เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 789 เจ้าตัวบัดซบ
ตอนที่ 789 เจ้าตัวบัดซบ
เปรี้ยง!
คลื่นแรงสั่นสะเทือนแผ่กระจายในอากาศ
เกาเฉิงฮั่นจับกระบี่สายฟ้าแนบแน่นในขณะที่โลหิตพุ่งกระฉูดออกจากแขนและข้อมือ เช่นเดียวกับที่มีโลหิตเริ่มไหลซึมออกมาจากปากและจมูกรวมถึงใบหูบ้างแล้ว
เมื่อเห็นโลหิตของผู้มีพลังระดับเซียนสาดกระจายเต็มท้องฟ้า เหลียงหยวนเตาผู้โจมตีสำเร็จด้วยหมัดเดียวกลับไม่ได้คุกคามเข้าโจมตีต่อเนื่อง
ร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ของท่านเจ้าเมืองหันขวับกลับมาหาหลินเป่ยเฉินและเงื้อมือขึ้นหมายจะตบเด็กหนุ่มให้บี้แบนราวกับเป็นแมลงวันตัวหนึ่ง!
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ…”
หลินเป่ยเฉินกางปีกกระบี่ออกกว้างและรีบบินหลบหนีออกไปห่างไกลหลายลี้
แต่ปรากฏว่าเหลียงหยวนเตากลับสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วราวกับวาร์ปได้ รู้ตัวอีกที หลินเป่ยเฉินก็พบว่าเหลียงหยวนเตามายืนเงื้อเท้าอยู่บนศีรษะของเขาเสียแล้ว
โครม!
พื้นดินสั่นสะเทือนรุนแรง
บนพื้นดินเกิดเป็นรอยเท้าขนาดใหญ่
ร่างของหลินเป่ยเฉินจมหายลงไปในรอยเท้าขนาดใหญ่นี้
และคลื่นแรงสั่นสะเทือนที่ตามมาหลังจากนั้น ก็ทำให้พื้นน้ำแข็งเกิดรอยแตกร้าวและพังถล่มในรัศมีหลายสิบวา สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตในรัศมีนั้น ต่างก็ถึงแก่ความตายโดยไม่รู้ตัว
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เหลียงหยวนเตาเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะใส่ท้องฟ้า “ทุกอย่างคงจบสิ้นลงแต่เพียงเท่านี้แล้วสินะ”
วูบ!
เกาเฉิงฮั่นถ่มเลือดออกมาจากปาก และควงกระบี่ตรงเข้าหาเหลียงหยวนเตาอีกครั้ง
คมกระบี่สาดประกายเต็มท้องฟ้า
“ข้าบอกว่าทุกอย่างต้องจบลงแต่เพียงเท่านี้ไงล่ะ”
เหลียงหยวนเตาหมุนตัวกลับมาต่อยหมัดกระแทกเกาเฉิงฮั่นลอยกระเด็นกลับออกไปอีกรอบ
กระบี่สายฟ้าหลุดออกจากมือ ก่อนจะหมุนตัวเสียบปักเข้าไปในโขดหินก้อนหนึ่ง
ร่างของเกาเฉิงฮั่นตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรง พื้นดินเกิดรอยแตกร้าวเป็นรัศมีหลายสิบวาและหน้าดินเกิดการยุบตัวเป็นหลุมใหญ่!
“ตายซะเถอะ”
ร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ของเหลียงหยวนเตาเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว เท้ายกขึ้นสูงหมายจะเหยียบเกาเฉิงฮั่นให้บี้แบนเป็นรายต่อมา
ถึงเกาเฉิงฮั่นจะพลังลมปราณกระจัดกระจาย แต่ในลมหายใจแห่งความเป็นความตาย เขากลับสามารถหมุนตัวหลบเท้าของปีศาจยักษ์เหลียงหยวนเตาได้สำเร็จ แต่คลื่นแรงกระแทกของฝ่าเท้าก็ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนแผ่กระจายไปรอบบริเวณ เกาเฉิงฮั่นจึงกระเด็นกระดอนกลิ้งออกมาอีกหลายตลบ…
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่หรือคือผู้มีพลังระดับเซียน ไม่เห็นจะต่างจากสุนัขข้างถนนตัวหนึ่งสักเท่าไหร่…”
เหลียงหยวนเตายิงฟันยิ้มและไล่ล่าเกาเฉิงฮั่นอย่างต่อเนื่อง
แต่ทันใดนั้นเอง…
ปังปังปังปังปัง!
เสียงรัวยิงกระสุนที่คุ้นหูดังขึ้น
ม่านโลหิตพุ่งกระจายออกมาจากร่างกายของเหลียงหยวนเตาอีกครั้ง
ความจริงนั้น หลินเป่ยเฉินยังไม่ตาย เด็กหนุ่มสามารถมุดพื้นดินกลับขึ้นมาพลางเก็บปืนกลมือและสลับมาถือกระบี่อยู่ในสองมือได้อย่างเร็วไวน่ามหัศจรรย์ และขณะนี้ คมกระบี่สีฟ้าครามก็สาดประกายเจิดจ้าต่อหน้าต่อตาทุกคนกลางอากาศ ทุกๆ กระบี่ฟันเข้าใส่ร่างเหลียงหยวนเตาอย่างแม่นยำ
และอานุภาพการโจมตีด้วยกระบี่ของหลินเป่ยเฉินก็มีความรุนแรงมากขึ้น
เหลียงหยวนเตาไม่มีเวลาได้ตอบโต ร่างกายครึ่งหนึ่งก็กลายเป็นบาดแผลฉกรรจ์แล้ว
“เจ้าตัวบัดซบ…”
เหลียงหยวนเตาแผดเสียงคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะใช้วิธีเคลื่อนกายด้วยการวาร์ปมาอยู่ข้างๆ หลินเป่ยเฉิน ก่อนจะกระแทกหมัดต่อยหลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นออกไปอีกครั้ง!
วูบ!
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินผู้รอดตายจากการถูกเหยียบจมธรณี กำลังลอยกระเด็นออกไปไกลหลายร้อยวา ราวกับเป็นแมลงวันตัวหนึ่ง
แต่เมื่อร่างกายตกกระแทกพื้นดิน เด็กหนุ่มกลับสามารถม้วนตัวลุกขึ้นมายืนหยัดได้อย่างรวดเร็ว พลังลมปราณในร่างกายโคจรเต็มอัตรา เห็นได้ชัดว่าหลินเป่ยเฉินพร้อมแล้วที่จะต่อสู้โดยไม่ต้องเสียเวลาหยุดพัก!
หลินเป่ยเฉินดีดตัวกลับขึ้นไปในอากาศ กางปีกกระบี่ออกกว้าง เขาเบี่ยงตัวหลบการโจมตีต่อเนื่องของเหลียงหยวนเตาได้สำเร็จ แต่ตัวคนที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ถึงกับซวนเซไปไม่น้อยด้วยมวลอากาศที่ปั่นป่วน
“อุ๊วะฮ่าฮ่าฮ่า…”
เสียงหัวเราะของเหลียงหยวนเตาดังกึกก้องผืนฟ้า “ความพยายามของพวกเจ้าช่างเป็นเรื่องที่น่าตลกขบขันยิ่งนัก นี่หรือคือความแข็งแกร่งของเกาเฉิงฮั่นกับหลินเป่ยเฉินผู้ที่คิดจะโค่นล้มข้า? แค่พูดถึงเรื่องความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว พวกเจ้าก็ไม่สามารถสู้ข้าได้แล้ว”
เหลียงหยวนเตารัวหมัดต่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง
หลินเป่ยเฉินกระพือปีกบินหลบหลีกเร็วไว
ปังปังปังปังปัง!
เด็กหนุ่มสลับกลับมาใช้ปืนกลมือสาดกระสุนไม่หยุดยั้ง
ทุกครั้งที่กระสุนปะทะกับร่างกายของเหลียงหยวนเตา ม่านหมอกเลือดก็จะสาดกระจายในอากาศ
พลังแห่งการทะลุทะลวงของลูกกระสุนดูจะมีความรุนแรงมากกว่าก่อนหน้านี้เช่นกัน
แม้เหลียงหยวนเตาจะไม่รู้ว่าความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่คืบคลานเข้ามาอย่างชัดเจน
“เจ้าเศษสวะ ข้าคงปล่อยเจ้าให้ลอยนวลต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”
เหลียงหยวนเตาตัดสินใจขั้นเด็ดขาดที่จะปลิดชีวิตหลินเป่ยเฉิน
แล้วท่านเจ้าเมืองปีศาจก็วาร์ปเข้ามาประชิดตัวเด็กหนุ่มรูปหล่อในลมหายใจต่อมา กำปั้นถูกชกเข้าใส่หลินเป่ยเฉินอย่างต่อเนื่อง ผู้ถูกโจมตีได้แต่ขดตัวเป็นก้อนกลมกลิ้งกระเด็นไปมาตลอดเวลา
เรียกได้ว่าสถานการณ์ของหลินเป่ยเฉินจัดอยู่ในขั้นวิกฤติมากแล้ว
เขาไม่มีทางป้องกันตัวเองได้เลย
หลินเป่ยเฉินมีสภาพไม่ต่างจากลูกปิงปองที่ผู้เล่นระดับแชมป์โลกสองคนกำลังตีโต้กันด้วยความดุเดือด แม้แต่เวลาที่จะพักหายใจก็ยังไม่มี
ทว่า แทนที่จะทำใจยอมรับความตาย ตลอดเวลาที่ถูกเล่นงานอยู่นี้ หลินเป่ยเฉินก็ยังคงสาดกระสุนจากปืนกลมือเข้าใส่ร่างกายของเหลียงหยวนเตาได้อย่างแม่นยำ
และนั่นก็ยิ่งทำให้ท่านเจ้าเมืองปีศาจโกรธแค้นมากขึ้น
ห่างออกมาไม่ไกล
ชุดสีขาวของเกาเฉิงฮั่นแปดเปื้อนด้วยคราบโลหิตสีแดงสด ทรงผมของเขายุ่งเหยิง ใบหน้าบวมช้ำ มีคราบเลือดเกาะติดสกปรกมอมแมม ขาข้างหนึ่งหักงอผิดรูปผิดร่างอย่างน่าตื่นตระหนกตกใจ…
ในฐานะที่เป็นผู้มีพลังขั้นเซียน เกาเฉิงฮั่นไม่เคยตกอยู่ในสภาพน่าอับอายถึงเพียงนี้มาก่อน
เขาไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งตนเองจะต้องมาพบเจอกับเรื่องราวเช่นนี้
เกาเฉิงฮั่นจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉินซึ่งกำลังถูกเหลียงหยวนเตาไล่เตะไล่ต่อยอย่างหมดหนทางสู้ แต่ท่านแม่ทัพเกาก็ไม่ได้รีบรุดเข้าไปช่วยเหลือ
ชายหนุ่มสูดหายใจลึกๆ โคจรพลังลมปราณในร่างกาย เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองก่อน
เมื่อได้เลื่อนระดับขึ้นมาอยู่ในขั้นเซียน โครงสร้างภายในร่างกายก็จะเปลี่ยนแปลงไป เส้นลมปราณธรรมดาอันตรธานหายลับ ร่างกายจะผลิตเส้นลมปราณสายใหม่ขึ้นมาเรียกว่าเส้นลมปราณเซียน ด้วยเหตุนี้ ถึงร่างกายภายนอกจะยังดูเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไป แต่ระบบการทำงานภายในร่างกายก็จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เส้นลมปราณเซียนจะช่วยทำให้พวกเขาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
เกาเฉิงฮั่นเป็นผู้มีพลังอยู่ในขั้นเซียนระดับหนึ่ง
คลื่นพลังลมปราณกระจายตัวไปตามอวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกาย
ในเวลาเดียวกันนี้ แม่ทัพหนุ่มก็ดูดซับพลังปราณธาตุที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าสู่ร่างกายด้วยเช่นกัน
กระแสพลังหนาแน่นไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณเซียนภายในร่างกาย
ทุกๆ ลมหายใจที่ผ่านไป ระดับพลังในร่างของเกาเฉิงฮั่นก็จะถูกเติมเต็มมากขึ้นเรื่อยๆ
ดูดซับพลัง
หลอมรวมพลัง
และโคจรพลัง
เมื่อสามารถหลอมรวมพลังปราณธาตุที่ดูดซับจากอากาศรอบกายได้สำเร็จ ร่างกายของผู้มีพลังขั้นเซียนก็จะกลับมาแข็งแรงดังเดิมอีกครั้งภายในระยะเวลาอันสั้น แม้ว่าขาข้างที่บาดเจ็บจะยังไม่หายดีก็ตาม