เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 794 น้องเกา นี่มันอะไรกัน เพียงเท่านี้เจ้าก็ดูไม่ออกหรือ
- Home
- เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]
- บทที่ 794 น้องเกา นี่มันอะไรกัน เพียงเท่านี้เจ้าก็ดูไม่ออกหรือ
ตอนที่ 794 น้องเกา นี่มันอะไรกัน? เพียงเท่านี้เจ้าก็ดูไม่ออกหรือ?
ลมหายใจต่อมา…
ครืน!
กำแพงดินของหลินเป่ยเฉินพังถล่มลงมาอย่างรุนแรง
แล้วเงาร่างที่เป็นรูปทรงมนุษย์ผู้หนึ่งก็พุ่งทะลวงเข้ามาพร้อมกับจิตสังหารแรงกล้า พลังลมปราณปีศาจพวยพุ่งเต็มท้องฟ้าโหมกระหน่ำเข้ามามีเป้าหมายอยู่ที่หลินเป่ยเฉิน
“ถือว่ามีความพยายามใช้ได้”
หลินเป่ยเฉินย่อตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะฟันกระบี่ที่ถืออยู่ในมือขึ้นเป็นแนวเฉียง
กระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่ง
เด็กหนุ่มพบว่าตนเองมีพลังการโจมตีรุนแรงมากกว่าเดิมถึงสองเท่า
วูบ!
คมกระบี่สาดประกายแวววาว
เงาร่างปีศาจหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ โลหิตสาดกระจาย ก่อนที่ตัวของเหลียงหยวนเตาจะลอยกระเด็นกลับออกไป
แต่กรงเล็บแหลมคมของมันก็สามารถเจาะทะลวงผ่านม่านพลังที่ห่อหุ้มร่างกายหลินเป่ยเฉินเข้ามาสร้างบาดแผลให้แก่กำปั้นซ้ายของเด็กหนุ่มได้สำเร็จ ส่งผลให้มีม่านหมอกเลือดสาดกระจายออกจากแขนซ้ายของเขาเช่นกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เหลียงหยวนเตาผู้ฟื้นคืนชีพกลับมาเป็นครั้งที่แปดแผดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ
ร่างที่แปดของท่านเจ้าเมืองปีศาจมีลักษณะคล้ายร่างมนุษย์ แต่ผิวหนังของเขาตลอดไปจนถึงใบหน้ากลับปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำมันวาว ไม่ว่าเป็นหูตาจมูกปากล้วนปกคลุมอยู่ภายใต้เกล็ดสีดำเหล่านี้ทั้งสิ้น
แต่สิ่งที่แตกต่างจากร่างมนุษย์ก็คือแขนขาของเหลียงหยวนเตาขณะนี้มีความยาวมากผิดปกติ อีกทั้งมือและเท้ายังมีกรงเล็บแหลมคม ซ้ำด้านหลังของเขายังมีหางมังกรขนาดใหญ่งอกยาวออกมา แม้ลักษณะส่วนใหญ่ของร่างกายจะคล้ายกับมนุษย์ แต่เหลียงหยวนเตากลับมีนิ้วเท้าเพียงสามนิ้ว แต่มันก็เป็นสามนิ้วที่มีกรงเล็บแหลมงอกยาวราวกับคมกระบี่ และที่น่าขยะแขยงมากที่สุดก็คือทั่วร่างกายของเหลียงหยวนเตาประดับไปด้วยตุ่มโลหิตที่ส่องแสงสว่างวูบวาบสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
พลังลมปราณแผ่ออกมาจากร่างกายอย่างรุนแรง
ไม่ต่างจากเครื่องยนต์ไอพ่นของเครื่องบินเจ็ท
นี่คือหนึ่งในเก้าร่างศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์อสูรบ่อโลหิต ไม่ว่าเป็นระดับพลังการโจมตีหรือระดับพลังในการป้องกัน ต่างก็มีความแข็งแกร่งเท่าเทียมกัน
ร่างกายที่ปกคลุมด้วยเกล็ดผิวหนังสีดำมันวาว มีความแข็งแกร่งทนทานไม่ต่างจากสวมใส่ชุดเกราะเทพเจ้า
แต่บัดนี้ บริเวณหน้าผากกลางหว่างคิ้วของเหลียงหยวนเตากลับปรากฏรูกระบี่ขึ้นมาแล้ว
หลินเป่ยเฉินผู้อยู่ในขั้นเซียนมีพลังในการโจมตีรุนแรงเกินกว่าที่ผู้ใดจะคาดคิด นอกจากเขาจะสามารถใช้กระบี่ทะลวงเกล็ดผิวหนังของเหลียงหยวนเตาได้แล้ว ยังสามารถทิ่มแทงกระบี่ทะลวงกะโหลกศีรษะของเหลียงหยวนเตาได้สำเร็จอีกด้วย
แต่รูกระบี่บนหน้าผากของเหลียงหยวนเตาก็สามารถเยียวยาตนเองมีเลือดเนื้อเติมกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“นับเป็นฝีมือกระบี่ที่ประเสริฐ น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของเจ้ากลับเป็นข้า” ในดวงตาที่อยู่ภายใต้เกล็ดสีดำของเหลียงหยวนเตาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความอำมหิต “บัดนี้ ข้ามีพลังเทียบเท่ากับขั้นเซียนของพวกเจ้าเช่นกัน ต่อให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงใด ข้าก็สามารถฟื้นฟูตนเองได้อย่างรวดเร็ว แล้วพวกเจ้าเล่า ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อเกาเฉิงฮั่นเห็นดังนั้น หัวใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
สีหน้าแสดงออกมาถึงความเศร้าโศกเสียใจ
หลินเป่ยเฉินประมาทมากเกินไป
เกาเฉิงฮั่นก้มดูสภาพตนเองที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ไม่รู้อีกแล้วว่าควรทำอย่างไรดี?
กลุ่มคนที่รับชมการต่อสู้จากระยะไกลต่างก็พร้อมใจกันยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
สถานการณ์… พลิกผันอีกแล้วหรือ?
พวกเขาเพิ่งจะดีใจได้เพียงไม่นาน หลินเป่ยเฉินกลับได้รับบาดเจ็บเสียแล้ว ไม่ทราบว่าเด็กหนุ่มจะสามารถต่อสู้ได้อีกหรือไม่?
“พลังระดับเซียนงั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่เหลียงหยวนเตาด้วยความเคียดแค้น ก่อนจะหัวเราะในลำคอด้วยความเหยียดหยามและกล่าวว่า “เจ้ากำลังพูดถึงการรักษาตนเองที่รวดเร็วเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็ใช้วิชาวงแหวนวารี
วงแหวนสีฟ้าครอบคลุมลงมาทางศีรษะของเขา
เมื่อเลื่อนระดับขึ้นมาอยู่ในขั้นเซียน ความสามารถในการรักษาอาการบาดเจ็บของพลังปราณธาตุน้ำก็ดูจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมหลายเท่า เพียงใช้วิชาวงแหวนวารีไม่กี่ครั้ง แขนที่หักงอผิดรูปผิดร่างและบาดแผลเหวอะหวะน่าหวาดกลัวก็หายวับไปในพริบตาเดียว!
“นี่มันอะไรกัน?”
เหลียงหยวนเตาถึงกับชะงักกึก
ใบหน้าที่อยู่ภายใต้เกล็ดสีดำแสดงออกมาถึงความตกตะลึงสุดขีด
“โฮะโฮะโฮะ เจ้าคงคิดไม่ถึงเลยละสิ?”
หลินเป่ยเฉินขยับแขนข้างที่สมควรบาดเจ็บของเขาอย่างสบายใจ รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากตามนิสัย
เขารอคอยเวลานี้มานานแล้ว
ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องน่ารำคาญเหลือเกินที่รู้ว่ามีพลังปราณธาตุอีกหลายชนิดอยู่ในร่างกายแต่ไม่สามารถใช้งานได้ แต่บัดนี้ เมื่อพลังปราณธาตุทั้งสี่ชนิดได้รับการปลดผนึกและหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ก็ถึงเวลาแล้วที่หลินเป่ยเฉินจะใช้งานพวกมันให้คุ้มค่า
เด็กหนุ่มใช้วงแหวนวารีรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองอย่างต่อเนื่อง
วงแหวนวารีซ้อนทับกันอยู่เหนือศีรษะของเขากลายเป็นวงแหวนสีเขียว
เพียงพริบตาเดียว อาการบาดเจ็บในร่างกายของหลินเป่ยเฉินก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง
“คราวนี้พวกเราก็มีความสามารถเท่ากันแล้วนะ… เจ้าไม่ได้เปรียบข้าอีกต่อไปแล้ว”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะใส่หน้าเหลียงหยวนเตา
หลังจากนั้น เขาก็ยื่นมือไปหาเกาเฉิงฮั่น
เกาเฉิงฮั่นกระพริบตาปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจ
“ขอกระบี่คืนด้วยขอรับ”
หลินเป่ยเฉินชักสีหน้าด้วยความรำคาญใจ และกล่าวว่า “น้องเกา นี่มันอะไรกัน? เพียงเท่านี้เจ้าก็ดูไม่ออกหรือ?”
เกาเฉิงฮั่นรีบส่งกระบี่สายฟ้าคืนไปให้แก่หลินเป่ยเฉินโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นถึงค่อยนึกได้ว่าหลินเป่ยเฉินเปลี่ยนสรรพนามเรียกเขาจาก ‘พี่ใหญ่เกา’ กลายเป็น ‘น้องเกา’ ไปเสียแล้ว
เด็กหนุ่มจะทำตัวเช่นนี้จริงสิ?
เกาเฉิงฮั่นพลันโพล่งออกมาด้วยความโมโหว่า “เดี๋ยวก่อนนะ ในเมื่อเจ้ามีความสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ เหตุไฉนถึงยังไม่รักษาอาการบาดเจ็บให้ข้าอีก?”
หืม?
หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าละอายใจขึ้นมาทันที
เมื่อสักครู่นี้ เขามัวแต่วางมาดให้ตนเองดูเท่ที่สุด จึงไม่ได้คิดถึงเรื่องที่จะรักษาอาการบาดเจ็บให้เกาเฉิงฮั่นแม้แต่น้อย
แต่แน่นอนว่าคนหน้าด้านอย่างเขาจะยอมรับผิดได้อย่างไร “เมื่อสักครู่ ข้าแค่แกล้งปล่อยให้พวกเราบาดเจ็บ เพื่อให้เหลียงหยวนเตาตายใจเท่านั้นเองขอรับ… พี่ใหญ่เกาไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะช่วยรักษาท่านเอง”
เด็กหนุ่มโยนวงแหวนวารีออกไปเจ็ดถึงแปดวง
สุดท้าย เหนือศีรษะของเกาเฉิงฮั่นก็มีวงแหวนสีเขียวปัดซ้อนกันอยู่เช่นกัน
บาดแผลสาหัสสากรรจ์และอาการบาดเจ็บของเกาเฉิงฮั่นบรรเทาขึ้นมาทันตาเห็น
ไม่กี่ลมหายใจก่อนหน้านี้ เกาเฉิงฮั่นตกอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นที่ว่าพร้อมจะเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ แต่เมื่อได้รับวงแหวนวิเศษจากเด็กหนุ่ม ร่างกายก็เกิดความผ่อนคลายปลอดโปร่ง ความเจ็บปวดหายไป แม้แต่ระดับพลังลมปราณในร่างกายก็ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
นี่คือความสามารถที่น่าเหลือเชื่อ
เกาเฉิงฮั่นจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉินราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง
นี่คือความสามารถของพลังปราณธาตุน้ำ
ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินก็ได้ใช้พลังปราณธาตุดินสร้างกำแพงขึ้นมาป้องกันคลื่นน้ำให้แก่พวกเขาแล้วไม่ใช่หรือ?
มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน…
เกาเฉิงฮั่นจำได้ดีว่าก่อนหน้านี้ตนเองเพิ่งอบรมความรู้ขั้นพื้นฐานให้แก่หลินเป่ยเฉินว่า ถึงเด็กหนุ่มจะมีพลังปราณธาตุกี่ชนิดมันก็ไม่สำคัญในขณะนี้ และนั่นก็ทำให้ในขณะนี้ เกาเฉิงฮั่นแทบอยากจะมุดดินหลบหนีด้วยความอับอายเสียเหลือเกิน
“ฮ่าฮ่าฮ่า น้องชาย งั้นข้าจะปล่อยให้เจ้าได้แสดงฝีมือต่อไปก็แล้วกัน”
เมื่อเห็นสีหน้าอับอายของเกาเฉิงฮั่น หัวใจของหลินเป่ยเฉินก็เอ่อล้นด้วยความพอใจ
นี่แหละปฏิกิริยาที่เขาต้องการ
เด็กหนุ่มควงกระบี่สายฟ้าพุ่งเข้าไปหาเหลียงหยวนเตา
ครืน!
เหลียงหยวนเตากัดฟันกรอดและบุกเข้ามาโจมตีอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินตวัดกระบี่ฟาดฟัน
กระบวนท่ากระบี่ที่สอง
เสียงคมกระบี่กรีดผ่านอากาศ
แล้วแขนของเหลียงหยวนเตาก็ถูกตัดขาดเสมอไหล่ ตัวคนจำเป็นต้องร่นถอยกลับไปพร้อมกับร้องอุทานเสียงดังลั่น
วิชา ‘กระบี่ 17 คาบสมุทร’ นั้นซุกซ่อนไว้ด้วยปริศนามากมาย เมื่อใช้งานออกมาด้วยพลังระดับเซียน มันก็มีความรุนแรงร้ายกาจไม่ต่างไปจากคัมภีร์วิทยายุทธ์ระดับแปดดาว และเด็กหนุ่มก็อยากรู้เหลือเกินว่าถ้าเขาตามหาคัมภีร์ในส่วนที่หายไปพบเจอ มันก็จะมีความร้ายกาจเทียบเท่ากับคัมภีร์ระดับเก้าดาวหรือไม่?
เพียงแค่คิด หลินเป่ยเฉินก็มีความสุขแล้ว