เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1848 ความลับถูกเปิดเผย
ตอนที่ 1,848 ความลับถูกเปิดเผย
หลินเป่ยเฉินแน่นิ่งตกตะลึง
หรือหวังจงจะรู้แล้วว่าเขาทะลุมิติมาจากโลกอื่นจริง ๆ?
แต่ถ้าพ่อบ้านชราสังเกตเห็นว่าเขาไม่ใช่คนเดียวกับหลินเป่ยเฉินก่อนหน้านี้ แล้วทำไมถึงยังแสดงท่าทีเคารพเป็นอย่างสูงเช่นนี้อยู่อีกเล่า?
หรือคิดว่าหลินเป่ยเฉินคนเลวคนเดิมจะกลับตัวกลับใจเป็นหลินเป่ยเฉินคนใหม่ได้สำเร็จ?
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดถึงเรื่องอะไร”
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจแกล้งทำไม่รู้เรื่องราวไปก่อน
ชายชราอธิบายด้วยรอยยิ้ม “นายน้อยไม่รู้ก็ถูกต้องแล้วขอรับ เพราะความทรงจำของนายน้อยถูกลบไปทั้งหมด นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้นึกถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมาได้อีก… เพียงแต่บัดนี้ ท่านกลับมาอยู่ในเส้นทางดาราจักรแล้ว ผลพวงที่เกิดขึ้นในอดีตยังคงส่งผลต่อปัจจุบัน และมีเรื่องราวบางประการที่นายน้อยต้องเป็นคนแก้ไขขอรับ”
หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบ ๆ
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
หวังจงพูดถึงอะไรอยู่?
ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจเลย!
ให้ตายสิ ในเมื่ออุตส่าห์ลบความทรงจำของเขาไปแล้ว แล้วยังจะให้เขาแก้ไขปัญหาในอดีตอะไรนั่นอีกหรือ?
น่าปวดหัวชะมัด
“เจ้าใช้คำว่าข้า ‘กลับมา’ แสดงว่าก่อนหน้านี้ ข้าเคยอยู่ในเส้นทางดาราจักรมาก่อนใช่หรือไม่?” หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วนิ่วหน้า “อย่าบอกนะว่าข้ามาจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์?”
“ถูกต้องแล้วขอรับ นายน้อย”
หวังจงตอบด้วยความเคารพ
ชายหนุ่มยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นและถามต่อไปว่า “หวังจง… หึ ๆ เจ้าคือหวังจงจริง ๆ แน่หรือ?”
“นับตั้งแต่ที่นายน้อยกำเนิดขึ้นมา บ่าวก็ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านตระกูลหลิน บ่าวเฝ้าดูนายน้อยเติบโตขึ้นมาด้วยสองตาของตนเอง บ่าวดูแลนายน้อยไม่ต่างจากบุตรชายของบ่าว…”
“เอาอีกแล้ว เจ้าพูดเช่นนี้อีกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินขัดจังหวะขึ้นมากลางคัน “พูดเข้าเรื่องเลยดีกว่า”
ครั้งนี้ เขาไม่ได้เตะก้นหวังจงอีก
ชายชรายิ้มและอธิบายต่อไป “นายน้อยถามว่าบ่าวใช่หวังจงจริง ๆ หรือไม่? แน่นอนว่าบ่าวคือหวังจง บ่าวเป็นหวังจงของนายน้อยเสมอมาและจะเป็นตลอดไป ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงขอรับ”
หลินเป่ยเฉินเข้าใจคำพูดนี้เป็นอย่างดี
“งั้นก็แสดงว่า… ก่อนที่ข้าจะเกิด เจ้าคงมีอีกตัวตนหนึ่งสินะ?”
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบและได้แต่ภาวนาให้พ่อบ้านชราไม่พูดจาเป็นปริศนาชวนสงสัยอีก เพราะเขาไม่เก่งเรื่องการทายคำปริศนาสักเท่าไหร่
หวังจงตอบว่า “นายน้อยช่างชาญฉลาดยิ่งนัก”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าเป็นผู้ใด?”
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจถามออกไปให้รู้แล้วรู้รอด
เพราะการที่หวังจงจะทำตัวจริงจังเช่นนี้นับเป็นเรื่องยากพอควร
“ไม่สำคัญหรอกขอรับว่าบ่าวจะเป็นผู้ใด แต่ขอให้จำไว้ว่าบ่าวเป็นคนที่นายน้อยไว้ใจได้เสมอ บ่าวยอมเสียสละทุกสิ่งให้นายน้อยได้แม้แต่ชีวิตของตนเอง” หวังจงไม่ตอบคำถามโดยตรง แต่เริ่มพูดจาแฝงความนัยอีกครั้ง
คนฟังนิ่งเงียบใช้ความคิด
“แล้วพวกเราจะไปทำอะไรในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์?”
หลินเป่ยเฉินถาม
ชายชราตอบให้ว่า “เอาสิ่งที่เคยเป็นของนายน้อยกลับคืนมา”
“สิ่งที่เคยเป็นของข้าอย่างนั้นหรือ? มันคืออะไรกัน?”
ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
หวังจงแถลงไข “บ่าวเองก็ไม่ทราบเช่นกัน บางทีอาจจะเป็นอำนาจ ความแข็งแกร่ง ความทรงจำ หรืออาจจะเป็นมิตรภาพ… กล่าวโดยสรุปก็คือทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายน้อยขอรับว่าท่านอยากจะได้สิ่งใดกลับคืนมา”
หลินเป่ยเฉินเริ่มมีสีหน้าสนอกสนใจมากขึ้น “แล้วถ้าข้าอยากได้ทุกอย่างเลยล่ะ?”
แค่คิดก็มีความสุขแล้ว
หวังจงตอบเสียงเรียบ “นายน้อย สิ่งที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของคนเรา ไม่ใช่ว่าชีวิตไม่มีทางเลือก แต่เป็นชีวิตที่มีทางเลือกมากเกินไป”
“ฮ่า ๆๆ มีทางเลือกเยอะนี่แหละดีนัก”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความมั่นใจ
หวังจงไม่ได้พูดอะไรอีก เฝ้ามองสีหน้ามั่นอกมั่นใจในตนเองของเด็กหนุ่ม ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
คนหนุ่มคนสาวมักรู้สึกว่าชีวิตนี้อยู่ในกำมือของตนเองเสมอ แต่บ่อยครั้งโชคชะตาก็บีบบังคับให้คนเราต้องตัดสินใจ และไม่ใช่ทุกครั้งที่มันจะเป็นการตัดสินใจอย่างง่ายดาย
“นายน้อย พวกเราจะออกเดินทางกันวันพรุ่งนี้นะขอรับ”
หวังจงพูด “พวกเราจะเดินทางออกจากอาณาจักรซือเว่ยไปพร้อมกับคณะเดินทางของคุณหนูหลิงเฉิน และเมื่อไปถึงจุดขนส่งของอาณาจักรอี้จื่อ พวกเราก็ต้องแยกทางกัน… การเดินทางครั้งนี้คงไม่ง่าย นายน้อยสามารถพาคนสนิทติดตัวไปได้เพียงสามคน นายน้อยต้องเลือกให้ดีนะขอรับว่าจะพาผู้ใดไปด้วยบ้าง เพราะนายน้อยอาจจะจำเป็นต้องพึ่งพาพวกเขาก็เป็นได้”
น้ำเสียงบอกชัดว่าหวังจงก็จะเดินทางตามไปด้วยเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินพยักหน้ารับคำ “เข้าใจแล้ว”
หลังจากหยุดชะงักเล็กน้อย ชายหนุ่มก็กล่าวเสริมขึ้นมา “แต่ว่าข้าอยากจะไปตามหาศิษย์พี่ฮันก่อน”
หวังจงผงกศีรษะ “ไม่มีปัญหาขอรับ การเดินทางไปที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน พวกเรายังพอมีเวลา บ่าวเองก็อยากจะพานายน้อยชื่นชมความสวยงามของเส้นทางดาราจักรเช่นกัน”
“งั้นนี่ก็คงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วสินะ”
หลินเป่ยเฉินว่า
หวังจงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็ตั้งคำถามขึ้นมาอีกครั้ง “บิดาของข้า… หลินจิ้นหนาน บัดนี้เขาอยู่ที่ใด? เหตุใดเขาถึงหายตัวไป?”
นี่คือปริศนาที่หลินเป่ยเฉินไม่ได้อยากรู้คำตอบสักเท่าไหร่
แต่ไหน ๆ วันนี้หวังจงก็พูดมากถึงขนาดนี้แล้ว เขาจึงลองถามดู
หวังจงตอบยิ้ม ๆ ว่า “นายน้อย บางทีอาจไม่มีบุคคลผู้นั้นอยู่จริงก็ได้นะขอรับ”
ผู้ฟังรู้สึกสะท้อนอยู่ในใจ
…นี่เป็นคำตอบที่ชวนให้งุนงงยิ่งนัก!
“นายน้อยลองคิดดูให้ดี หลินถิงซานพี่สาวของท่าน แท้ที่จริงแล้วนางเป็นคนหรือเป็นจักจั่นอสูรกันแน่?”
หวังจงถามออกมาอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเป็นจักจั่นอสูร แต่นางเป็นพี่สาวของข้าเสมอ”
หวังจงยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
“หากเป็นเช่นนั้น นายน้อยก็จงจำไว้ว่าบิดาของท่านหายตัวไปขอรับ” หวังจงกล่าว “ชีวิตคนเรา ไม่ใช่ทุกคนที่หายตัวไปแล้วจะสามารถกลับมาพบเจอได้อีกเช่นคุณชายฮันปู้ฟู่ บางทีบิดาของนายน้อยอาจจะหายสาบสูญไปตลอดกาลก็เป็นได้”
ประเสริฐนัก!
หลินเป่ยเฉินลอบด่าหวังจงอยู่ในใจ
น้ำเสียงของพ่อบ้านชราสื่อความหมายไปในทางว่าบิดาของเขาตายแล้ว
สิ่งที่ไม่เคยพบเห็นด้วยตาของตนเอง ไม่แน่ว่าจะเป็นความจริงเสมอไป
ยิ่งไปกว่านั้น หลินเป่ยเฉินก็ไม่เคยพบเจอบิดาของตนเองเลยสักครั้ง
แล้วบิดาของเขามีตัวตนอยู่จริงหรือไม่?
เมื่อส่งหวังจงกลับออกไปแล้ว หลินเป่ยเฉินก็เดินมานั่งอยู่บนขั้นบันไดหน้าประตู และตกอยู่ในภวังค์ความคิดอันสับสนวุ่นวาย
คำถามใหญ่เกิดขึ้นในใจของเขา
คำถามใหญ่ที่ทำให้ร่างกายของเด็กหนุ่มสั่นเทาเมื่อนึกถึง
ความทรงจำของเขาที่เกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์ในชาติภพที่แล้ว ความทรงจำที่เกี่ยวกับพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิทมิตรสหาย เกมคอมพิวเตอร์ เกมโทรศัพท์มือถือ และอนิเมะที่ชื่นชอบเหล่านั้น มันเป็นความจริงหรือไม่?
สุดท้ายแล้ว เขาเป็นหลินเป่ยเฉินที่ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของหลินเป่ยเฉินผู้ที่มีสมองเลอะเลือน
หรือเขาเป็นเพียงหลินเป่ยเฉินคนเลวคนเดิมผู้ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา และเกิดจินตนาการต่าง ๆ ขึ้นมาเองด้วยอาการทางสมองอย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมาดู
แล้วของสิ่งนี้ล่ะคืออะไร?
ชายหนุ่มได้แต่คิดแล้วก็สงสัย…