เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1835 คิดว่าเป็นอากาศ
ตอนที่ 1,835 คิดว่าเป็นอากาศ
แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
ในเมื่อมันเป็นอุปกรณ์ตกรุ่น ที่ผ่านมาสามารถใช้ติดต่อสื่อสารกันมาได้อย่างเนิ่นนานนั้น ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์พอสมควรแล้ว
ถึงกระนั้น เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็ยังอยากโทษว่าเป็นความผิดของหลินเป่ยเฉินอยู่ดี
“ไม่เป็นไร ท่านพักอยู่กับข้าที่นี่สักหลายวันหน่อยเถอะ”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่มและกล่าวว่า “ข้าจะเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ให้กับท่าน หลังจากนั้น ท่านก็จะสามารถติดต่อข้าได้ทุกที่ทุกเวลา”
“เจ้าจะให้ข้าติดต่อไปเรื่องอันใด?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงหยอกเย้ากลับมาอย่างอารมณ์ดี
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น “เรื่องอันใดก็ได้ทั้งนั้น”
แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
ไม่ต่างจากคู่รักเก่าที่ได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง
หลี่อี้สวิ่นที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกทำตัวไม่ถูก
นี่ทั้งสองคนมาที่นี่เพื่อหารือกันจริง ๆ ใช่หรือไม่?
หรือว่าตั้งใจมาพูดคุยหยอกล้อกันแน่?
ในสถานที่เช่นนี้ ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยไฟสงครามเช่นนี้ หลินเป่ยเฉินกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยังสามารถมาหยอดคำหวานใส่กันได้โดยไม่สนใจคนนอกอย่างหลี่อี้สวิ่นเลยสักนิด
พวกเขาเห็นนางเป็นอากาศหรืออย่างไร?
หรือว่านางไม่มีตัวตนอยู่อีกแล้ว?
“อะแฮ่ม…”
หลี่อี้สวิ่นส่งเสียงกระแอมไอขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
หลินเป่ยเฉินกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงหันขวับมองมาทางนางอย่างพร้อมเพียง
“อ้อ เกือบลืมไปเลยว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นอีกครั้ง “ว่าแต่ว่าท่านส่งตัวซิวเอ๋อร์มาพบเจอแม่ทัพหลี่เช่นนี้ มีเรื่องอันใดหรือ?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจ้องมองใบหน้าของหลี่อี้สวิ่นด้วยความพินิจพิจารณา
สายตาของนางทำให้หัวใจของหลี่อี้สวิ่นสั่นไหว
เนื่องจากนางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าท่านภูตอเวจีที่เพิ่งจะหัวร่อต่อกระซิกอยู่กับหลินเป่ยเฉินเมื่อสักครู่นี้ บัดนี้ สายตาของนางกลับมีแต่ความเย็นชาอำมหิต ไม่ต่างจากพญามังกรบนฟากฟ้าที่กำลังก้มมองหนอนบนพื้นดินตัวหนึ่ง
“ข้าต้องการจะฆ่าจ้าวสำนักม่วงมหากาฬ ไม่ทราบว่าเจ้ายินดีร่วมมือหรือไม่?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงถามออกมาอย่างช้า ๆ
น้ำเสียงเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
เป็นน้ำเสียงที่สูงส่งมีอำนาจ
น่าเกรงขาม
“ข้าน้อย… ข้าน้อยยินดีให้ความร่วมมือเจ้าค่ะ”
หลี่อี้สวิ่นไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น จึงไม่มีความคิดที่จะปฏิเสธอยู่ในหัว
ต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป นางยังคงเจรจาอยู่กับท่านภูตอเวจีตัวปลอมที่สวมบทบาทโดยหลินเป่ยเฉิน แต่ในขณะนี้ นางกำลังเผชิญหน้าอยู่กับท่านภูตอเวจีตัวจริงเสียงจริง เพราะฉะนั้น หลี่อี้สวิ่นจึงไม่มีความคิดที่จะต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
หลินเป่ยเฉินอ้าปากเหวอ
นี่หรือคือความน่าเกรงขามของผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง?
เพียงมองตา ก็ทำให้ผู้ที่อยู่ในระดับจอมปีศาจจักราคุกเข่ายอมศิโรราบได้แล้ว!
…
ด้านนอกห้องโถง
อวี้เหวินซิวเซียนกับเยว่ชิงอานยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สองมือแนบลำตัว บรรยากาศเงียบสงัด
พวกเขาไม่ต่างจากรูปปั้นหินสองตัวที่ยืนอยู่หน้าประตู
สายลมโชยพัดแผ่วเบา
แสงตะวันอบอุ่น
ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจาออกมา
ทั้งสองคนต่างก็จมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง
พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีความคล้ายคลึงกับตนเองอย่างน่าประหลาด
ไม่ใช่สิ เป็นเยว่ชิงอานที่สัมผัสได้ว่าอวี้เหวินซิวเซียนมีความคล้ายคลึงกับตนเองอย่างไม่น่าเชื่อมากกว่า
แววตาเช่นนั้นยามที่จ้องมองนายหญิงของตนเอง…
ฮ่า ๆๆ
ที่แท้หมอนี่ก็แอบรักนายหญิงของตนเองอยู่สินะ
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ เยว่ชิงอานก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
เพราะความรักของเขาสมหวังแล้ว
เมื่อได้รับคำแนะนำจากหลินเป่ยเฉิน เขาก็ปฏิบัติตามกลยุทธ์ของเด็กหนุ่มโดยไม่ลังเล และในที่สุด ก็ได้มีโอกาสเผด็จศึกท่านแม่ทัพหลี่เรียบร้อยแล้วเมื่อคืนนี้
ส่วนอวี้เหวินซิวเซียนผู้นี้น่ะหรือ…
ดูเหมือนเส้นทางแห่งความสมหวังน่าจะยังอยู่อีกห่างไกล
ไม่ใช่สิ
ต้องบอกว่าเป็นเส้นทางที่ปิดตายแล้วต่างหาก
แม้ว่าบุรุษผู้มีนามว่าอวี้เหวินซิวเซียนจะมีหน้าตาหล่อเหลา นับเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามได้อย่างภาคภูมิใจ ทว่า… ดูเหมือนคู่แข่งของเขาจะเป็นหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มผู้นั้น นอกจากมีหน้าตาหล่อเหลาแล้ว ยังมีมันสมองอันปราดเปรื่อง มีไหวพริบเป็นเลิศและยังมีฝีมือการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัว
ไม่ว่ามองจากมุมใด อวี้เหวินซิวเซียนก็สู้หลินเป่ยเฉินไม่ได้เลยสักนิด
พ่ายแพ้อย่างราบคาบทุกประตู
ไม่มีหวังเลย
“เจ้าหัวเราะอะไรไม่ทราบ?”
ทันใดนั้น อวี้เหวินซิวเซียนหันขวับมามองหน้าเยว่ชิงอานด้วยแววตาไม่พอใจ
“ข้าไม่ได้หัวเราะสักหน่อย”
รอยยิ้มบนใบหน้าเยว่ชิงอานจางหายไปทันที
อวี้เหวินซิวเซียนหันหน้ากลับไปอย่างช้า ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน
“เจ้าหัวเราะออกมาอีกแล้ว… เจ้าหัวเราะอันใด?”
อวี้เหวินซิวเซียนชักสีหน้าด้วยความโกรธเคือง
เยว่ชิงอานตอบเสียงเรียบว่า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด ไม่มีทางหลุดหัวเราะโดยไม่รู้ตัวเด็ดขาด… คิกคิก”
“นี่ไง เจ้ากำลังหัวเราะอยู่”
อวี้เหวินซิวเซียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “เจ้าดูถูกผู้คนมากเกินไปแล้ว”
เยว่ชิงอานรีบอธิบายว่า “ฟังก่อน... เหตุผลที่ข้าหัวเราะออกมานั้น เป็นเพราะข้านึกถึงเรื่องราวที่มีความสุขขึ้นมาได้น่ะสิ”
“เรื่องราวความสุขอันใด?”
อวี้เหวินซิวเซียนรู้สึกว่าที่ปรึกษาจากสำนักม่วงมหากาฬผู้นี้ตั้งใจหัวเราะเยาะเขาชัด ๆ
“ข้าเคยหลงรักสตรีนางหนึ่งมานานมากแล้ว”
เยว่ชิงอานนิ่งเงียบเล็กน้อยก่อนจะอธิบายออกมา “แต่นางไม่เคยรับรักข้าเลย เพราะนางสูงส่งมากเกินไป ข้าจึงรู้สึกต่ำต้อยทุกครั้งที่อยู่เบื้องหน้านาง ดังนั้น ข้าจึงยอมแพ้และขอเพียงได้รับใช้อยู่ข้างกายนางก็มีความสุขมากแล้ว ข้ายอมอุทิศชีวิตของตนเองให้กับนาง ตราบใดที่ได้เฝ้าอยู่ข้างกายของนาง ข้าก็ไม่ต้องการสิ่งอื่นใดอีก...”
อวี้เหวินซิวเซียนได้ยินคำตอบเช่นนี้หัวใจก็ต้องกระตุกวูบ
มีเรื่องราวเช่นนี้ด้วยหรือ?
เยว่ชิงอานก็พบเจอกับชะตากรรมไม่ต่างจากเขาเลย
ในเส้นทางดาราจักรอันกว้างใหญ่
อวี้เหวินซิวเซียนคิดไม่ถึงเลยว่าในค่ายปีศาจแห่งนี้ ยังคงมีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งที่ต้องพบชะตากรรมทางความรักอันน่าเศร้าเช่นเดียวกับเขา
“ประเสริฐ เจ้าอย่าได้เศร้าไปเลย ชีวิตคนเราก็เป็นเช่นนี้เอง จะให้สมหวังไปทุกอย่างคงไม่ได้ ตราบใดที่นางมีความสุข เจ้าก็น่าจะพอใจแล้ว…”
อวี้เหวินซิวเซียนก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน
เพราะเขากำลังใช้ประสบการณ์ตรงของตนเองปลอบประโลมอีกฝ่าย