เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 267 ลมฝนกำลังมา
จวนผู้ว่าตระกูลหลิง
บรรยากาศไม่เคยตึงเครียดขนาดนี้มาก่อน
บัดนี้ นายทหารประจำหน่วยนักรบเมฆาที่อยู่ทั่วทั้งเมือง ต่างเดินทางมาคุ้มกันจวนผู้ว่าตระกูลหลินอย่างเข้มงวด
มีร่องรอยของกลิ่นไอปีศาจอยู่จริงๆ
หลังจากที่ชันสูตรศพฟางเจิ้นหรู่เสร็จเรียบร้อย นักพรตหญิงชินก็เดินออกมาจากห้องเก็บศพและแจ้งกับทุกคนว่า อวัยวะภายในถูกทำลายด้วยพลังลมปราณปีศาจ ดูจากความรุนแรงของการโจมตีแล้ว ฆาตกรจะต้องเป็นปีศาจระดับ 3 ดาวขึ้นไปแน่นอน
เมื่อได้รับฟังดังนั้น สีหน้าของทุกคนก็แปรเปลี่ยนไปแล้ว
ปีศาจระดับ 3 ดาวมีความสามารถเท่ากับมนุษย์ระดับยอดปรมาจารย์
แต่ปีศาจระดับ 3 ดาวขั้นปลาย มีความสามารถไม่แพ้มนุษย์ระดับเซียน
จึงไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าทำไมฟางเจิ้นหรู่และองครักษ์นับสิบคนของเขาถึงถูกฆ่าตายหมดเกลี้ยง
หลังจากทำหน้าที่ชันสูตรศพเรียบร้อยแล้ว นักพรตหญิงชินก็รับการคำนับจากทุกคนและหมุนตัวจากมา
นางมีสถานะสูงส่ง ย่อมสามารถไปมาเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจชอบ
หลิงจุนเซวียนเดินออกมาส่งนักพรตหญิงด้วยตนเอง
เมื่อท่านผู้ว่าการเดินกลับมาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก็แสดงความเครียดมากกว่าเดิมขณะกล่าวว่า มีความคืบหน้าบ้างหรือยัง?
นายทหารจากหน่วยนักรบเมฆาเฉินเจี้ยนหนานตอบว่า เรากระจายคนของกองทัพไปมากกว่า 1 แสนคน เชื่อว่าอีกไม่นานต้องได้ข่าวบ้างไม่มากก็น้อย และเช้าวันพรุ่งนี้ จะมีคนของวังหลวงเดินทางมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง
เมื่อเกิดเหตุคับขัน การขอรับความช่วยเหลือจากทางกองทัพ คือวิธีการคลี่คลายปัญหาที่รวดเร็วมากที่สุด
นี่คือเหตุผลที่มีหน่วยนักรบเมฆากระจายกำลังกันประจำการอยู่ทั่วทั้งจักรวรรดิ แม้แต่ในเมืองเล็กๆ อย่างหยุนเมิ่งก็ไม่มีข้อยกเว้น
ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่จากวังหลวง จงปิดห้องเก็บศพเอาไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้ใครเข้าไปได้เด็ดขาด หลิงจุนเซวียนออกคำสั่ง
รับทราบขอรับ
เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ข้างกายก้มหน้ารับคำสั่ง
หลิงจุนเซวียนคิดอะไรบางอย่างอยู่สักครู่หนึ่ง ก็หันมาพูดกับเฉินเจี้ยนหนาน ผู้การเฉิน บัดนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ ข้าอยากให้ท่านแบ่งกำลังพลมาช่วยเจ้าหน้าที่มือปราบ คอยดูแลความเรียบร้อยภายในเมืองด้วยได้หรือไม่?
เฉินเจี้ยนหนานกล่าวว่า ท่านเจ้าเมืองไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะดูแลทุกอย่างให้เอง ท่านจัดการเรื่องของท่านได้เต็มที่
หลิงจุนเซวียนพยักหน้า ก่อนจะนำผู้ติดตามของตนเองเดินจากมา
เมื่อเดินมาถึงหน้าคฤหาสน์ที่พัก เขาก็ต้องถอนหายใจออกมายาวแรง
พวกเจ้าว่าฟางเจิ้นหรู่เดินทางกลับไปตั้งแต่เมื่อวันก่อนไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเขาถึงไปติดแหง็กอยู่ที่เขตชายแดนตั้งหนึ่งวัน กว่าจะมีคนพบศพก็ล่วงเข้าคืนนี้แล้ว หรือว่าเขตชายแดนเมืองหยุนเมิ่ง มีอะไรไม่ชอบมาพากลที่ข้าไม่รู้หรือเปล่า? หลิงจุนเซวียนถาม
หลีลั่วหรันกับหลิงเถียนเฟิงเดินตามมาอยู่ด้านหลัง
หลิงเถียนเฟิงเป็นบิดาของหลิงเซวียน อดีตเด็กรับใช้ประจำกายของหลิงจุนเซวียน ซึ่งในภายหลังสถานะของเขาก็ถูกยกระดับขึ้นมา กลายเป็นผู้ติดตามคนสำคัญ
เพราะว่าเขาถูกฆาตกรรมด้วยฝีมือปีศาจ เราจึงไม่สามารถระบุเวลาที่เสียชีวิตได้แน่นอน ขณะนี้ ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนาอยู่ขอรับ หลีลั่วหรันว่า
หลิงเถียนเฟิงกล่าวเสริมว่า เดี๋ยวข้าน้อยจะลองนำคนออกไปสำรวจที่เกิดเหตุอีกครั้ง เมื่อรวมกับข้อมูลของคนจากวังหลวงที่กำลังจะมาถึง เราน่าจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้มากกว่านี้ขอรับ ..ไอรีนโนเวล
หลิงจุนเซวียนพยักหน้าเห็นด้วย เจ้าไปกับจินหลิงก็แล้วกัน ระวังตัวด้วย พวกปีศาจมันอาจจะดักรอเล่นงานอยู่ ถ้าพบว่าตนเองตกอยู่ในอันตราย จงรีบหนี อย่าปะทะหักล้างกับพวกมันเด็ดขาด
รับทราบแล้วขอรับนายท่าน
หลิงเถียนเฟิงก้มศีรษะรับคำสั่ง
เขามีร่างกายผอมสูง ผิวขาว หน้าตาหล่อเหลาดูฉลาดเฉลียว สมแล้วที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหลิงอยู่ในตัว หลิงเถียนเฟิงมีระดับพลังไม่ต่ำต้อย เขาจึงได้รับอนุญาตให้นำคนของจวนผู้ว่า เดินทางไปตรวจสอบสถานที่พบศพฟางเจิ้นหรู่อีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเมืองหยุนเมิ่งคงไม่สงบสุขอีกต่อไปแล้วสิ ก่อนหน้านี้ก็มีเซินเฟยปรากฏตัวสร้างความวุ่นวาย ตอนนี้ฟางเจิ้นหรู่ก็ยังมาถูกฆาตกรรมอีก…เฮ้อ ขนาดหลบมาอยู่เมืองบ้านนอกริมทะเล ก็ยังหนีลมฝนไม่พ้นเลยจริงๆ หลิงจุนเซวียนถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า และกล่าวต่อ พี่หลี ท่านคิดว่าที่ปีศาจมันลงมือโจมตีครั้งนี้ เป็นเพราะพวกเราหรือเปล่า?
หลีลั่วหรันตอบว่า ต่อให้มันเป็นปีศาจที่เคยสิงอยู่ในตัวเซินเฟยจริงๆ แต่มันก็ไม่น่าลงมือเพราะมีพวกเราเป็นต้นเหตุหรอกขอรับ สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจก็คือทำไมปีศาจตัวนี้ถึงต้องฆ่าฟางเจิ้นหรู่ด้วย? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าผู้ที่ถูกวิญญาณปีศาจสิงสู่ จะทำอะไรบ้าบิ่นถึงเพียงนี้
หลิงจุนเซวียนเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์และนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าพูดว่า นั่นก็เป็นอีกอย่างที่ข้าจนปัญญาจะหาคำตอบเช่นกัน หรือมันจะลงมือเพราะต้องการแก้แค้นให้แก่ความตายของเซินเฟย?
หลีลั่วหรันเดินมานั่งที่เก้าอี้ด้านตรงข้าม เซินเฟยเป็นเพียงมดปลวกตัวเล็กตัวน้อย ไม่มีความสำคัญอันใด ต่อให้เขาตายจริง วิญญาณปีศาจก็สามารถหนีไปสิงสู่คนอื่นได้ง่ายดายนัก แต่การที่พวกมันเลือกมาลงมือก่อเหตุในเมืองหยุนเมิ่งซ้ำสอง แสดงว่าต้องมีแผนการร้ายแน่นอน
หลิงจุนเซวียนยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ ก่อนจะโพล่งถามออกมาว่า แล้วนี่คุณผู้หญิงอยู่ที่ไหน?
หลีลั่วหรันตอบ คุณผู้หญิงนั่งเป็นเพื่อนคุณหนูอยู่ในสวนหย่อมขอรับ
หลิงจุนเซวียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
สีหน้าที่เคร่งขรึมตึงเครียดมาตลอดทั้งคืนพลันแสดงออกถึงความผ่อนคลายบ้างเล็กน้อย ทันใดนั้น หลิงจุนเซวียนก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ อ้อ จริงด้วยสิ เรื่องงานวิวาห์ของเฉินเอ๋อร์เราต้องเร่งมือแล้วนะ ข้าได้ยินว่าเว่ยหมิงเฉินกำลังจะออกเดินทางมาแล้ว รบกวนพี่หลี่ช่วยส่งคนไปพูดคุยกับบ้านตระกูลเว่ยให้ข้าที
หลีลั่วหรันชะงักไปเล็กน้อย ก่อนพูดว่า แต่คุณหนู…
เขาอยากจะย้ำเตือนว่าหลิงเฉินปฏิเสธการแต่งงานกับเว่ยหมิงเฉินมาตลอด และในระยะหลัง เด็กสาวก็แสดงออกชัดเจนว่ายังคงรักหลินเป่ยเฉินไม่เสื่อมคลาย ถึงแม้ว่าหลินเป่ยเฉินจะรักษาคำพูดโดยการไม่เข้ามาวอแวบุตรสาวคนเล็กของหลิงจุนเซวียนเลยก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าคุณหนูของพวกเขาจะยังคงไม่ยอมแพ้ในการพิชิตใจเด็กหนุ่มง่ายๆ
และครั้งนี้ หลีลั่วหรันกลัวว่าหลิงเฉินอาจจะเป็นผู้ที่ลงมือพังงานวิวาห์ของตนเองเลยก็ได้
หลิงจุนเซวียนยิ้มด้วยความขมขื่นและตอบว่า บัดนี้ ข้าได้แต่ทำผิดกับนางเท่านั้น
เมื่อเห็นหลิงจุนเซวียนที่ปกติแล้วรักใคร่ทะนุถนอมบุตรสาวยิ่งกว่าอะไรดี ถึงกับพูดเช่นนี้ออกมาด้วยตนเอง หลีลั่วหรันก็รับทราบแล้วว่าเรื่องนี้คงเป็นความคิดอันหนักแน่นของคุณผู้หญิงชินหลันซูเป็นแน่แท้ ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงพยักหน้ารับคำสั่งและหมุนตัวเดินจากไป
หลิงจุนเซวียนนั่งอยู่ในห้องโถงเพียงลำพัง เขามองดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้านอกหน้าต่าง ยิ่งมองสีหน้าก็ยิ่งแสดงออกถึงความโดดเดี่ยวมากขึ้น
ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดยิ่งใหญ่มากกว่าความรักของพ่อแม่อีกแล้ว
ลูกเอ๋ย พ่อได้แต่หวังว่าเจ้าจะเข้าใจพ่อกับแม่บ้างก็แล้วกัน
…
อาจารย์เจ้าคะ
ณ วิหารเทพกระบี่ เสียงเรียกของเยว่เว่ยหยางดังขึ้นมาจากที่ห่างไกล
นักพรตหญิงชินกำลังยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่หน้ารูปปั้นเทพีกระบี่
เยว่เว่ยหยางไม่มีทางเลือกนอกจากพูดออกมาอีกครั้งเมื่อเดินเข้าไปถึงข้างกาย อาจารย์เรียกศิษย์มามีอะไรหรือเจ้าคะ?
นั่นเอง นักพรตหญิงชินถึงค่อยๆ หันหน้ามามองเยว่เว่ยหยางและยื่นส่งอะไรบางอย่างให้เด็กสาวดู เจ้าเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนหรือไม่?
ภายใต้แสงจันทร์สาดส่องจากยอดวิหาร ลูกดอกเหล็กสีเงินขนาดเล็กสะท้อนประกายแวววาวอยู่บนฝ่ามือของนักพรตหญิงชิน
นี่คือลูกดอกที่ถูกหลอมออกมาด้วยความประณีตสวยงาม ส่วนปลายของลูกดอกถึงกับแกะสลักเป็นรูปนกนางแอ่น เพียงชำเลืองมองแค่แวบเดียว ก็รู้แล้วว่านี่คือลูกดอกที่ถูกยิงออกมาจากกระบอกยิงอาวุธลับของใครบางคน
เยว่เว่ยหยางตอบว่า นี่มันลูกดอกเหล็กมิธริลใช่ไหมเจ้าคะ? มันเป็นของหลินเป่ยเฉิน เขามีกระบอกยิงอาวุธลับพกติดตัวอยู่ใต้แขนเสื้อ ว่าแต่อาจารย์ไปได้ลูกดอกนี้มาจากไหนเจ้าคะ?
นักพรตหญิงชินดึงมือกลับไปและหันหน้ามองรูปปั้นเทพีกระบี่อีกครั้ง สุดท้ายก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ เจ้าเคยบอกว่าตอนที่หลินเป่ยเฉินมาเปิดจุดก่อกำเนิดพลังปราณธาตุที่นี่ เขาได้พลังปราณธาตุน้ำ ซึ่งเป็นผู้ที่สาวกของเทพีกระบี่จะต้องคอยปกป้องคุ้มครองตามคำบอกเล่าของพระคัมภีร์ใช่หรือไม่?
เยว่เว่ยหยางพยักหน้า ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้ามั่นใจว่าเขาต้องเป็นคนที่ในคัมภีร์ระบุถึงแน่นอน
นักพรตหญิงชินยังคงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง ลูกดอกนี้ถูกพบอยู่บนศพของฟางเจิ้นหรู่
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเยว่เว่ยหยางก็เปลี่ยนแปลงไปทันที