เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1890 กราดยิงด้วยความโกรธแค้น
ตอนที่ 1,890 กราดยิงด้วยความโกรธแค้น
ไม่มีความเปลี่ยนแปลงในแววตาของฟางซื่อหลี่
“นี่เรียกว่าบ้านย่อมมีกฎบ้าน เมืองย่อมมีกฎเมือง”
ชายชราเลิกคิ้วสูงเล็กน้อยและกล่าวต่อไป “เมื่อท่านมาถึงอาณาจักรเล่ยฉื่อ เมื่อท่านมาอยู่ในเขตภูเขาเหวินเต้า ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้ใช้สายเลือดใด สุดท้าย ท่านก็ต้องปฏิบัติตามกฎของเรา สำนักของท่านยิ่งใหญ่มาจากไหน? คิดเป็นศัตรูกับสำนักศึกษาฉิวจื่อ เกรงว่าคงยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอแล้ว”
นี่คือการหยามเกียรติกันซึ่ง ๆ หน้า
ไม่มีการถนอมน้ำใจแต่อย่างใด
สำหรับฟางซื่อหลี่ ผู้ใดก็ตามที่อยู่ในเขตภูเขาเหวินเต้า ก็ต้องปฏิบัติตามกฎของสำนักศึกษาฉิวจื่ออย่างไม่มีข้อแม้
มาจากสำนักเฉิงเซินหลิวแล้วจะอย่างไร?
กล้าดีอย่างไรถึงคิดมาอาละวาดที่นี่?
เสวี่ยเฟิงชิงตอบรับกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้าเฉยชา “สำนักเฉิงเซินหลิวในสายตาของอาจารย์ฟางคงไม่มีค่าอันใด แต่หยวนสวีหลิวลูกศิษย์ของข้านั้นเป็นถึงผู้ถูกเลือกจากเผ่ามนุษย์ทะเลทราย อาจารย์ฟางอาจจะยังไม่ทราบ ท่านแน่ใจหรือว่าตนเองสามารถรับมือกับเผ่ามนุษย์ทะเลทรายได้จริง ๆ?”
เมื่อคำพูดประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา สีหน้าของผู้คนที่รวมตัวกันอยู่โดยรอบก็แปรเปลี่ยนไปแล้ว
เผ่ามนุษย์ทะเลทราย!
ชาติพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเผ่าพันธุ์มนุษย์!
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เผ่ามนุษย์ทะเลทรายเคยแสดงจุดยืนหลายครั้งว่าต้องการจะประกาศตนเป็นอิสระ ตัดขาดตนเองจากเผ่าพันธุ์มนุษย์
และเพื่อป้องกันไม่ให้เผ่ามนุษย์ทะเลทรายแยกตัวออกไปเป็นอิสระ ทางสภาศักดิ์สิทธิ์จึงได้ประนีประนอมหลายครั้งและนั่นก็ทำให้เผ่ามนุษย์ทะเลทรายเป็นหนึ่งในเผ่าที่ทรงอำนาจที่สุดและยังเป็นผู้ที่คอยกดขี่ข่มเหงผู้อื่นอย่างเปิดเผยอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้เอง เผ่ามนุษย์ทะเลทรายจึงไม่เคยหวาดกลัวผู้ใด
เพราะแม้แต่สภาศักดิ์สิทธิ์ก็ยังทำอะไรพวกเขาไม่ได้
บัดนี้ เมื่อเกิดข่าวลือว่าสภาศักดิ์สิทธิ์ล่มสลาย องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ตกจากบัลลังก์ เผ่ามนุษย์ทะเลทรายจึงยิ่งกระทำตัวก้าวร้าวรุนแรงมากกว่าเดิม
ฟางซื่อหลี่รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
เผ่ามนุษย์ทะเลทรายเปรียบเสมือนปรสิตที่คอยกัดกินเผ่าพันธุ์มนุษย์
เผ่ามนุษย์ทะเลทรายคอยดูดกลืนทรัพยากรและขัดขวางการเจริญเติบโตของอาณาจักรต่าง ๆ เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ไว้เป็นของตนเอง
พวกเขาอยากจะประกาศตนเป็นอิสระจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ และแทนที่สภาศักดิ์สิทธิ์จะลงโทษให้เด็ดขาด พวกเขากลับประนีประนอมจนเรื่องราวบานปลายมาถึงขั้นนี้
“ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดมาจากไหน เมื่ออยู่ในอาณาจักรเล่ยฉื่อ ก็ต้องทำตามกฎของพวกเรา”
ฟางซื่อหลี่ยังคงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง “อาจารย์เสวี่ย หากท่านอยากจะจัดการกับเฉินเป่ยหลิน ท่านก็ต้องผ่านศพข้าไปให้ได้เสียก่อน”
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นอีกครั้ง
วันนี้มันอะไรกันเนี่ย?
ฟางซื่อหลี่ผู้เคยซื่อสัตย์และยุติธรรมต่อผู้คนเสมอมา บัดนี้ ถึงกับยอมออกหน้ามีปัญหากับเผ่ามนุษย์ทะเลทรายเพื่อช่วยเหลือเด็กหนุ่มที่ไม่ทราบที่มาที่ไปเนี่ยนะ?
เสวี่ยเฟิงชิงยิ้มมุมปาก ก่อนกล่าวว่า “ประเสริฐ งั้นวันนี้ข้าคงต้องขอคำชี้แนะจากอาจารย์สายเลือดผู้เยียวยาสักหน่อยแล้ว”
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ก้าวเท้าออกไปข้างหน้า
ตึง!
การก้าวเท้าของเขาทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน
นี่คือความน่ากลัวที่แท้จริงของผู้ใช้สายเลือดผู้คงกระพัน
จวนที่พักของหลินเป่ยเฉินสั่นสะเทือนไปทั้งหลังอย่างรุนแรง
ผู้ใช้สายเลือดผู้คงกระพันที่อยู่ในขอบเขตจอมเทพจักราระดับ 5 ย่อมมีพลังทำลายล้างรุนแรงมากกว่าผู้คนทั่วไป
มวลอากาศรอบกายเสวี่ยเฟิงชิงปั่นป่วนโกลาหล
แสงสว่างสีแดงเรืองรองออกมาจากรูขุมขนของเสวี่ยเฟิงชิง แสงสว่างเหล่านั้นแผ่กระจายไปรอบบริเวณราวกับเป็นเกลียวคลื่นในมหาสมุทร กลุ่มผู้คนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่ในขณะนี้รู้สึกอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันที พวกเขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นผู้คนที่กำลังจะจมน้ำได้ทุกเมื่อ
สุดท้าย กลุ่มบัณฑิตก็ต้องร่ายมนต์เพื่อคุ้มกันตนเองอย่างเร่งด่วน
ฟางซื่อหลี่ยกมือขึ้นหมุนวนในอากาศ
แล้วคัมภีร์วิญญาณสีทองคำก็ปรากฏขึ้นในมือของชายชรา
สำหรับผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยานั้น การฝึกวิชาส่วนใหญ่ของพวกเขามักจะมาจากการอ่านตำรา และพลังที่พวกเขาหลอมรวมได้มาก็จะถูกหล่อหลอมออกมาเป็นคัมภีร์วิญญาณเฉพาะตัวของผู้คน
การนำคัมภีร์วิญญาณออกมาคือจุดเริ่มต้นของการประกาศสงคราม
เสวี่ยเฟิงชิงลอบหันกลับไปมองหน้าหลี่ซืออี้
หลี่ซืออี้พยักหน้าตอบกลับมาเล็กน้อย
ประเสริฐ!
ในอีกไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาก็ต้องมาถล่มสำนักศึกษาฉิวจื่ออยู่แล้ว วันนี้ใช้โอกาสนี้กำจัดฟางซื่อหลี่ทิ้งไปเสีย การกวาดล้างภูเขาเหวินเต้าหลังจากนี้ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายแล้ว
ดวงตาของเสวี่ยเฟิงชิงเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความอำมหิต เขาหันหน้ากลับมา เมื่อก้าวเท้าเดินต่อไป พื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอีกครั้ง “หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ขอล่วงเกิน…”
คำพูดยังไม่ทันขาดหาย…
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ทันใดนั้น เสียงคำรามดังออกมาจากห้องพักในจวนหลังใหญ่ของหลินเป่ยเฉิน
ปัง!
เสียงกระแทกประตูปิดอย่างแรงดังขึ้น
หลังจากนั้น เฉินเป่ยหลินผู้เป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดก็วิ่งเข้ามาในสนามหญ้าหน้าที่พักพร้อมกับพยายามผูกสายรัดเอวและยกมือชี้หน้าเสวี่ยเฟิงชิง ก่อนคำรามด้วยความโกรธแค้น “เจ้ารู้จักคำว่ามารยาทบ้างหรือไม่? ทำให้แผ่นดินไหวครั้งเดียวยังพอทน แต่จะทำให้แผ่นดินไหวต่อเนื่องเพื่ออะไร? สุดท้าย ข้าก็ต้องถูกขัดจังหวะเพราะเจ้าคนเดียว เพราะฉะนั้น เจ้าต้องตาย”
เสวี่ยเฟิงชิงพูดอะไรไม่ออก
เช่นเดียวกับฟางซื่อหลี่
และทุก ๆ คนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่ในขณะนี้
ดูเหมือนเฉินเป่ยหลินจะไม่ได้เป็นกังวลหรือหวาดกลัวเลยสักนิด
มิหนำซ้ำ เขายังมีท่าทีโกรธแค้นอีกด้วย
ไม่ต่างไปจาก... สิงโตหนุ่มที่ถูกแย่งชิงคู่รักของมันไปในจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม
ทันใดนั้น เฉินเป่ยหลินก็เริ่มยกมือขึ้นมาทำท่าแปลก ๆ
มือซ้ายของเขาอยู่ในระดับเอว เหมือนกับกำลังถืออะไรบางอย่าง
หากผู้คนที่รู้จักเด็กหนุ่มดีก็จะทราบว่านี่หมายถึงอะไร…
นี่หมายถึงว่าเขากำลังจะโจมตีด้วยวิชาปราณกระบี่คงกระพัน
วิชาการต่อสู้ขั้นสูงสุดของหลินเป่ยเฉิน
แต่เสวี่ยเฟิงชิงผู้เป็นอาจารย์ใหญ่จากสำนักเฉิงเซินหลิวไม่รู้จักว่าตัวตนจริงของหลินเป่ยเฉินเป็นผู้ใด
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของหลินเป่ยเฉิน เขาก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“เจ้าลูกเต่าน้อย ข้านึกว่าเจ้าจะมุดหัวอยู่ในกระดองตลอดไปเสียแล้ว ในที่สุดก็กล้าโผล่หัวออกมาสักที วันนี้ไม่ว่าผู้ใดกำลังปกป้องเจ้าอยู่ สำนักของเราจะ…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เสียงแปลกประหลาดดังออกมาจากมือของหลินเป่ยเฉิน
ลำแสงสีฟ้าพุ่งเป็นเส้นตรงสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
สัญชาตญาณร้องเตือนเสวี่ยเฟิงชิงว่าอันตรายกำลังมาถึงตัวแล้ว
และแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ใช้สายเลือดคงกระพันที่อยู่ในขอบเขตจอมเทพจักราระดับ 5 แต่เสวี่ยเฟิงชิงก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างกายของเขาก็เหมือนกับถูกอะไรบางอย่างพุ่งทะลวงอย่างรุนแรง
โลหิตสาดกระจาย
เสวี่ยเฟิงชิงไม่เคยเห็นโลหิตของตนเองมาห้าร้อยปีแล้ว และบัดนี้ โลหิตของเขาก็ยังคงสาดกระจายอย่างต่อเนื่อง!!