เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 958 ข้าเดาผิด
ตอนที่ 958 ข้าเดาผิด
อะไรนะ?
ถ้าพูดแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับองค์จักรพรรดิของจักรวรรดิเป่ยไห่ด้วยความง่วงเหงาหาวนอนพลันตาสว่างขึ้นมาทันที
“หากองค์จักรพรรดิทรงมอบศิลาบูชาให้กระหม่อมสัก 10,000 ก้อน ก็จะถือเป็นพระคุณมากเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายแวววาวอย่างมีความหวัง
องค์จักรพรรดิระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ “สิ่งที่เจ้าต้องการมีเพียงเท่านี้หรือ?”
เดี๋ยวก่อนนะ?
สิ่งที่เขาต้องการยังน้อยเกินไปอีกเหรอเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินถูมือตนเองด้วยความกระดากอาย “ถ้าอย่างนั้น ขอเป็นศิลาบูชาสักแสนก้อนได้ไหมขอรับ?”
องค์จักรพรรดิ์โบกมือปฏิเสธ “ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้”
หลินเป่ยเฉินชะงักไปเล็กน้อย
“แล้วฝ่าบาทหมายถึงเรื่องใด?” หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความมึนงงสงสัย “นอกจากศิลาบูชาแล้ว กระหม่อมก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกทั้งสิ้น”
“เจ้าลองนึกดูดี ๆ เมื่อสักครู่นี้ ได้นึกถึงครอบครัวของเจ้าบ้างหรือไม่?”
“ครอบครัวของกระหม่อม?”
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก พยายามทบทวนความทรงจำ “ตระกูลหลินของกระหม่อมถูกพระองค์ทรงสั่งฆ่ายกตระกูลหมดแล้วไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
องค์จักรพรรดิขมวดคิ้วนิ่วหน้าขึ้นมาในทันใด
เจ้าเด็กคนนี้พูดจาตรงไปตรงมาขนาดนี้เชียวหรือ?
“เจ้าอยากจะกอบกู้ชื่อเสียงสกุลหลินกลับมาหรือไม่?”
องค์จักรพรรดิไม่มีทางเลือกนอกจากชี้นำว่า “ข้าสามารถแต่งตั้งเจ้าให้เป็นขุนนางนักรบแห่งสวรรค์ และช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลหลินกลับคืนมาได้”
“ไม่สนใจพ่ะย่ะค่ะ”
หลินเป่ยเฉินปฏิเสธโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “ชื่อเสียงเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นภาพมายา”
องค์จักรพรรดิพูดอะไรไม่ออก
ในสมองเกิดภาพอดีตผุดวาบขึ้นมาอีกครั้ง
มันเป็นภาพเหตุการณ์ตอนที่เฉียนเฟยเซวียกลับมาถึงนครหลวงและรายงานข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉิน ซึ่งเฉียนเฟยเซวียรายงานว่าเด็กหนุ่มมีความสามารถพิเศษในการสร้างความรำคาญใจให้แก่ผู้คนได้อย่างยอดเยี่ยม ชนิดที่ว่าหากได้พูดคุยกันเกินสามคำ ก็จะไม่มีผู้ใดอยากสนทนากับหลินเป่ยเฉินอีกต่อไป
วันนั้น องค์จักรพรรดิคิดว่าเฉียนเฟยเซวียมีอคติมากเกินไป
แต่วันนี้ องค์จักรพรรดิได้รู้แล้วว่าการประเมินของผู้ตรวจการเฉียนถูกต้องแม่นยำทุกประการ
“เจ้าไม่อยากกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลหลินจริง ๆ หรือ?”
องค์จักรพรรดิยังคงไม่อยากเชื่อ
ในฐานะบุตรชายของหลินจิ้นหนาน ขุนนางนักรบแห่งสวรรค์คนเก่า มีหรือที่หลินเป่ยเฉินจะไม่สนใจตำแหน่งเดียวกับบิดา?
เรื่องนี้ไร้เหตุผลมากเกินไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินมองหน้าองค์จักรพรรดิพลางตอบว่า “กราบทูลฝ่าบาท ได้โปรดบอกความจริงกระหม่อมมาเถิดว่า บัดนี้ท้องพระคลังทรงมีทรัพย์สินร่อยหรอ ไม่เพียงพอที่จะนำศิลาบูชามาเป็นของรางวัลให้แก่กระหม่อมแล้วใช่หรือไม่?”
องค์จักรพรรดิกะพริบตาปริบ ๆ
ให้ตายสิ!
เจ้าเด็กคนนี้จะพูดจาจริงจังสักหน่อยไม่ได้เชียวหรือ
เมื่อยืนยันจนแน่ใจแล้วว่าหลินเป่ยเฉินไม่ต้องการตำแหน่งขุนนางนักรบแห่งสวรรค์ องค์จักรพรรดิก็เปลี่ยนใจ ก่อนกล่าวว่า “ประเสริฐ ถ้าอย่างนั้นพวกเราพูดคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า…”
พระองค์ท่านทรงยกมือโบกสะบัด
แล้วขันทีชราจางเชียนเชียนที่ยืนอยู่ข้างกายก็นำข้าราชบริพารที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ของตำหนักบริหารเดินออกไปหมดสิ้น
บัดนี้ ในห้องโถงใหญ่จึงเหลือแต่องค์จักรพรรดิกับหลินเป่ยเฉินเพียงสองคนเท่านั้น
ค่ายอาคมบนกำแพงถูกเปิดใช้งาน
ป้องกันเสียงภายในไม่ให้เล็ดลอดออกสู่ภายนอก
บรรยากาศเงียบงันชวนขนลุก
องค์จักรพรรดิ์หันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินและถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า “เจ้าอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับการหายตัวไปของบิดาหรือไม่?”
“ความจริง?”
หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูง “หรือว่าบิดาของกระหม่อมถูกใส่ร้าย?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
องค์จักรพรรดิทรงถอนหายใจ “แต่มันก็เป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาดเหลือเกิน”
“หืม? แปลกประหลาดอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความสงสัย…
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มจึงนึกขึ้นมาได้ว่าเรื่องราวมันแปลกประหลาดเกินไปจริง ๆ
เขาเดินทางทะลุมิติมาจากโลกอื่น แต่บิดาผู้ให้กำเนิดในโลกนี้กลับหายตัวไปอย่างลึกลับ และไม่เคยมีบทบาทในชีวิตของหลินเป่ยเฉินสักนิดเดียว
นั่นทำให้เด็กหนุ่มแทบลืมไปแล้วว่าตนเองมีบิดา
ทำไมเหตุการณ์ถึงเป็นเช่นนี้ไปได้หนอ?
“ไม่นานหลังจากที่บิดาของเจ้านำกองทัพกลับมาจากสมรภูมิรบ สมาชิกจากกลุ่มพันธมิตรจักรวรรดิส่วนกลางก็ได้ค้นพบข้อมูลที่น่าตกตะลึงเกี่ยวกับบิดาของเจ้า แต่ที่น่าตกตะลึงมากกว่านั้น ก็คือชาติกำเนิดของมารดาเจ้า…”
องค์จักรพรรดิทรงกล่าวระหว่างนึกถึงความหลัง
เมื่อหลินเป่ยเฉินได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเขาก็กระตุกวูบขึ้นมาทันที
เรื่องราวแบบนี้ เด็กหนุ่มย่อมคุ้นเคยดี
นี่คือสิ่งที่สามารถพบได้ทั่วไปจากนิยายในอินเทอร์เน็ต
องค์จักรพรรดิปูเรื่องมาเช่นนี้ หลินเป่ยเฉินก็รู้แล้วว่ามารดาของตนเองต้องมีชาติกำเนิดไม่ธรรมดาแน่นอน
หรือว่ามารดาของเขาจะเป็นเจ้าหญิงจากต่างจักรวรรดิ?
หรือเป็นบุตรสาวของจ้าวสำนักผู้ฝึกยุทธ์ชื่อดังในยุทธภพ?
หรือเป็นนักบวชสาวผู้ที่ถูกเลือกจากวิหารเทพเจ้า?
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เด็กหนุ่มก็ไม่แน่ใจอีกแล้วว่าชาติกำเนิดมารดาตนเองนั้นมาจากไหนกันแน่ แต่ที่รู้ ๆ ก็คือนางคงมาตกหลุมรักกับหลินจิ้นหนาน และหลบหนีมาอยู่กินด้วยกันหลายปีอย่างมีความสุขในจักรวรรดิเป่ยไห่
จนกระทั่งบิดาของเขาได้รับฉายาเป็นถึงเทพเจ้าแห่งสงคราม
แต่สุดท้าย ก็มีผู้คนล่วงรู้สถานะที่แท้จริงของบิดามารดาเขาเข้าจนได้…
การไล่ล่าจึงเกิดขึ้น
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มารดาของเขาต้องเสียชีวิต
ส่วนบิดาของหลินเป่ยเฉินก็ตกอยู่ภายใต้ความอาฆาตแค้น และการหายตัวไปในครั้งนี้ ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับการแก้แค้นกระมัง?
“กระหม่อมเข้าใจแล้ว”
เมื่อสมองของหลินเป่ยเฉินประมวลผลสำเร็จ เขาก็พูดออกมาด้วยความมั่นใจ “บิดาของกระหม่อมไม่ได้หายตัวไป แต่เป็นเขาถูกสังหารโดยกลุ่มคนปริศนา?”
“ไม่ใช่”
องค์จักรพรรดิตอบกลับมาทันที
อ้าว?
ขนาดเขาคุ้นเคยกับพล็อตนิยายออนไลน์หลายร้อยเรื่องยังเดาผิดอีกหรือนี่?
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่รู้ด้วยแล้ว
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจถามออกไปตรง ๆ “ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่ฝ่าบาททรงเรียกว่าความจริงคืออะไรพะย่ะค่ะ?”
“บิดาของเจ้าฉลาดมาก ก่อนเขาจะหายตัวไป บิดาเจ้าได้แอบลักลอบเข้ามาในวังหลวงเพื่อมาพบกับข้า”
องค์จักรพรรดิมองหน้าหลินเป่ยเฉินและกล่าวต่อ “เจ้าทราบหรือไม่ว่ามันหมายถึงสิ่งใด?”
“มันหมายถึงว่าบิดาของกระหม่อมเชื่อใจฝ่าบาท? และบิดาต้องการให้ฝ่าบาทเลี้ยงดูกระหม่อมเป็นอย่างดีหลังจากที่เขาเสียชีวิต?”
หลินเป่ยเฉินพูดออกมาด้วยความมั่นใจอีกครั้ง
องค์จักรพรรดิมีสีหน้าเบื่อหน่าย
เจ้าเด็กคนนี้มีความสามารถในการทำให้ผู้คนรู้สึกอยากเลิกคุยด้วยดีเลิศจริง ๆ
“ในช่วงเวลานั้น ตำหนักของข้ามีการคุ้มกันแน่นหนายิ่งกว่าวังมังกรถ้ำพยัคฆ์ นอกจากมีค่ายอาคมที่เปิดการใช้งานมานานนับร้อยปีแล้ว ก็ยังมีองครักษ์ฝีมือดีอีกเป็นจำนวนมาก แต่บิดาของเจ้ากลับสามารถลอบเข้ามาพบกับข้าได้โดยไร้ปัญหา เจ้าคิดว่าบิดาของตนเองมีพลังอยู่ในขอบเขตใด?”
องค์จักรพรรดิ์โยนคำถามกลับมาที่หลินเป่ยเฉิน
“บางทีบิดาของกระหม่อมอาจจะล่วงรู้เส้นทางในพระราชวังเป็นอย่างดีก็ได้พะย่ะค่ะ?”
หลินเป่ยเฉินว่า
“เป็นไปไม่ได้ เส้นทางในพระราชวังคือความลับระดับสูงสุดของราชสำนัก บิดาของเจ้าเป็นนายทหาร ไม่มีทางล่วงรู้เส้นทางในวังหลวงเด็ดขาด”
ทันใดนั้น องค์จักรพรรดิเริ่มจับทางถูกแล้วว่าตนเองสมควรพูดคุยกับหลินเป่ยเฉินอย่างไร ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจเปิดเผยความลับอย่างตรงไปตรงมา “ระดับพลังของบิดาเจ้า อย่างน้อยก็เป็นผู้มีพลังระดับเซียนขั้นที่สาม”
หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ
นี่บิดาของเขามีพลังแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินย่อมได้ยินมาพอสมควรว่าบิดามีความเก่งกาจเรื่องการต่อสู้ในสนามรบ
แต่ไม่มีใครเคยบอกเขาเลยว่าบิดาเป็นผู้มีพลังระดับเซียน
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นไปได้?
“ฝ่าบาทกำลังจะบอกว่าหลิน… เอ๊ย บิดาของกระหม่อมปิดบังฝีมือที่แท้จริงของตนเองมาตลอดอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินถามเพื่อต้องการคำยืนยัน
องค์จักรพรรดิพยักหน้า ตอบรับว่า “ถูกต้อง ในวันนั้นข้าสัมผัสได้ถึงขอบเขตพลังระดับเซียนจากร่างบิดาของเจ้า ข้ามั่นใจมากว่าบิดาเจ้าปิดบังฝีมือที่แท้จริงของตนเองตลอดมา”
“ถ้าอย่างนั้นเขาพูดอะไรกับฝ่าบาทบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความสงสัย