เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 804 ทักษะระดับเซียน
ตอนที่ 804 ทักษะระดับเซียน
“เจ้าปิดบังอะไรข้าอยู่หรือไม่?” ดวงตาของเด็กสาวที่กำลังจ้องมองการต่อสู้บนท้องฟ้าหรี่ลงเล็กน้อย มุมปากบิดตัวเป็นรอยยิ้ม “เจ้าเคยบอกว่าหลินเป่ยเฉินมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์เท่านั้น เหตุไฉนบัดนี้เขาถึงมีพลังระดับเซียน?”
นักบวชหรงตอบตัวสั่นเทา “นั่นคือความจริงเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ปิดบังองค์หญิง”
“ถ้าอย่างนั้น…” เด็กสาวเคาะนิ้วมือลงบนที่วางแขนของรถเข็นแผ่วเบาและกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเขาจะสามารถเลื่อนระดับจากยอดปรมาจารย์ขึ้นสู่ขั้นเซียนได้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนจริงๆ หรือ?”
“คือว่า…”
นักบวชหรงไม่รู้จะตอบอย่างไรดี…
ยิ่งหาทางอธิบายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งฟังดูเหมือนคำแก้ตัวมากเท่านั้น
แต่ดูเหมือนว่า… นางเองก็ไม่มีทางอธิบายอื่นแล้วจริงๆ
หรือว่าตอนที่เผชิญหน้ากันก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินได้ปิดบังฝีมือที่แท้จริงของตนเองเอาไว้?
“ขนาดบิดาผู้ต่ำต้อยของข้ายังมีพลังไม่ถึงขั้นเซียนด้วยซ้ำ แล้วลูกศิษย์ของเขาจะสามารถบรรลุขั้นเซียนก่อนหน้าอาจารย์ได้อย่างไร?” ในดวงตาของเด็กสาวปรากฏความเหยียดหยามขึ้นมาวูบหนึ่ง
บิดาของนางเคยถูกผู้คนเรียกขานว่าเป็นเซียนกระบี่
แต่ระดับพลังกลับต่ำต้อยยิ่งนัก
เหอเหอเหอ ช่างมีชีวิตอยู่อย่างไร้ค่า
ดีแต่หลบหลังอยู่มารดาของนางเท่านั้น
หากให้อาศัยความสามารถของบิดา
เขาผู้นั้นจะไปมีปัญญาทำอะไรได้?
เด็กสาวไม่เข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใดมารดาถึงต้องคอยปกป้องบิดาอยู่เสมอ
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
การต่อสู้บนท้องฟ้าทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
มนุษย์หน้ากากแปดรูผู้มีอาวุธเป็นหอกสามง่ามเมื่อได้รับพลังเสริมจากจอมเวทย์มนุษย์เงือกทั้งแปด มันจึงสามารถต่อสู้กับหลินเป่ยเฉินได้อย่างคู่คี่สูสี
เด็กสาวผู้นั่งอยู่บนรถเข็นมีสีหน้าเหมือนกำลังจ้องมองการแสดงฉากหนึ่ง
ดวงตาที่เป็นประกายวิบวาวของนางพลันแผ่รังสีอำมหิตเย็นชา ไม่ต่างจากดวงดาราบนท้องฟ้ายามราตรี และในใจกลางดวงตาของเด็กสาวขณะนี้ ก็เป็นภาพสะท้อนของหลินเป่ยเฉินที่กำลังเปลี่ยนแปลงท่าร่างต่างๆ ซึ่งเด็กสาวก็พยายามจดจำทุกการเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้ให้ขึ้นใจ…
หลังจากนั้น ความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
…
ณ อีกฝั่งหนึ่งของสนามรบ
เกาเฉิงฮั่นและผู้ติดตามยืนสังเกตการณ์อยู่บนกำแพงเมืองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เหงื่อออกท่วมกายด้วยความเป็นห่วงหลินเป่ยเฉิน
เห็นได้ชัดว่าผู้มีพลังขั้นเซียนซ่อนตัวอยู่ในค่ายที่พักของชาวทะเลจริงๆ
โชคดีที่หลินเป่ยเฉินมีความแข็งแกร่งมากพอจึงรับมือได้อย่างไม่มีปัญหา
“แต่ดูเหมือนว่าพวกชาวทะเลจะมีพลังขั้นเซียนมากกว่าหนึ่งคนสินะ” หัวใจของเกาเฉิงฮั่นกระตุกวูบ สัมผัสได้ถึงพลังอันตรายที่คุกคามผ่านผืนฟ้า หากกองทัพชาวทะเลนำผู้มีพลังขั้นเซียนมาด้วยถึงสองคน ถ้าอย่างนั้น เรื่องที่นครเจาฮุยเคยได้เปรียบเพราะมีหลินเป่ยเฉินเพิ่มขึ้นมาอีกคน… มันก็ไม่ใช่ข้อได้เปรียบอีกต่อไป!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เกาเฉิงฮั่นก็อดหวาดเกรงขึ้นมาไม่ได้
โชคดีที่เขายังมีหลินเป่ยเฉินคอยช่วยเหลือ
มิฉะนั้นแล้ว การบุกโจมตีของกองทัพชาวทะเลในครั้งนี้คงทำให้นครเจาฮุยเปลี่ยนสภาพกลายเป็นนรกบนดินอย่างแท้จริง
การค้นพบข้อนี้ยิ่งทำให้เกาเฉิงฮั่นหนักใจมากกว่าเดิม
ว่าแต่ว่าทำไมกำลังเสริมจากวังหลวงจึงยังมาไม่ถึงอีกนะ?
หรือว่าทางวังหลวงจะละทิ้งพวกเขาเสียแล้ว?
คิดได้ดังนั้น เกาเฉิงฮั่นก็ไม่รอคอยอะไรอีก เขาตัดสินใจแสดงฝีมือออกไปทันที
คลื่นพลังแผ่กระจายออกจากร่างกายแม่ทัพใหญ่เปลี่ยนแปลงกลายเป็นเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังจากนั้น มวลพลังงานก็รวมตัวกลายเป็นกระบี่ลำแสงปรากฏขึ้นในมือเกาเฉิงฮั่น และเพียงเขาตวัดกระบี่เพียงวูบเดียวเท่านั้น นักรบชาวทะเลที่วิ่งเข้ามาหากำแพงเมืองจำนวนมากก็ตกตายไปในพริบตาเดียว
โดยเฉพาะเหล่านักรบชาวทะเลที่หลุดรอดเข้ามาอยู่ในพื้นที่เมืองเขตหนึ่งจากช่องว่างของม่านพลังที่อสูรทะเลยักษ์ทำให้เกิดขึ้นมานั้น บัดนี้ พวกมันก็ตกตายไปหมดสิ้นเช่นเดียวกัน
ส่วนสถานการณ์การต่อสู้ที่ด้านล่างกำแพงเมืองก็เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงแล้ว
ด้วยการโต้กลับของหน่วยทหารคนงานขุดเหมืองซึ่งมีเสี่ยวเย่เป็นผู้บังคับบัญชา ในที่สุด พวกเขาก็สามารถยึดคืนพื้นที่หน้ากำแพงเมืองกลับมาได้อีกครั้ง
กลุ่มทหารคนงานขุดเหมืองยืนหยัดรักษาการแข็งแกร่งดั่งภูผา วิกฤตการณ์ของพวกเขาจึงคลี่คลายลง
เกาเฉิงฮั่นไม่ได้บุกโจมตีต่อ แต่จ้องมองไปยังการต่อสู้บนท้องฟ้าระยะไกล
แม่ทัพใหญ่ไม่อยากใช้พลังมากเกินไป เพราะเขาต้องการเก็บพลังของตนเองเอาไว้ช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินยามฉุกเฉิน
ในเวลาเดียวกันนี้ เกาเฉิงฮั่นพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้…
ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินต่อสู้กับเหลียงหยวนเตาอย่างหนักหนาสาหัสแทบเอาชีวิตไม่รอด คงต้องสูญเสียพลังลมปราณไปไม่ใช่น้อย แล้วเหตุไฉนเด็กหนุ่มถึงยังสามารถแสดงฝีมือได้อย่างแข็งแกร่งเช่นนี้อยู่อีก?
…
บนท้องฟ้า
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกถึงความไร้ประโยชน์ของพลังปราณธาตุทองคำเป็นครั้งแรก
จริงๆ เลยเชียว!
ถึงบัดนี้เขาจะมีพลังอยู่ในขั้นเซียน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีระดับพลังไล่เลี่ยกัน และด้วยความที่รู้จักแต่วิชาการต่อสู้จากคัมภีร์ระดับสามดาวเป็นส่วนใหญ่ เขาจึงต้องใช้งานพลังลมปราณเป็นจำนวนมาก เพื่อทดแทนการขาดหายของกระบวนท่าขั้นสูงที่สำคัญ
แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เด็กหนุ่มจะนึกชื่นชมพลังปราณธาตุทองคำเสมอ แต่บัดนี้ เขากลับรู้สึกว่าพลังปราณธาตุทองคำที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายช่างไร้ประโยชน์เสียเหลือเกิน
ในขณะเดียวกันนี้ เพราะว่ามนุษย์หน้ากากแปดรูได้รับพลังเสริมจากจอมเวทย์มนุษย์เงือกทั้งแปด พลังลมปราณในร่างกายของมันจึงอยู่ในอัตราเต็มสูบตลอดเวลา
“คาคูราตะ…” มนุษย์หน้ากากแปดรูส่งเสียงคำรามเป็นภาษาชาวทะเล ก่อนจะพูดเป็นภาษามนุษย์ว่า “เจ้าตายแน่”
เห็นได้ชัดว่ามันรับรู้ได้ถึงระดับพลังที่ลดลงในตัวของหลินเป่ยเฉิน
“ฝันไปเถอะ”
เด็กหนุ่มล่าถอยอย่างรวดเร็ว
โครม!
เขาทิ้งตัวลงไปบนพื้นดิน
ปรากฏว่าเขาทิ้งตัวลงไปยืนอยู่ใจกลางวงล้อมของนักรบชาวทะเลระดับล่างพอดี
“ตายซะ” หลินเป่ยเฉินกระทืบเท้าข้างหนึ่งลงไปบนพื้นดิน
พื้นดินที่จับตัวเป็นน้ำแข็งเกิดรอยแตกร้าว
คลื่นแรงสั่นสะเทือนแผ่กระจายไปไกลกว่าสองลี้ นักรบชาวทะเลระดับล่างที่อยู่ในรัศมีสองลี้พลันตัวระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือดหมดสิ้น
“เจ้าบังอาจเข่นฆ่าชีวิตของชาวทะเล… เพราะฉะนั้น เจ้าต้องตาย!!” มนุษย์หน้ากากแปดรูพุ่งตัวลงมาจากท้องฟ้า
เมื่อมันเห็นว่าหลินเป่ยเฉินเปลี่ยนเป้าหมายจากการต่อสู้กับตนเองบนท้องฟ้า มาเป็นการเล่นงานนักรบชาวทะเลระดับล่างบนพื้นดิน มนุษย์หน้ากากแปดรูจึงเข้าใจว่านี่เป็นโอกาสที่มันจะได้เผด็จศึกหลินเป่ยเฉินเสียที
หอกสามง่ามระเบิดลำแสงสว่างเจิดจ้า อักขระอาคมที่ถูกแกะสลักอยู่บนตัวหอกมีแสงสว่างเป็นประกาย เมื่อโคจรพลังลมปราณเข้าไป เสียงมังกรคำรามก็ดังออกมาจากตัวหอก และในเวลาเดียวกันนั้น คลื่นพลังก็พุ่งออกไปโจมตีใส่หลินเป่ยเฉินด้วยความหนักหน่วงรุนแรง
ครืน!
พื้นดินสั่นสะเทือน
บนพื้นดินเกิดหลุมยุบลงไปขนาดใหญ่หลายสิบวา และบนพื้นดินก็เกิดรอยแตกร้าวเพิ่มขึ้นมาอีกในระยะสองลี้
หมอกควันและฝุ่นผงปลิวว่อนในอากาศ
บัดนี้ แทบทุกคนมองอะไรไม่เห็นอีกแล้ว
“หืม?”
มนุษย์หน้ากากแปดรูผู้มีพลังระดับเซียนลอยตัวอยู่ในอากาศ
หอกสามง่ามในมือของมันกลับมาอยู่ภายใต้ความสงบอีกครั้ง
“อย่าบอกนะว่าโจมตีไม่โดน แล้วผู้คนอยู่หนใด?” ดวงตาสีเขียวปัดภายใต้หน้ากากแปดรูเป็นประกายระยิบระยับด้วยความพิศวง และดวงตาของมันก็สามารถสำรวจมองรอบทิศทางได้ราวกับกล้องวงจรปิด ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นทักษะพิเศษเฉพาะตัวของมัน บัดนี้ มนุษย์หน้ากากแปดรูกำลังพยายามตามหาว่าหลินเป่ยเฉินอยู่หนใด
เมื่อสักครู่ มันมั่นใจในการโจมตีของตนเองมาก
เพราะจำนวนพลังลมปราณในร่างกายเด็กหนุ่มลดลงแล้ว
เมื่อเผชิญเข้ากับกระบวนท่าหอกสามง่ามมังกรคำรามของมัน หลินเป่ยเฉินย่อมไม่มีทางต้านทานได้แน่นอน
แต่คำถามก็คือ บัดนี้หลินเป่ยเฉินอยู่ที่ไหน?
ถูกระเบิดร่างกายแหลกเละไปเสียแล้ว?
หรือว่าสามารถหลบหนีได้สำเร็จ?
บนท้องฟ้า จอมเวทย์มนุษย์เงือกทั้งแปดตัวยังคงบริกรรมคาถาไม่หยุด รอบร่างกายของพวกมันปกคลุมด้วยม่านพลังหนาแน่น ซึ่งมนุษย์หน้ากากแปดรูสร้างเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้หลินเป่ยเฉินลอบเข้าไปโจมตีได้สำเร็จ
…
ณ ค่ายที่พักของชาวทะเล
ภายใต้เสาธงยอดกระโจม
“หืม?”
ดวงตาของเด็กสาวกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “หายไปไหนแล้ว?”
ทันใดนั้น หัวใจของเด็กสาวก็กระตุกวูบเมื่อรับรู้ถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามา
“บังอาจนัก!” ความโกรธแค้นทำให้ดวงตาของเด็กสาวกลับมาเป็นประกายสว่างไสวอีกครั้ง นางยกมือขึ้นและหมุนแหวนสีน้ำเงินที่สวมใส่อยู่บนนิ้วกลาง
ลมหายใจต่อมา!
เกิดการระเบิดขนาดใหญ่
แล้วร่างของเด็กหนุ่มในชุดขาวที่มือถือกระบี่ยาวก็พุ่งตรงเข้ามาหาเด็กสาวบนรถเข็นด้วยความเร็วสูงสุด
นักบวชหรงผู้ยืนอยู่ด้านข้างตกตะลึงและรีบถลันกายเข้ามาป้องกันเด็กสาวสุดชีวิต
คมกระบี่จึงฟันเข้าใส่หน้าอกและช่วงท้องของหญิงชรา ตัวของนางลอยกระเด็นออกไป โลหิตเป็นสายไหลทะลัก
การโจมตีของผู้มีพลังระดับเซียนไม่ใช่สิ่งที่นักบวชหรงจะรับมือได้
นางตกกระแทกพื้นอย่างแรง
และเกือบจะในเวลาเดียวกันนี้เอง คมกระบี่ในมือของเด็กหนุ่มก็ตวัดกลับไปที่กลางหน้าผากของเด็กสาว
โลหิตสีแดงสดไหลพลันหยดลงบนพื้นดิน!!