เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1857 หอการค้าไท้กู่
ตอนที่ 1,857 หอการค้าไท้กู่
หลินเป่ยเฉินที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะจ้องมองพวกของหลิงเฉินจากไป พร้อมกันนั้น เขาก็สาบานอยู่ในใจว่าสักวันหนึ่งตนเองจะต้องเดินทางไปที่อาณาจักรเกิงจินและแต่งงานกับหลิงเฉินอย่างสง่างามให้ได้
“นายท่าน พวกเราจะไปที่ใดกันต่อขอรับ?”
หวังเฟิงหลิวผู้ตามติดเด็กหนุ่มเป็นเงาตามตัวสอบถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เราอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว “อย่าบอกนะว่าเจ้าอยากจะติดตามข้าไปด้วย?”
หวังเฟิงหลิวรีบก้มหน้าต่ำ พลางอธิบายว่า “เนื่องจากนายท่านเป็นลูกค้าระดับสูงของพวกเรา กองโจรกระบี่อวตารจึงตัดสินใจที่จะดูแลนายท่านให้ดีที่สุดขอรับ ไม่ว่านายท่านต้องการสิ่งใด พวกเราก็จะจัดหามาให้ทั้งสิ้น”
“จัดหามาได้ทุกอย่างเลยใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น
“ใช่แล้วขอรับ นายท่าน”
หวังเฟิงหลิวเอนตัวมาข้างหน้าและกระซิบกระซาบว่า “นายท่านขอรับ ข้าน้อยรู้จักสาวงามที่สังกัดอยู่ในหอนางโลมของกลุ่มพันธมิตรโกลาหลไม่น้อย แต่ละนางช่างมีความยอดเยี่ยมยิ่งนัก…”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก
เจ้าหมอนี่ตั้งใจมาประจบเอาใจเขาจริง ๆ
คิดไม่ถึงเลยว่าในเส้นทางขนส่งกลางอวกาศอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ยังคงมีหอนางโลมเปิดให้บริการ
จะเป็นหอนางโลมรูปแบบไหนกันนะ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น หลินเป่ยเฉินก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
หวังเฟิงหลิวเห็นเด็กหนุ่มหัวเราะก็ดีใจยิ่งนัก
ดูเหมือนนายท่านจะกล่าวเอาไว้ไม่มีผิด นายน้อยเป็นพวกบ้าตัณหาราคะ ลุ่มหลงในสาวงามจริง ๆ
หวังเฟิงหลิวเชื่อว่าตนเองประจบมาได้ถูกทางแล้ว
นอกจากเตรียมการหาสาวงามไว้รองรับนายน้อยแล้ว หวังเฟิงหลิวยังได้จ่ายเงินล่วงหน้าปิดปากพวกนางเพื่อไม่ให้นางคณิกาเหล่านั้นนำเรื่องราวของนายน้อยไปพูดกับผู้ใดอีกด้วย
“ไม่ นับจากนี้ไป ข้าไม่มีวันเหยียบเท้าเข้าหอนางโลมอีกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินระบายลมหายใจออกมายาวแรงและกล่าวด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะเป็นผู้รักนวลสงวนตัว”
หวังเฟิงหลิวตกตะลึง เมื่อเห็นแววตามุ่งมั่นของหลินเป่ยเฉิน เขาก็ทราบแล้วว่าเด็กหนุ่มตัดสินใจแน่วแน่ จึงเปลี่ยนเรื่องพูดโดยทันที “ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะไปที่ใดกันขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินถามกลับไปว่า “หวังจงไม่ได้บอกหรือว่าพวกเราจะไปที่ไหน?”
หลินเป่ยเฉินเก็บตัวอยู่ในห้องพัก เป็นหวังจงที่คอยจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ตาเฒ่านั่นก็น่าจะวางแผนการเดินทางเอาไว้เรียบร้อยแล้วสิ
หวังเฟิงหลิวกล่าวว่า “นายท่านหวัง… เอ๊ย พ่อบ้านหวังบอกว่าในช่วงนี้ นายท่านสามารถเลือกจุดหมายปลายทางได้ด้วยตนเองเลยขอรับ”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดเล็กน้อย “เจ้ารู้จักกองทัพเป่ยเฉินหรือไม่?”
หวังเฟิงหลิวพยักหน้า ตอบว่า “กราบเรียนนายท่าน กองทัพเป่ยเฉินเป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเส้นทางเทียนอวี่ แม้แต่องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์พวกเขาก็ไม่เกรงกลัว นับเป็นกลุ่มกองกำลังที่น่าจับตามองมากเลยขอรับ… ด้วยชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรถึงเพียงนี้ จึงไม่มีผู้ใดไม่รู้จักพวกเขาขอรับ”
“ข้าอยากพบแม่ทัพใหญ่ของพวกเขา ไม่ทราบว่าเจ้านัดพบให้ข้าได้หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินถาม
แม้กลุ่มสายลับหน่วยพลีชีพที่เขาช่วยเหลือจากความตายมาก่อนหน้านี้สัญญาว่าจะส่งข่าวกลับมา แต่จนถึงขณะนี้ หลินเป่ยเฉินก็ยังไม่ได้รับข่าวคราวใด ๆ ทั้งสิ้น และบัดนี้ พวกเขาก็เดินทางออกจากอาณาจักรอี้จื่อมายังเส้นทางภายนอก หลินเป่ยเฉินก็เกรงว่าจะติดต่อกันไม่ได้อีก
ดังนั้นแทนที่จะเป็นฝ่ายรอรับการติดต่อ… หลินเป่ยเฉินจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายตามหาฮันปู้ฟู่ก่อนเอง
หวังเฟิงหลิวชะงักกึก
นัดพบแม่ทัพใหญ่ของกองทัพเป่ยเฉินอย่างนั้นหรือ?
หวังเฟิงหลิวขบคิดเรื่องนี้อย่างเคร่งเครียดจริงจัง ตอบว่า “พวกเรากองโจรกระบี่อวตารเคยร่วมมืออย่างลับ ๆ กับกองทัพเป่ยเฉินมาแล้วหลายครั้ง แต่แม่ทัพใหญ่ของพวกเขาเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของเส้นทางดาราจักร ณ ปัจจุบัน สถานะของเขาสูงส่งเกินธรรมดา มิหนำซ้ำยังชอบเก็บตัวเงียบ การเข้าพบเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย… คงต้องใช้เวลาไม่น้อยขอรับ และข้าน้อยก็ไม่สามารถรับปากได้เลยว่าจะสามารถนัดพบได้สำเร็จหรือไม่”
นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก
ขอแค่ส่งข่าวไปว่าหลินเป่ยเฉินอยากเข้าพบฮันปู้ฟู่ก็พอแล้ว
“เจ้าติดต่อพวกเขาให้ได้เถอะ ข้ามีวิธีของข้า รับรองว่าแม่ทัพใหญ่ฮันปู้ฟู่จะต้องยอมพบข้าอย่างแน่นอน”
หลินเป่ยเฉินกล่าว
เมื่อรับฟังมาถึงตรงนี้ หวังเฟิงหลิวก็กล่าวเสริมขึ้นมาว่า “นายท่านขอรับ หากนายท่านต้องการจะเข้าพบแม่ทัพใหญ่ของกองทัพเป่ยเฉินจริง ๆ ถ้าอย่างนั้น ข้าน้อยก็ขอแนะนำให้พวกเรามุ่งหน้าไปยังเส้นทางเทียนอวี่ ท่านแม่ทัพใหญ่ฮันมักระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา… มีข่าวลือว่าทางอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ เผ่าพันธุ์อสูรและเผ่าพันธุ์ปีศาจเคยส่งมือสังหารมาลอบฆ่าแม่ทัพใหญ่ฮันมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้น เขาจึงยังไม่กล้าออกนอกเส้นทางเทียนอวี่อย่างแน่นอนขอรับ”
“ประเสริฐ”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายอย่างมีความหวัง “งั้นพวกเรารีบออกเดินทางโดยเร็วที่สุด”
หลินเป่ยเฉินแทบรอไม่ไหวอีกแล้ว
ศิษย์พี่ฮัน
ต้องเป็นท่านแน่ ๆ
แม่ทัพใหญ่ผู้บัญชาการกองทัพเป่ยเฉินต้องเป็นท่านคนเดียวเท่านั้น
หลินเป่ยเฉินได้แต่หวังว่าตนเองจะไม่ผิดหวัง
มารดา น้องสาวและสหายของท่าน ทุกคนต่างก็รอคอยท่านอยู่
หลินเป่ยเฉินรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
หวังเฟิงหลิวหมุนตัวไปปฏิบัติตามคำสั่งโดยเร็ว
ในเวลาเดียวกันนี้ หวังจงก็นำผู้ประสบเหตุที่ช่วยเหลือมาจากเรือเหาะไม้เหล่านั้นลงไปส่งมอบต่อสถานีจุดพักบนดาวซานฉี
เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่หลินเป่ยเฉินจะนำพาทุกคนเดินทางไปพร้อมกับเขา
เรือเหาะทะลวงคลื่นกำลังเติมเสบียงเพื่อเตรียมตัวพร้อมสำหรับการเดินทางไกล
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะ เฝ้ามองทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสถานีขนส่งเบื้องหน้า
บนดาวเคราะห์ที่ถูกปรับแต่งให้มีความเหมาะสมต่อการดำรงชีวิตดวงนี้ ยังคงเป็นที่ตั้งของประตูมิติสำหรับการเดินทาง ประตูมิติของพวกเขาเป็นโครงเหล็กขนาดใหญ่ที่มีแสงสว่างเรืองรองออกมาตลอดเวลา และเมื่อเรือเหาะลอยลำผ่านเข้าไปในโครงประตูยักษ์บานนั้น ม่านพลังที่ปกคลุมโครงเหล็กก็จะสั่นไหว แล้วเรือเหาะก็จะหายวับไปกับตา ไม่ต่างไปจากภาพในนิยายวิทยาศาสตร์เหนือจินตนาการ
สถานีขนส่งบนดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นกิจการของ ‘หอการค้าไท้กู่’
ในกลุ่มพันธมิตรโกลาหล หอการค้าไท้กู่คือหนึ่งในสามกลุ่มกองกำลังที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุด
ว่ากันว่าพวกเขามีคนใหญ่คนโตในเส้นทางดาราจักรคอยหนุนหลัง ดังนั้น หอการค้าไท้กู่จึงกล้าประพฤติตัวก้าวร้าวรุนแรงมาโดยตลอด
“ชักใบเรือลงและรอรับการตรวจสอบ”
เสียงคำรามดังขึ้นอย่างไม่มีสัญญาณเตือน
ปรากฏว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของหอการค้าไท้กู่เดินเข้ามายังเรือเหาะทะลวงคลื่น
“พวกท่านตรวจสอบไปแล้วนี่นา ยังจะต้องตรวจสอบอะไรกันอีก?”
ฉู่เหินตะโกนสวนกลับไปจากดาดฟ้าเรือ
“พวกเราเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบชั่วคราว… รีบปิดม่านพลังของพวกเจ้าและรอรับการตรวจสอบเดี๋ยวนี้”
หัวหน้ากลุ่มเจ้าหน้าที่ร้องคำรามตอบกลับมาด้วยความฉุนเฉียว
“นายท่าน มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแล้วขอรับ”
หวังเฟิงหลิวขยับเข้ามากระซิบข้างหูหลินเป่ยเฉิน “มีเรือเหาะติดอาวุธของหอการค้าไท้กู่แอบมาล้อมเรือเหาะของเราเอาไว้แล้ว… นี่แสดงว่าพวกเขาต้องการจะทำอะไรบางอย่าง”