เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1872 มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตกตาย
ตอนที่ 1,872 มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตกตาย
“นายท่าน หน้าที่นั้นปล่อยให้ข้าน้อยรับผิดชอบเอง…”
โจวต้าเฟิงผู้กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะอยู่รอดจึงรีบอาสาตัวโดยไม่ลังเล “ข้าน้อยจะจัดการให้โดยเร็วที่สุดขอรับ”
แววตาที่เย็นชาของหลินเป่ยเฉินทำให้โจวต้าเฟิงรู้สึกเหมือนตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น
ในที่สุด ชายฉกรรจ์หนวดเครารุงรังก็รวบรวมความกล้ากระชากป้ายประจำตัวออกไปจากเอวของโจวต้าเฟิงและหมุนตัวกลับไปปฏิบัติตามคำสั่งของหลินเป่ยเฉินแต่โดยดี
เพียงไม่นาน อาหาร น้ำดื่ม โอสถรักษาอาการบาดเจ็บ พร้อมด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ก็ถูกจัดส่งให้ผู้คนของกองโจรกระบี่อวตารเรียบร้อยแล้ว
ไม่กี่อึดใจต่อมา
เฟิงซิงอวิ๋นและพรรคพวกก็สามารถช่วยเหลือผู้คนกลับมาได้สำเร็จ
เมื่อเห็นว่าบุคคลอันเป็นที่รักถูกพาตัวกลับมาได้อย่างปลอดภัย หลายคนก็ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
“ขอบคุณคุณชายหลินมากขอรับ”
“ขอบคุณนายท่านมากขอรับ”
ดวงตาแดงก่ำของผู้คนจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉินพร้อมกับประสานมือทำความเคารพด้วยความซาบซึ้งใจ
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเขินอายเล็กน้อย และกล่าวตอบว่า “ข้าเองก็ได้รับการช่วยเหลือจากพวกเจ้าเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก”
เฟิงซิงอวิ๋นกล่าวว่า “นายท่านกล่าวผิดแล้ว พวกเรากองโจรกระบี่อวตารรับภารกิจคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่นายท่าน นี่คือหน้าที่ของพวกเรา พวกเรารู้ถึงความเสี่ยงนี้ตั้งแต่แรก พวกเราจะได้รับเงินเมื่อปฏิบัติภารกิจ ต่อให้ตายก็ไม่คิดเสียใจ แต่ครั้งนี้หอการค้าไท้กู่ทำเกินไปแล้วจริง ๆ พวกมันถึงกับจับตัวเด็กเล็กไปทรมาน...”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความเกลียดชัง
วันนี้หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากคุณชายหลิน กองโจรกระบี่อวตารประจำเส้นทางการปกครองของกลุ่มพันธมิตรโกลาหลก็คงต้องจบสิ้นลงแล้ว
และนั่นหมายถึงสงครามที่กำลังจะตามมาไม่จบไม่สิ้น
แต่โชคดีที่สถานการณ์สามารถคลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว เมื่อคำนวณความเสียหายดูแล้ว ก็ไม่นับว่ากองโจรกระบี่อวตารเสียหายมากเท่าไหร่นัก
แม้จะมีผู้คนถูกจับตัวไปทรมานในคุกของหอการค้าไท้กู่ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็รอดชีวิตกลับมา ไม่ได้ทอดร่างกลายเป็นซากศพ
“สามคนนี้มอบให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน”
หลินเป่ยเฉินยกขาเตะพวกโจวต้าเฟิง ฟางอี้และยั่วหลงเข้าไปอยู่ตรงหน้าเฟิงซิงอวิ๋น
“ไว้ชีวิตข้าเถอะนะ…”
ยั่วหลงรีบตะกายไปกอดขาเฟิงซิงอวิ๋นพร้อมกับขอร้องอ้อนวอนว่า “คุณชายเฟิง ได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยสักครั้งเถอะ ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยมันไม่ใช่คน… น้องเฟิง ข้าจะตายไม่ได้… ครอบครัวของข้ายังรอข้าอยู่…”
“เจ้ามีครอบครัว แล้วคนที่เจ้าหักหลังไม่มีครอบครัวหรืออย่างไร?”
สีหน้าของเฟิงซิงอวิ๋นเย็นชา เช่นเดียวกับดวงตาที่เย็นชายิ่งกว่าธารน้ำแข็งพันปี “เฒ่าบัดซบ ข้านึกเสียใจจริง ๆ ที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้เมื่อยี่สิบปีก่อน บัดนี้ ข้าจะแก้ไขทุกอย่างด้วยมือของข้าเอง”
กล่าวจบ เขาก็ระเบิดพลังปราณกระแทกใส่หัวใจของยั่วหลง
“อะเฮื้อก... ฮื่อ…”
โลหิตไหลทะลักออกมาจากปากและจมูกของยั่วหลง ลำคอของเขาได้ยินเสียงกระดูกแตกหักดังกร๊อบ!
“หากครอบครัวของเจ้าไม่ได้รู้เห็นการทรยศของเจ้าในครั้งนี้ด้วย ข้าก็จะไม่ยุ่งกับพวกเขาหรอก”
เฟิงซิงอวิ๋นกัดฟันพูดด้วยความเคียดแค้นก่อนจะใช้กระบี่กรีดแทงเข้าใส่หน้าอกของยั่วหลง “แต่สำหรับเจ้า ข้าอยากรู้นักว่าหัวใจของเจ้านั้นเป็นสีแดงหรือว่าสีดำกันแน่”
ฉึก!
คมกระบี่สาดประกายวูบ กรีดเปิดหน้าอกของยั่วหลงโดยตรง
และแทงเข้าไปที่หัวใจ จนมันถูกทำลาย
จากนั้นร่างของยั่วหลงก็ล้มลงจมกองเลือด
ภาพที่เห็นก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในหัวใจของโจวต้าเฟิงกับฟางอี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ความตายคืบคลานมาถึงตรงหน้าพวกเขาแล้ว
“สำหรับเจ้า…”
เฟิงซิงอวิ๋นหันกลับมามองหน้าโจวต้าเฟิงและกล่าวว่า “ข้าจะใช้ชีวิตเจ้าเป็นเครื่องเซ่นให้แก่พี่น้องกองโจรกระบี่อวตารที่ต้องเสียชีวิตด้วยน้ำมือคนของหอการค้าไท้กู่”
ในที่สุด สมาชิกระดับสูงของหอการค้าไท้กู่ทั้งสองคนก็ถูกคมกระบี่ฟันร่างขาดเป็นสองท่อน ตกตายอย่างไร้ทางหวนคืน
ส่วนบรรดาคนรับใช้และนักล่าค่าหัวที่เข้าร่วมการตามล่าคนของกองโจรกระบี่อวตารนั้น พวกเขาก็ถูกสังหารตายคาที่เช่นกัน
กู่โจวพยายามลุกขึ้นยืนอย่างอ่อนล้า ไร้เรี่ยวแรง ร่างกายยังคงถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนดับดารา
“น่าเสียดายนัก”
เขาส่ายศีรษะและถอนหายใจ
ความพ่ายแพ้ของเขานั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
แต่สิ่งที่ทำให้กู่โจวเสียใจก็คือแผนการของนายท่านต้องล้มเหลว และแผนการที่เผ่ามนุษย์ทะเลทรายวางเอาไว้มาเนิ่นนานก็ต้องล่าช้าไปอีกแล้ว
“คิดหรือยังว่าเจ้าจะตายอย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองเข้าไปในดวงตาของกู่โจวและถามว่า “หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าคงมาจากเผ่ามนุษย์ทะเลทรายสินะ?”
กู่โจวยิ้มกว้าง “ถูกต้อง ข้ามาจากเผ่ามนุษย์ทะเลทรายผู้หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี ไม่มีสิ่งใดที่ข้าต้องปฏิเสธ วันนี้เจ้าชนะ เจ้าจะฆ่าข้าก็ได้ แต่ในไม่ช้า เจ้าก็ไม่อาจหนีพ้นการตามล่าจากเผ่ามนุษย์ทะเลทรายแน่นอน คงอีกไม่นานที่พวกเราจะได้ลงไปเจอกันในนรก!”
หลินเป่ยเฉินพูดว่า “ดูเหมือนเจ้าจะไม่กลัวตายเลยนะ แต่ในโลกนี้ ยังมีสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตายอยู่อีก”
กู่โจวถามกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบและสีหน้าเย็นชา “มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตกตายอย่างนั้นหรือ? ฮ่า ๆๆ มดปลวกต่ำต้อยอย่างเจ้าจะมีปัญญาทำอะไรได้? เจ้าฟังคำของข้าไว้ให้ดี หากข้าขอความเมตตาจากเจ้าแม้แต่คำเดียว ข้าก็ไม่ใช่ผู้คนของเผ่ามนุษย์ทะเลทรายอีกแล้ว”
“ช่างมีหลักการและความมุ่งมั่นยิ่งนัก”
หลินเป่ยเฉินยกนิ้วโป้งให้ด้วยความชื่นชมก่อนจะนำตะเกียงวิญญาณจำนนออกมาสอบถามว่า “แล้วถ้าข้าใช้ของสิ่งนี้กักขังวิญญาณของเจ้าล่ะ?”
สีหน้าของกู่โจวแปรเปลี่ยนไปโดยพลัน “เจ้าตัวบัดซบหลินซินเฉิง ตัวตายยังไม่เท่าไหร่ นี่ยังปล่อยให้ของวิเศษตกอยู่ในมือเจ้าอีกหรือ… แต่เป็นตะเกียงวิญญาณจำนนแล้วจะอย่างไร? มีอันใดให้น่าหวาดกลัว? ข้าเองก็อยากจะลองรู้รสชาติของมันมานานแล้วเช่นกัน มาดูกันเถอะว่าตะเกียงในมือเจ้าจะทำอะไรข้าได้บ้างหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินตกตะลึงในความกล้าหาญของกู่โจว
นับว่าคนผู้นี้ไม่กลัวตายเลยจริง ๆ
เขาจะประมาทเผ่ามนุษย์ทะเลทรายไม่ได้อีกแล้ว
“แต่ข้ามีข้อสงสัยบางประการ”
หลินเป่ยเฉินกล่าว “หากเจ้าจะมีเรื่องกับกองโจรกระบี่อวตารนั้น คงเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ทำไมเผ่ามนุษย์ทะเลทรายถึงต้องตามล่าตัวข้าด้วย? หากข้าจำไม่ผิด ก่อนที่ข้าจะสังหารหลินซินเฉิง พวกเราไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อนเลยนี่”
กู่โจวยิ้มเล็กน้อย ตอบว่า “เพราะว่าเจ้าเป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยม เจ้าเป็นข้อมูลการทดลองที่พวกเราต้องการ สถานะของเจ้าในสายตาของเราไม่ต่างไปจากสมุนไพรวิเศษ ไม่ว่าผู้ใดก็อยากจะมีไว้ในการครอบครอง และเมื่อสามารถครอบครองได้แล้ว ถ้าเกิดอยากรับประทานขึ้นมา มันจะมีอันใดผิดด้วยหรือ? หากเจ้าคิดจะโทษผู้ใด ก็จงโทษตนเองเสียเถอะที่อ่อนแอมากเกินไป”
น้ำเสียงเย็นชาพยายามยั่วโมโหหลินเป่ยเฉินเต็มที่
“พูดจริงหรือ?”
หลินเป่ยเฉินไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย แต่เขารับฟังคำตอบจากอีกฝ่ายอย่างตั้งอกตั้งใจและถามว่า “นี่พวกเจ้าไม่ได้มองผู้อื่นเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันเลยสินะ?”
“มนุษย์ทะเลทรายสืบสายเลือดบริสุทธิ์มาตั้งแต่ยุคโบราณ พวกเราย่อมเป็นมนุษย์ที่มีความสูงส่งมากกว่าพวกเจ้าอยู่แล้ว”
ดวงตาของกู่โจวเป็นประกายระยิบระยับด้วยความตื่นเต้น “เผ่ามนุษย์ทะเลทรายและเผ่าพันธุ์ปีศาจร่วมมือสร้างความยิ่งใหญ่มาอย่างยาวนาน ส่วนมนุษย์ต่ำต้อยอย่างพวกเจ้านั้น… หึ ๆ พวกเจ้ามีค่าเป็นได้เพียงทาสรับใช้ สัตว์เลี้ยงและอาหารของพวกเราก็เท่านั้นเอง”