มันเป็นรอยยิ้มที่บุรุษมักจะยิ้มออกมาเมื่อได้พบเจอกับคนที่ตนเองรักเท่านั้น
ความสงสัยปรากฏขึ้นในหัวใจของหลี่อี้สวิ่นโดยพลัน
คนเสเพลจอมกะล่อนอย่างหลินเป่ยเฉินมีรอยยิ้มที่จริงใจเช่นนี้ได้อย่างไร?
ประตูห้องโถงใหญ่เปิดออกอย่างช้า ๆ
สตรีในชุดกระโปรงสีขาวก้าวเข้ามาอย่างช้า ๆ
นี่คือความสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ
กระโปรงขาวช่วยขับเน้นให้รูปลักษณ์ของนางมีสง่าราศีมากขึ้น
กล่าวคือ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลี่อี้สวิ่นได้พบกับท่านภูตอเวจี
เพราะก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินเคยปลอมตัวเป็นท่านภูตอเวจีมาแล้ว ดูจากรูปร่างหน้าตา แทบหาความแตกต่างกันไม่ได้ เรียกว่าหลุดออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันก็คงไม่ผิด
แต่บุคลิกนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ท่านภูตอเวจีที่หลินเป่ยเฉินปลอมตัวมาจะมีสง่าราศีของความเป็นชนชั้นสูง กิริยาวาจาเสแสร้ง แต่สำหรับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง ทุกอย่างดูเป็นไปตามธรรมชาติ อาศัยเพียงเรื่องความงดงามอย่างเดียว ก็ไม่สามารถมีสตรีผู้ใดสู้กับนางได้อีกแล้ว
และพลังปราณของทั้งสองคนก็แตกต่างกัน
จังหวะการหายใจก็แตกต่างกัน
แต่สัญชาตญาณกำลังบอกหลี่อี้สวิ่นว่า สตรีผมดำในชุดกระโปรงขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้านางผู้นี้ เป็นท่านภูตอเวจีตัวจริงเสียงจริงอย่างแน่นอน
ประตูปิดลงอย่างแช่มช้า
ภายในห้องยังคงมีแสงสว่างไสว
“เป็นอย่างไร ไม่เจอกันตั้งนาน ข้าคิดถึงท่านแทบแย่”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้างเดินเข้าไปหาเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง กางแขนออกกว้าง รอคอยการสวมกอด
แต่ปีศาจสาวเพียงเอียงศีรษะเล็กน้อยและหยุดยืนอยู่กับที่ ดวงตากลมโตที่สวยงามของนางสำรวจมองหลินเป่ยเฉินตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้ายังไม่รีบอธิบายมาอีกว่าเพราะเหตุใดถึงขาดการติดต่อไปเช่นนี้? เหตุไฉนกำไลผลึกแก้วกิเลนของข้าถึงไม่สามารถติดต่อเจ้าได้อีก?”
กำไลผลึกแก้วกิเลนคือวัตถุเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงติดต่อกับเด็กหนุ่มได้ตลอดเวลาที่ผ่านมา
และไม่ว่าจะอยู่ในดินแดนใด นางก็สามารถติดต่อกับหลินเป่ยเฉินได้เสมอ
แม้ว่านั่นจะเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเลยก็ตาม
เพราะกำไลผลึกแก้วกิเลนที่นางใช้งานอยู่นั้นเป็นรุ่นเก่าที่ตกรุ่นไปนานแล้ว มันไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้ใดได้อีก แต่กลับสามารถใช้ติดต่อกับหลินเป่ยเฉินได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทว่า ไม่นานมานี้ อยู่ดี ๆ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็ติดต่อกับหลินเป่ยเฉินไม่ได้