เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1856 ทำความดี
ตอนที่ 1,856 ทำความดี
หวังเฟิงหลิวตอบว่า “พื้นที่เขตนี้ควบคุมโดยกลุ่มพันธมิตรโกลาหลขอรับ”
กลุ่มพันธมิตรโกลาหลเป็นกลุ่มที่ตั้งชื่อขึ้นมาตามสถานการณ์โดยรวมของเส้นทางขนส่งย่านนี้ ที่นี่เป็นแหล่งรวมตัวของมนุษย์ อสูร และปีศาจ การทะเลาะเบาะแว้งจึงเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ และทุกคนก็เข้าใจดีว่าปัญหาทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้กำลังเสมอ
และแน่นอนว่ากลุ่มคนที่มีอำนาจอย่างแท้จริงนั้นมีอยู่เพียงหยิบมือเดียว
ซึ่งกองโจรกระบี่อวตารก็คือหนึ่งในนั้น
หลินเป่ยเฉินรับฟังและเงียบงัน
สถานที่เช่นนี้เปรียบดั่งแดนมรณะสำหรับผู้อ่อนแอ
มีแต่คนที่ชั่วร้ายเท่านั้นถึงจะสามารถทำมาหากินในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้
“งั้นเจ้าก็ไปช่วยเหลือผู้คนเหล่านั้นกลับมาเถอะ”
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่งอีกครั้ง
เมื่อทราบว่ากลุ่มคนที่ถูกพาตัวไปก่อนหน้านี้ตกอยู่ในอันตราย หลินเป่ยเฉินก็ไม่รอช้าที่จะให้ความช่วยเหลือโดยทันที
บัดนี้ นอกจากหลินเป่ยเฉินจะมีเงินทองอยู่มากมายแล้ว เขายังต้องการทำความดีเพื่อเป็นกุศลเผื่อแผ่ไปให้แก่บุคคลที่เขารักอย่างหลิงเฉินและฮันปู้ฟู่ให้พบเจอแต่เรื่องดีงามอีกด้วย
หวังเฟิงหลิวรับคำสั่งอย่างไม่ลังเล “นายท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้าน้อยจะส่งคนไปเจรจาเอง”
หวังเฟิงหลิวทราบดีว่าโอกาสสร้างความดีความชอบของตนเองมาถึงแล้ว
หลังจากนั้น เขาก็พาลูกสมุนเดินทางจากไปด้วยท่าทีดุดัน
หลินเป่ยเฉินกวาดสายตามองกลุ่มคนที่ถูกช่วยเหลือและนำตัวมาอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะทะลวงคลื่น เขาส่งยิ้มทักทายผู้รอดชีวิตว่า “ทุกท่านไม่ต้องตกใจ ข้าเองก็เดินทางผ่านประตูขนส่งออกมาจากอาณาจักรอี้จื่อเช่นเดียวกับพวกท่าน พวกเราถือว่าเป็นเพื่อนร่วมทางกันชั่วคราว เมื่อเรือเหาะของข้าเข้าสู่จุดแวะพักเมื่อไหร่ พวกท่านก็สามารถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ตามที่ตนเองต้องการ”
เมื่อบรรดาผู้รอดชีวิตได้ยินดังนั้น พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
พวกเขาเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอนมาเผชิญกับโชคชะตาอันโหดร้าย อยู่ดี ๆ เรือเหาะก็ชำรุดเสียหาย เกือบจะพากันตกตายยกลำ
โชคดีที่ได้พบเจอกับคนดีเช่นนี้
“ขอบคุณคุณชายมากเลยขอรับ”
“ขออภัยคุณชายขอรับ ข้าน้อยแซ่เกา ไม่ทราบว่าขอถามนามอันสูงส่งของคุณชายได้หรือไม่? เมื่อข้าน้อยเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ข้าน้อยจะจุดธูปขอพรให้แก่คุณชายทุกวันทุกคืน”
“ข้าพเจ้ามีนามว่ามู่อวิ๋นหยา ขอบคุณคุณชายที่ช่วยชีวิตขอรับ”
กลุ่มคนจำนวนมากต่างก็เดินเข้ามาขอบคุณหลินเป่ยเฉินด้วยความนอบน้อม
แม้เรือเหาะที่พวกเขาโดยสารจะมีสภาพเก่าแก่ผุพัง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าผู้โดยสารเหล่านี้ไม่ใช่กลุ่มคนธรรมดา พวกเขาเป็นคนมีหน้ามีตาในอาณาจักรอี้จื่อ กิริยามารยาทจึงสุภาพอ่อนน้อมเป็นอย่างยิ่ง
หลินเป่ยเฉินยิ้มแย้มและโบกไม้โบกมือตอบกลับไป “พวกท่านจะเกรงใจไปไย? นี่หาใช่บุญคุณอันใหญ่หลวงไม่ อย่างไรพวกเราก็เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนกัน มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว หากพวกเราได้มีวาสนามาพบกันอีกครั้ง พวกท่านค่อยตอบแทนข้าในตอนนั้นก็ยังไม่สาย”
เมื่อกลุ่มผู้รอดชีวิตได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็ต้องยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณชายผู้นี้อายุยังน้อย แต่กลับมีจิตใจกล้าหาญและโอบอ้อมอารียิ่งนัก
หลินเป่ยเฉินผายมือบอกให้กลุ่มผู้รอดชีวิตแยกย้ายกันไปพักผ่อน
ทุกคนเลือกที่นั่งพักของตนเองบนดาดฟ้าเรือเหาะ
หลังจากนั้น พวกของหวังเฟิงหลิวก็กลับมาที่เรือเหาะทะลวงคลื่นพร้อมด้วยผู้รอดชีวิตอีกยี่สิบกว่าคน
เห็นได้ชัดว่าผ่านไปเพียงไม่นาน กลุ่มผู้รอดชีวิตเหล่านั้นก็ต้องได้รับการทรมานอย่างหนัก สภาพของพวกเขาน่าตกตะลึง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อกลุ่มผู้รอดชีวิตชุดหลังได้ทราบถึงที่มาที่ไปของการช่วยเหลือตนเองกลับมา พวกเขาก็รีบเข้ามาขอบคุณหลินเป่ยเฉินเป็นการเร่งด่วน เพราะกลัวว่าตนเองจะถูกปล่อยทิ้งให้กลายเป็นเศษฝุ่นอยู่ในอวกาศ
เมื่อได้รับการขอบคุณจากทุกคนแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ขอตัวกลับลงไปใต้ท้องเรือ
เขาเดินไปเคาะประตูห้องพักของหลิงเฉิน
ก่อนการแยกจาก ย่อมมีเรื่องให้พูดคุยกันมากมายนัก
…
องค์ชายหลิงหวงฉีมีสีหน้าเคร่งเครียด
ขณะเดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าห้องพักหลานสาวตนเองตลอดเวลา
เขาถอนหายใจออกมานับครั้งไม่ถ้วน
หลายครั้งที่คิดจะเคาะประตูห้องของหลิงเฉิน แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
ไม่ทราบเลยว่าหลินเป่ยเฉินเข้าไปอยู่ในนั้นนานเพียงใดแล้ว?
เขาไม่ทราบเลยว่าอีกฝ่ายเข้าไปทำอะไรบ้าง?
แม้ว่าก่อนหน้านี้องค์ชายหลิงหวงฉีจะเคยบอกหลินเป่ยเฉินว่าจะช่วยจับเขาแต่งงานกับหลิงเฉิน หากหลินเป่ยเฉินเป็นผู้แข็งแกร่งได้อย่างแท้จริงและคำตอบของหลินเป่ยเฉินก็ทำให้องค์ชายหลิงหวงฉีพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่อยากให้หลินเป่ยเฉินอยู่กับหลิงเฉินตามลำพังอยู่ดี
เพราะในอนาคต ไม่แน่ว่าหลินเป่ยเฉินจะเป็นผู้แข็งแกร่งได้ตามใฝ่ฝัน
ทว่าในเส้นทางดาราจักรอันกว้างใหญ่ จำนวนยอดฝีมือผู้กล้ามีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน มิหนำซ้ำ ยอดฝีมือเหล่านั้นยังมีชาติตระกูลสูงส่ง มีอาณาจักรใหญ่โตคอยหนุนหลัง
สักวันหนึ่ง หลินเป่ยเฉินอาจเดินทางไปที่อาณาจักรเกิงจินในฐานะผู้แข็งแกร่งได้อย่างแท้จริง แต่กว่าจะถึงตอนนั้น หากหลิงเฉินแต่งงานกับผู้อื่นไปแล้ว หลินเป่ยเฉินจะทำอย่างไร?
ด้วยเหตุนี้ องค์ชายหลิงหวงฉีจึงรู้สึกสงสารเด็กคู่นี้อยู่ในใจ
และนั่นก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจไม่ยอมเคาะประตูในที่สุด
องค์ชายหลิงหวงฉีเพียงแต่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตู
หญิงรับใช้ต้องการนำอาหารเข้าไปส่งให้แก่หลิงเฉิน แต่องค์ชายหลิงหวงฉีก็ห้ามเอาไว้เสียก่อนว่า “องค์หญิงกำลังฝึกวิชาอยู่ ห้ามผู้ใดรบกวน”
ครึ่งชั่วยามต่อมา
เรือเหาะทะลวงคลื่นก็แล่นไปถึงจุดแวะพักที่ดาวเคราะห์ซานฉี
ในที่สุด เวลาแห่งการจากลาก็มาถึง
หลินเป่ยเฉินและหลิงเฉินเดินออกมาจากห้องพัก
ดวงตาของเด็กสาวแดงก่ำและนางก็จูบหลินเป่ยเฉินอย่างดูดดื่มต่อหน้าทุกคนก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
องค์ชายหลิงหวงฉีสำรวจมองหลินเป่ยเฉินขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่หลายครั้ง
“มองอะไรขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินเงยหน้าขึ้นมากล่าวว่า “พวกเราไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ท่านลุงคิดเลย พวกเรายังบริสุทธิ์”
องค์ชายหลิงหวงฉีกะพริบตาปริบ ๆ
เขาเองก็อยากจะเชื่อเช่นนั้นเหมือนกัน
หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อไปว่า “ท่านลุงเป็นบุคคลที่ข้าน้อยเคารพมากที่สุดผู้หนึ่ง ท่านลุงต้องปกป้องเฉินเอ๋อร์ให้ดีนะขอรับ ท่านลุงก็รู้ว่าข้าหมายถึงอะไร”
องค์ชายหลิงหวงฉีผงกศีรษะ ก่อนหมุนตัวเดินจากไปเช่นกัน
“เจ้าหนู รีบตามมาเร็ว ๆ ละ”
หลิงจุนเซวียนพยักหน้าให้แก่หลินเป่ยเฉิน
อาจารย์ใหญ่หลิงไท่ซวีพลันกล่าวว่า “เด็กน้อย ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่อาณาจักรเกิงจิน แต่หากเจ้ามาแล้วไม่เจอข้า เจ้าก็สามารถไปตามหาตัวข้าได้ที่หอนางโลมชื่อดังประจำเมืองเสมอ”
หลิงจุนเซวียนได้แต่ยกมือกุมศีรษะด้วยความปวดหัวกับความบ้าตัณหาของบิดาตนเอง
หลินเป่ยเฉินกล่าวว่า “ท่านปู่ ความคิดของท่านช่างอันตรายยิ่งนัก ข้าขอแนะนำให้ท่านเพลา ๆ เรื่องนี้ลงหน่อยเถอะ”
หลิงไท่ซวีระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
หลังจากนั้นไม่นาน
ในที่สุด กลุ่มคนจากอาณาจักรเกิงจินก็โดยสารเรือเหาะที่เช่าเหมาลำจากดาวเคราะห์ซานฉีออกเดินทางสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น