เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 803 ผู้บัญชาการรบของชาวทะเล
ตอนที่ 803 ผู้บัญชาการรบของชาวทะเล
กระบี่เงินของหลินเป่ยเฉินลอยไปอยู่เหนือค่ายที่พักของชาวทะเล
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็ม้วนตัวตีลังกา กระบี่ที่เคยอยู่ใต้เท้าก็มาอยู่ในมือของเขาแล้ว
คมกระบี่สาดประกายวาววับ
กระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่ง
วูบ!
คมกระบี่ของเขาฟันเข้าใส่จอมเวทย์มนุษย์เงือกผู้หนึ่ง
แต่ทันใดนั้น ปรากฏลำแสงสว่างพุ่งออกมาจากค่ายที่พักของชาวทะเล
ลำแสงนั้นเป็นชาวทะเลที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ มันสวมใส่ชุดเกราะสีน้ำเงินเข้ม บนใบหน้าประดับด้วยหน้ากากแปดรูใบหนึ่ง
เคล้ง!
กระบี่ในมือหลินเป่ยเฉินถึงกับสั่นสะเทือน
ประกายไฟสาดกระจาย
หัวใจของเด็กหนุ่มกระตุกวูบ
อีกฝ่ายเป็นผู้มีพลังขั้นเซียนใช่หรือไม่?
“เจ้าไม่ใช่เกาเฉิงฮั่นหรอกหรือ?”
มนุษย์หน้ากากแปดรูผู้ต้านทานการโจมตีของหลินเป่ยเฉินด้วยหอกสามง่ามในมืออุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ข้าคือพ่อเจ้า”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำรามด้วยความเดือดดาล
เขาเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าอีกครั้ง
ใช้ออกไปด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่สอง
ปลายกระบี่จี้แทงใส่หน้าอกฝั่งซ้ายมือของคู่ต่อสู้
“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะฆ่าเจ้าก่อน แล้วค่อยไปฆ่าเกาเฉิงฮั่นทีหลัง” มนุษย์หน้ากากแปดรูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา มันโบกสะบัดหอกสามง่ามและโจมตีพร้อมกับระเบิดพลังลมปราณแรงกล้า เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น ก็สามารถรับการโจมตีของหลินเป่ยเฉินได้ถึงสามกระบี่ซ้อนๆ
“ไอ้หมอนี่ฝีมือไม่เป็นรองเกาเฉิงฮั่นเลยแฮะ”
หลินเป่ยเฉินครุ่นคิดอยู่ในใจระหว่างใช้ออกไปอีกหลายกระบวนท่า
แต่ยิ่งต่อสู้ เด็กหนุ่มก็ยิ่งมั่นใจ
ถ้าฝ่ายตรงข้ามมีฝีมือเท่ากับเกาเฉิงฮั่นจริง นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
เพราะเกาเฉิงฮั่นเกือบจะต้องพ่ายแพ้ให้แก่เหลียงหยวนเตาในร่างที่เจ็ด
ส่วนเขาเอาชนะเหลียงหยวนเตาในร่างที่แปดได้อย่างง่ายดาย
“ตายซะเถอะ”
หลินเป่ยเฉินอยากจะเผด็จศึกครั้งนี้ให้รวดเร็วมากที่สุด จึงโจมตีออกไปด้วยกระบวนท่าที่โหดเหี้ยมอำมหิต
กระบวนท่ากระบี่ที่สี่!
กระบวนท่ากระบี่ที่ห้า!
การโจมตีเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ยิ่งวิชากระบี่ 17 คาบสมุทรใช้ร่วมกับพลังปราณธาตุทองคำ อานุภาพในการโจมตีก็ยิ่งรุนแรงมากกว่าเดิม
ร่างของเด็กหนุ่มในชุดขาวที่ลอยอยู่กลางอากาศเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วราวกับว่าสามารถหายตัวได้
มนุษย์หน้ากากแปดรูรับรู้ได้ว่ารอบกายปกคลุมด้วยม่านกระบี่ หัวใจกระตุกวูบด้วยความตกตะลึง ไม่กล้าประมาทเลินเล่ออีกต่อไป พลังลมปราณในร่างกายโคจรเต็มอัตรา หอกสามง่ามในมือเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา หลังจากนั้น พลังลมปราณก็พุ่งออกมาจากปลายกระบี่เป็นรูปทรงของมังกรสามหัวแยกเขี้ยวกางกรงเล็บพุ่งโจมตีเข้าใส่หลินเป่ยเฉิน
เปรี้ยง!
เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ตามมา
“ฟู่…”
มนุษย์หน้ากากแปดรูกระอักเลือดออกมาจากปาก โลหิตฉีดพุ่งเป็นสายในอากาศ ชุดเกราะที่สวมใส่แตกสลาย ตัวคนลอยกระเด็นกลับหลัง บาดแผลจากคมกระบี่กัดกินลงเกือบลึกถึงกระดูกบนหน้าอก
แต่กระบี่เงินในมือของหลินเป่ยเฉินก็ไม่สามารถต้านทานแรงระเบิดได้เช่นกัน กระบี่ของเด็กหนุ่มแตกกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยอยู่ตรงนั้น
เฮ้อ กระบี่เงินธรรมดาเล่มหนึ่งคงไม่สามารถรับมือกับอาวุธวิเศษของผู้มีพลังขั้นเซียนได้อยู่แล้ว
น่าเสียดายที่หลังจากเอาชนะเหลียงหยวนเตาได้สำเร็จ เขาก็เก็บกระบี่สายฟ้าเอาไว้ในแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ และบัดนี้ก็ไม่สามารถนำออกมาใช้งานได้ชั่วคราว
แต่หลินเป่ยเฉินก็พยายามมองโลกในแง่ดี
แม้ว่ากระบี่สายฟ้าจะเป็นอาวุธระดับสูง แต่ก็เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีพลังปราณธาตุสายฟ้า ส่วนพลังปราณธาตุที่เขามีอยู่ในตัว มันเหมาะกับการใช้กระบี่เงินมากกว่า
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็เคลื่อนไหวทันที
เพียงไม่กี่ลมหายใจ กระบี่ยาวในมือของนักรบเผ่าพันธุ์ดาวทะเลที่อยู่ด้านล่างก็มาปรากฏขึ้นในมือของเด็กหนุ่ม หลังจากนั้น เขาก็ใช้กระบี่เล่มนี้พุ่งเข้าไปโจมตีมนุษย์หน้ากากแปดรูต่อเนื่อง
หลินเป่ยเฉินตั้งใจจะใช้จังหวะที่อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บเผด็จศึกให้ได้
นักรบชาวทะเลผู้นี้มีพลังอยู่ในขั้นเซียน ขืนปล่อยให้มีชีวิตรอดต่อไปก็จะเป็นภัยคุกคามต่อนครเจาฮุย ในเมื่อมีโอกาสฆ่า ก็ต้องฆ่าให้เร็วที่สุด
ในระหว่างที่พวกเขาปะทะฝีมือกัน หลินเป่ยเฉินโจมตีอย่างสุดความสามารถ
“อ๊ากกก…” มนุษย์หน้ากากแปดรูผู้ได้รับบาดเจ็บส่งเสียงร้องโหยหวน
แต่ในฉับพลันนั้น บังเกิดลำแสงสีฟ้าครามพุ่งขึ้นมาจากค่ายที่พักของชาวทะเลทางด้านล่าง และลำแสงนั้นก็พุ่งตรงเข้ามาหาหลินเป่ยเฉิน
สัญชาตญาณบอกต่อเด็กหนุ่มว่า…
อันตราย!
เขาควงกระบี่เป็นวงกลม
บังเกิดม่านพลังสายลมก่อตัวขึ้นมาเบื้องหน้าเขา
กำแพงวายุ
เมื่อลำแสงสีฟ้าครามนั้นกระทบเข้ากับม่านพลังสายลม เสียงระเบิดก็ดังกังวาน คลื่นแรงสั่นสะเทือนแผ่กระจายไปรอบบริเวณ
ม่านพลังสายลมสามารถต้านทานการโจมตีของลำแสงสีฟ้าครามได้อย่างหวุดหวิด
หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจ
มันไม่ควรเป็นเช่นนี้สิ
ตามหลักสูตรการเดินเรื่องของนิยายออนไลน์ทั่วไป เมื่อพระเอกได้เลื่อนขั้นพลังขึ้นมาสูงมากกว่าเดิม หลังจากนั้นก็สมควรได้ตบตัวร้ายสักตัวเพื่อแสดงให้เห็นถึงระดับพลังที่แข็งแกร่งมากขึ้น และต่อจากนี้ เขาก็จะได้ฝึกวิชาใหม่ๆ เพื่อเตรียมตัวรับมือกับศัตรูตัวต่อไปไม่ใช่หรือ?
เขานึกว่าตัวร้ายที่ตนเองจะต้องเอาชนะให้ได้ ก็คือมนุษย์หน้ากากแปดรูผู้นี้เสียอีก
แต่ว่า
ยังมีตัวอื่นอยู่อีกอย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความตื่นตกใจ
ทันใดนั้น จอมเวทย์มนุษย์เงือกทั้งแปดตัวก็เริ่มบริกรรมคาถาแปลกประหลาดออกมาอีกครั้ง
ปรากฏคลื่นพลังที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าไหลรินออกมาจากปากของพวกมนุษย์เงือก และคลื่นพลังเหล่านั้นก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์หน้ากากแปดรู
เพียงไม่กี่ลมหายใจ อาการบาดเจ็บของมนุษย์หน้ากากแปดรูก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง
มิหนำซ้ำ พลังลมปราณยังแผ่ออกมาจากร่างกายรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ให้มันได้อย่างนี้สิ!
หลินเป่ยเฉินพยายามตั้งสติ
แบบนี้มันขี้โกงนี่หว่า
แทนที่จะมาสู้กันตัวต่อตัว แต่มนุษย์หน้ากากแปดรูกลับมีผู้ช่วยเหลืออยู่เต็มไปหมด
หลินเป่ยเฉินควงกระบี่บุกเข้าไปโจมตีอีกครั้ง
“อากะ คูลี บาบะ ทาระ!” มนุษย์หน้ากากแปดรูผู้มีพลังระดับเซียนตะโกนออกมาเป็นภาษาของชาวทะเล จากนั้นจึงพุ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินพร้อมกับหอกสามง่ามที่อยู่ในมือ
ในเวลาเดียวกันนี้ จอมเวทย์มนุษย์เงือกก็บริกรรมคาถาต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง ยิ่งช่วยทำให้บรรยากาศการต่อสู้ระหว่างผู้มีพลังระดับเซียนทั้งสองฝ่ายดูมีมนต์ขลังมากยิ่งขึ้น
เสียงสวดมนต์ของจอมเวทย์มนุษย์เงือกดังกังวานทำให้หลินเป่ยเฉินรู้สึกหูอื้อ แต่ถึงจะรำคาญใจอยู่เล็กน้อย เด็กหนุ่มก็ยังโล่งอกที่เสียงสวดเหล่านี้ไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์ลดระดับพลังของเขา ลองถ้าให้พวกมันสามารถโจมตีด้วยเสียงสวดมนต์ได้เมื่อไหร่ นั่นแหละหายนะคงบังเกิดแน่ๆ
ณ ขณะนี้ มนุษย์หน้ากากแปดรูผู้เป็นคู่ต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินนอกจากจะกลับมามีร่างกายแข็งแรงดังเดิมแล้ว พลังลมปราณและพลังการต่อสู้ยังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึงสองเท่า นอกจากนี้ บริเวณด้านหลังแขนซ้ายและแขนขวา ยังมีสิ่งที่คล้ายกับหนวดปลาหมึกงอกยาวออกมาอีกสี่เส้น หนวดปลาหมึกแต่ละเส้นถืออาวุธแต่ละชนิดต่างกันไป แต่มีสิ่งเดียวที่เหมือนกันก็คือพวกมันล้วนโจมตีใส่หลินเป่ยเฉินด้วยความดุดันอำมหิต
ประกายไฟสาดกระจายในอากาศ
…
ณ ใจกลางค่ายที่พักของชาวทะเล
กระโจมหลังใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
ผืนธงที่กำลังโบกสะบัดตามสายลมหนาวอยู่บนยอดกระโจมนั้น เป็นผืนธงที่มีสัญลักษณ์ของราชวงศ์ซีไห่แห่งท้องทะเล
มันเป็นภาพของดอกไม้ทะเลและปะการังนานาชนิดตกแต่งอยู่บนภูเขาไฟใต้ทะเลที่อยู่ในสภาพปะทุเตรียมระเบิด ว่ากันว่านี่คือสัญลักษณ์ที่เป็นภาพแทนของราชวงศ์ซีไห่ได้ดีที่สุด เพราะความน่ากลัวของพวกเขาไม่ต่างไปจากภูเขาไฟใต้ทะเลที่เมื่อระเบิดขึ้นมาเมื่อไหร่ โลกทั้งใบก็จะต้องสั่นสะเทือนโดยทันที
หน้ากระโจมที่พักนั่งไว้ด้วยเด็กสาวอายุประมาณ 13 – 14 ปีผู้หนึ่ง
นางนั่งอยู่บนรถเข็น
หากเกาเฉิงฮั่นมาพบเห็นเรื่องนี้เข้า เขาก็จะต้องตกตะลึงถึงขีดสุด
เพราะผู้บัญชาการรบของชาวทะเลในครั้งนี้ ก็คือเด็กสาวผู้นี้นี่เอง
นางยังดูเด็กมากเกินไป และนางยังเหมือนมนุษย์มากเกินไป
ผิวพรรณของเด็กสาวขาวผ่อง ตาโต จมูกโด่ง คิ้วหนา นับเป็นเครื่องหน้าที่หาได้ยากยิ่งในสายพันธุ์ชาวทะเล การแต่งเครื่องสำอางของนางยิ่งช่วยขับเน้นให้เห็นถึงความงดงามมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะดวงตากลมโตและริมฝีปากแดงชัด ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าเรียวยาวของเด็กสาวโดดเด่นสะดุดตา ก่อเกิดเป็นความรู้สึกเทียบเคียงว่าในบรรดาเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน คงไม่มีใครสามารถเอาชนะนางในด้านของความงามได้อีกแล้ว
“เป็นเขาผู้นี้สินะ?”
เด็กสาวเงยหน้ามองการต่อสู้บนท้องฟ้า มือหนึ่งหมุนวนแหวนที่สวมใส่อยู่บนนิ้วชี้ข้างขวาเล็กน้อย ริมฝีปากบิดตัวเป็นรอยยิ้มยากคาดเดาความหมาย ก่อนที่นางจะกระซิบออกมา “คิดไม่ถึงเลยว่าลูกศิษย์ที่บิดาของข้าภูมิใจนักหนานั้นจะโง่งมถึงขนาดบุกมาที่นี่ด้วยตัวเพียงคนเดียว นักบวชหรง ท่านเคยขึ้นไปสังเกตการณ์บนแผ่นดินใหญ่มาแล้ว ช่วยบอกข้าที เด็กหนุ่มผู้นี้คือมือกระบี่อัจฉริยะผู้นั้นใช่หรือไม่?”
ด้านหลังรถเข็นของเด็กสาว นักบวชหรงยืนก้มหน้าอยู่ในความเงียบ
หญิงชราก้มตัวลงมาด้วยความเคารพและกระซิบตอบว่า “ใช่แล้วเพคะองค์หญิง เด็กหนุ่มผู้นี้ก็คือหลินเป่ยเฉิน มนุษย์ผู้ที่องค์หญิงสาบานว่าจะต้องกำจัดเขาให้จงได้”