เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1861 วายุอัคคีสลาตัน
ตอนที่ 1,861 วายุอัคคีสลาตัน
หลินเป่ยเฉินรีบถอยกายหมายหลบหนีออกมาโดยไม่ลังเลสักนิด
คนผู้นี้แข็งแกร่งเกินกว่าจะต่อสู้ด้วย
แต่ชายวัยกลางคนแซ่กู่เตรียมตัววางแผนไว้เป็นอย่างดี เขาจะปล่อยให้หลินเป่ยเฉินหนีรอดได้อย่างไร?
“ฮ่า ๆๆ เจ้าหนู เจ้าต้องอยู่ที่นี่”
เมื่อร่างกายขยับ มวลอากาศก็ระเบิดตัว คลื่นพลังในอากาศเกิดความปั่นป่วนรุนแรง
ความเร็วของชายวัยกลางคนแซ่กู่ผู้มีนามว่ากู่โจวนั้นเหนือกว่าที่หลินเป่ยเฉินคาดคิดเอาไว้มากนัก เพียงพริบตาเดียว ร่างของชายวัยกลางคนก็มาปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน… พร้อมด้วยกรงเล็บที่เอื้อมมือเข้ามาคว้าจับลำคอของเด็กหนุ่ม
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าร่างกายขยับเขยื้อนไม่ได้ ตนเองถูกพลังของฝ่ายตรงข้ามตรึงร่างให้แน่นิ่ง ไม่สามารถใช้กระบวนท่าใด ๆ ได้อีก
แย่แล้วสิ!
สัญชาตญาณร้องเตือนถึงอันตรายสุดขีด
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำราม ก่อนจะขยายร่างตนเองจนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีความสูงเกือบสามสิบเมตร
มวลอากาศรอบกายเด็กหนุ่มปั่นป่วนโกลาหล
“จงตายซะเถอะ”
หลินเป่ยเฉินกระแทกฝ่ามือที่มีขนาดเท่ากับบานประตูเข้าใส่กู่โจวด้วยความเกรี้ยวกราด
“ฮ่า ๆๆ ที่แท้เจ้าก็ยังมีไม้ตายซ่อนอยู่นี่เอง”
กู่โจวผู้มีร่างกายอยู่ในขนาดปกติยกมือขึ้นต้านทานการโจมตีของหลินเป่ยเฉิน “แต่น่าเสียดายที่คงใช้ไม่ได้ผล… วิชาหมัดค้อนเหล็ก!”
แล้วกำปั้นของชายวัยกลางคนก็กระแทกเข้าใส่ฝ่ามือของหลินเป่ยเฉิน
ตู้ม!
คลื่นพลังแผ่กระจายไปรอบบริเวณไม่ต่างจากพายุทะเลคลั่ง
พื้นที่ในรัศมีในรัศมีห้าร้อยวา ไม่ว่าจะเป็นวัตถุสิ่งของ ผู้คน เรือเหาะหรืออาคารบ้านเรือน ทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็สั่นสะเทือนและพังถล่มลงไปโดยทันที
โลหิตไหลหยดลงบนพื้น
หลินเป่ยเฉินซวนเซถอยหลัง ฝ่ามือขวาของเขาเกิดบาดแผลฉกรรจ์
ได้รับบาดเจ็บ
เป็นการได้รับบาดเจ็บที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่งนัก
หลินเป่ยเฉินตกตะลึงสุดขีด
นี่คือครั้งแรกนับตั้งแต่ที่หลินเป่ยเฉินเลื่อนขั้นในวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณขึ้นสู่ขั้นที่สามและพบเจอกับคู่ต่อสู้ที่สามารถทำให้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บเช่นนี้
หรือนี่จะเป็นการโจมตีของยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสายเลือดผู้คงกระพัน?
“เจ้าเป็นผู้ใด?”
หลินเป่ยเฉินอดถามออกไปไม่ได้
บาดแผลที่อยู่บนฝ่ามือขวาของเขานั้น เพียงพริบตาเดียว บาดแผลก็สมานตัวหายดีเป็นปลิดทิ้ง
“หึ ๆ เดี๋ยวเจ้าก็รู้”
กู่โจวไม่มีเจตนาบอกถึงตัวตนของตนเอง เขาจ้องมองการฟื้นตัวของบาดแผลบนฝ่ามือหลินเป่ยเฉินด้วยความประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่เกิดมามีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์นั้นมักจะมาพร้อมกับคำสาปที่ทำให้ใช้พลังที่แท้จริงได้น้อยมากกว่าที่ควรจะเป็น และเผ่ามนุษย์ทะเลทรายก็มักจะจับตัวผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์มาศึกษาทดลองค้นหาข้อมูลต่าง ๆ อยู่เสมอ
“ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว”
กู่โจวหัวเราะเยาะเย้ยหยัน เตรียมตัวโจมตีปิดบัญชีสังหาร
วิชาวายุอัคคีสลาตัน
ชายวัยกลางคนประกบมือเปล่าเข้าหากันและถูนิ้วมือเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว
ฉับพลันนั้น บังเกิดพายุหมุนขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นมาเป็นเปลวไฟในอากาศ พายุหมุนเปลวไฟนั้นกักขังร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ของหลินเป่ยเฉินอยู่ด้านใน
และพายุหมุนก็ทำหน้าที่ไม่ต่างจากเครื่องมือพันธนาการรอบกายหลินเป่ยเฉิน ได้ยินเสียงดังฉ่า ๆ ออกมาจากผิวกายของเด็กหนุ่ม กลิ่นเนื้อย่างลอยขึ้นมาเตะจมูก หลินเป่ยเฉินไม่ทราบเลยว่าเส้นขนบนร่างกายของตนเองถูกเผาไหม้ไปมากมายเพียงใดแล้ว…
นี่มันวิชาอะไรกันเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความตกตะลึง
แม้แต่พายุหมุนก็ยังใช้ทำร้ายเขาได้ด้วยหรือ?
หลินเป่ยเฉินพยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างยากลำบาก
แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นออกไปจากพายุหมุนเปลวเพลิงได้
“วิชาวายุอัคคีสลาตันถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้คุมขังผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะ เจ้าไม่มีทางหนีออกมาได้หรอก”
กู่โจวยิ้มมุมปาก
ทันใดนั้นเอง…
เพียะ!
สายแส้เส้นหนึ่งก็ฟาดเข้าใส่ด้านหลังศีรษะของกู่โจวอย่างแรง
เป็นหวังเฟิงหลิวมาถึงพร้อมกับสายแส้คู่กาย
“ปล่อยนายท่านของข้าเดี๋ยวนี้”
หวังเฟิงหลิวมีความกล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง
อีกอย่าง นี่เป็นโอกาสสร้างความดีความชอบที่หาไม่ได้อีกแล้ว
วูบ!
กู่โจวไม่ได้หันมองกลับไป เพียงแต่ยกมือโบกสะบัดเล็กน้อยเท่านั้น
แล้วร่างของหวังเฟิงหลิวก็ถูกระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือดโดยทันที
ม่านฝนโลหิตโปรยปรายลงมา
หวังเฟิงหลิวสามารถรวมร่างกลับขึ้นมาได้ใหม่และยืนห่างออกไปหลายสิบวาด้วยใบหน้าที่ซีดขาว หากไม่ใช่เพราะว่าผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรามีพลังชีวิตแข็งแกร่ง สามารถรวมร่างกลับคืนมาใหม่ได้เสมอ เกรงว่าป่านนี้เขาคงตายไปแล้วจริง ๆ
“บัดซบ คงต้องให้นายท่านแสดงฝีมือแล้วสินะ…”
หวังเฟิงหลิวรู้ว่าศัตรูที่ตนเองเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ น่าจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีกองโจรกระบี่อวตารในวันนี้และเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งเกินกว่าตนเองจะรับมือไหว
หากจะกล่าวว่า…
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นในอากาศหลายครั้งติด ๆ กัน
เยว่หงเซียง ฉู่เหินและเซียวปิงปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน
“พวกท่าน... ยังไม่รีบหนีไปอีก เดี๋ยวก็ตายกันหมดหรอก”
หวังเฟิงหลิวร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
ช่างน่าตลกสิ้นดี
กลุ่มคนเหล่านี้มีขั้นพลังต่ำต้อย หากถูกโจมตีจนร่างระเบิดกระจาย แน่นอนว่าคงไม่สามารถรวมร่างกลับคืนมาใหม่ได้อย่างเขา
นี่เท่ากับเป็นการกลับมาฆ่าตัวตายชัด ๆ
คนกลุ่มนี้ไม่กลัวบ้างหรือ?
หวังเฟิงหลิวรีบสะบัดสายแส้ม้วนพันกลุ่มคนเข้าด้วยกันพร้อมกับกล่าวว่า “อย่าได้รนหาที่ตายเลย พวกท่านอ่อนแอมากเกินไป จะเป็นภาระให้แก่นายท่านหวังจงเสียเปล่า…”
อุ๊ย!
เผลอหลุดปากไปแล้วสิ
หวังเฟิงหลิวรีบสังเกตสีหน้าของกลุ่มคนและพบว่าพวกของเซียวปิงไม่ทันได้ฟังว่าเขาพูดอะไร หวังเฟิงหลิวจึงโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง รีบกล่าวว่า “รีบหนีกันเถอะ ข้าจะหาทางเอง…”
นายท่านหวังจงขอรับ หากท่านยังไม่ลงมือตอนนี้ ข้าก็คงจัดการไม่ไหวแล้ว
หวังเฟิงหลิวกวาดสายตามองรอบตัว หวังว่าจะพบกับหวังจง
บัดนี้ สถานการณ์ของหลินเป่ยเฉินอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ
พายุหมุนบีบรัดร่างกายของเด็กหนุ่มแนบแน่นจนหายใจไม่ออก
“เชี่ย จะทำยังไงดีวะ”
หลินเป่ยเฉินหันไปมองที่พวกของเซียวปิงและเยว่หงเซียงซึ่งไม่สามารถหลบหนีได้ในขณะนี้ และสัญชาตญาณก็บอกหลินเป่ยเฉินว่า เขาต้องหาทางพาทุกคนหลบหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้
มิเช่นนั้น คงได้ตายหมู่กันอยู่ที่นี่แน่ ๆ
แม้ว่าหลินเป่ยเฉินจะอยู่ในขอบเขตจอมเทพจักราแล้ว แต่ก็เป็นเพียงจอมเทพจักราตอนต้น ไม่สามารถเป็นคู่มือกับผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักราตอนกลางหรือตอนปลายได้เด็ดขาด
และดูจากพลังการโจมตีของชายวัยกลางคนร่างกำยำผู้นี้ ประเมินได้ว่าขอบเขตพลังคงไม่ต่ำกว่าขั้นจอมเทพจักราระดับ 5
ถ้าเขาอยากจะเอาชนะคนผู้นี้ให้ได้ หลินเป่ยเฉินก็ต้องเลื่อนขั้นพลังให้ได้เสียก่อน
ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่หมดหวังเสียทีเดียว
แค่ทำภารกิจจากแอปพลิเคชัน Keep ให้สำเร็จก็พอ
แต่จิตวิญญาณนักสู้ผู้กล้าทำให้หลินเป่ยเฉินไม่อยากจะล่าถอย
ในโลกแห่งวรยุทธ์ การล่าถอยหลบหนีย่อมหมายถึงการยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ใช่หรือ?
นี่คือการต่อสู้ที่กระบี่แลกด้วยกระบี่ หยาดเหงื่อแลกด้วยหยาดเหงื่อ โลหิตแลกด้วยโลหิต
ดังนั้น…
“วิชาแปดชั้นฟ้า ปราณถล่มดารา!”
หลินเป่ยเฉินร้องตะโกนและระเบิดพลังลมปราณออกมาเต็มอัตรา
ตู้ม!
แล้วเปลวไฟที่ห่อหุ้มตัวเขาก็แตกกระจายสลายหายไป