เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 975 ชุบชีวิต
ตอนที่ 975 ชุบชีวิต
‘ต้นไม้เหล่านี้ยังไม่ตาย’
เมื่อเห็นข้อความของหลินเป่ยเฉินบนพื้นดิน ไป๋เสี่ยวเซียวก็ถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ
พวกมันยังไม่ตายอย่างนั้นหรือ?
แต่ผลและใบของมันรวมถึงเปลือกไม้ต่างก็ร่วงโรยหมดแล้ว
เด็กสาวมั่นใจมากว่าเมื่อต้นไม้มีอาการเช่นนี้ ก็หมายความว่ามันได้แห้งตายไปเรียบร้อยแล้ว
ไป๋เสี่ยวเซียวรู้จักต้นกวนเจี๋ยพวกนี้ดีมากกว่าผู้ใด
แล้วพวกมันจะยังไม่ตายอีกได้อย่างไร?
ชาวเผ่าอีกหลายคนก็เห็นข้อความของเด็กหนุ่มเช่นกัน
พวกเขาจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉินด้วยความสงสัย
ทาสรับใช้จากโลกภายนอกผู้นี้ตั้งใจใช้ข้อความนี้เรียกร้องความสนใจจากทุกคนอย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่อธิบายคำใดอีก
เขาเสแสร้งแกล้งทำเป็นรู้ความลับอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็นำขวดหยกสีเขียวขนาดเล็ก ๆ ออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์
มันเป็นขวดบรรจุน้ำยาวิเศษที่เขาได้มาจากเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
ถึงหลินเป่ยเฉินจะไม่รู้ว่าน้ำยาวิเศษซึ่งมีสรรพคุณช่วยเร่งการเจริญเติบโตของต้นไม้ชนิดนี้ทำขึ้นมาจากสิ่งใด หรือมันมีที่มาที่ไปอย่างไร แต่เขาก็รู้ดีถึงอิทธิฤทธิ์ของน้ำยาขวดนี้ เนื่องจากเคยใช้มันกับต้นไม้ใบหญ้าในค่ายที่พักของผู้อพยพในนครเจาฮุยมาแล้ว และผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าตกตะลึงมากทีเดียว
หลินเป่ยเฉินนำน้ำยาวิเศษในขวดหยกหยดลงไปบนต้นกวนเจี๋ยที่ตายซากต้นนั้นเล็กน้อย
เมื่อน้ำยาถูกหยดลงไป ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น
เปลือกไม้ที่ลอกร่อนและเหี่ยวแห้ง พลันเป็นประกายสีเขียวระยิบระยับ และในทันใดนั้น กิ่งก้านสาขาของพวกมันก็กลับมาปกคลุมด้วยใบไม้เขียวขจี อีกทั้งผลกวนเจี๋ยที่ร่วงโรยก็กลับมางดงามอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง!
สายตาแห่งความสงสัยของชาวเผ่าที่จ้องมองหลินเป่ยเฉินขณะนี้ แปรเปลี่ยนเป็นสายตาแห่งความตกตะลึง
แม้แต่ไป๋เสี่ยวเซียวก็ไม่มีข้อยกเว้น
นางอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากเชื่อ
ใบหน้าสะสวยเต็มไปด้วยความตกตะลึง
แต่ปาฏิหาริย์ไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้
สภาพของต้นไม้ที่เหี่ยวแห้งตายซาก กลับมีเปลือกไม้ชุดใหม่และกิ่งไม้แทงทะลุงอกออกมาออกดอกออกผลเพิ่มเติมมากกว่าเดิมอีกหลายก้าน…
นับดูระยะเวลาที่ใช้ในการชุบชีวิตต้นกวนเจี๋ยต้นนี้ หลินเป่ยเฉินใช้เวลาทั้งสิ้นไม่ถึงสิบลมหายใจด้วยซ้ำ…
เมื่อชาวเผ่าจันทราขาวกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง พวกเขาก็พบว่านอกจากต้นกวนเจี๋ยต้นนี้จะกลับมามีชีวิตอย่างอุดมสมบูรณ์แล้ว มันยังเพิ่มความสูงและมีผลผลิตงอกงามมากกว่าเดิมถึงสองเท่า และผลของพวกมันก็พร้อมให้เด็ดลงมารับประทานได้แล้ว
นี่คือภาพที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง
ต้นไม้กลับมาเขียวชอุ่มอีกครั้ง
กิ่งก้านของมันปกคลุมด้วยผลกวนเจี๋ยสีเขียวมรกตขนาดใหญ่ จำนวนผลงอกงามดกหนา แทบจะทำให้กิ่งไม้หักลงมาเพราะรับน้ำหนักไม่ไหว…
สมาชิกชาวเผ่าจันทราขาวได้แต่หันมองหน้ากัน ร่างกายชาดิกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า บางคนตกตะลึงแทบลืมหายใจ
พวกเขาไม่อยากเชื่อสายตาของตนเอง!
ใบหน้าที่สวยงามของไป๋เสี่ยวเซียวยังคงแสดงออกถึงความตกตะลึงสุดขีด ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้เด็กสาวไม่รู้จะพูดอะไรออกมาอีกแล้ว
อะแฮ่ม
หลินเป่ยเฉินกระแอมไอออกมาเล็กน้อย
คล้ายกับต้องการเรียกร้องความสนใจให้ทุกคนมองมาที่ตนเอง
เพื่อให้ชาวเผ่าไม่ลืมว่าเขาคือผู้สร้างปาฏิหาริย์ครั้งนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ
แน่นอนว่าหลังจากที่หลินเป่ยเฉิน ‘ย้ำเตือน’ ไปเช่นนั้น สายตาของไป๋เสี่ยวเซียวก็จ้องมองเขาสลับกับจ้องมองต้นกวนเจี๋ยที่ถูกชุบชีวิตสลับไปสลับมาอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้ตัว
‘พวกท่านคงเชื่อแล้วกระมัง?’
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าบรรยากาศชักจะอึมครึมมากเกินไปหน่อย ดังนั้น เขาจึงโคจรพลังลมปราณให้ชายเสื้อสีขาวของตนเองพริ้วไสว ก่อนจะเขียนข้อความบนพื้นดินอีกครั้ง
ดวงตาของทุกคนพากันจ้องมองมาที่เขาเป็นจุดเดียว
ไป๋เสี่ยวเซียวสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ นางรีบวิ่งเข้ามาจับมือของหลินเป่ยเฉินและพูดเสียงดังว่า “กีลี บากาลาลาด้า?”
หลินเป่ยเฉินไม่เข้าใจเลยสักคำ
แต่เขาคิดว่าตนเองพอจะเดาความหมายของเด็กสาวได้เล็กน้อย
หลินเป่ยเฉินใช้กิ่งไม้เขียนข้อความบนพื้นดินต่อไป ‘เจ้าคงอยากจะถามว่าข้าสามารถทำได้อย่างไรใช่หรือไม่? ความจริงนั้น ต้นไม้พวกนี้ยังไม่ตาย แต่เพราะพื้นดินขาดสารอาหารมากเกินไป วิญญาณของต้นไม้จึงทำการปกป้องตัวเอง ด้วยการปิดการทำงานทั้งหมดและอยู่ในสภาวะจำศีลเต็มรูปแบบ…’
นี่คือเหตุผลที่แท้จริง
ตอนที่หลินเป่ยเฉินโคจรพลังปราณธาตุไม้เข้าไปในต้นกวนเจี๋ย เขาก็ค้นพบว่าต้นไม้ต้นนี้ไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดา
แต่มันเป็นต้นไม้ชนิดพิเศษ
ดูเหมือนจะมีสติปัญญาและมีความคิดเป็นของตัวเอง
จะเรียกว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่ผิดนัก
แม้ว่าต้นกวนเจี๋ยจะไม่ได้ต้องการสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์อะไรมากมาย แต่ผืนดินของเมืองโบราณแห่งนี้ขาดสารอาหารมากเกินไป พวกมันจึงไม่สามารถทนทานได้อีกแล้ว
เมื่อสารอาหารในพื้นดินมีต่ำเกินขีดจำกัด เจ้าต้นกวนเจี๋ยพวกนี้ก็จะทำการสละกิ่งไม้และผลผลิต รวมถึงเปลือกไม้ของตนเอง เพื่อนำพลังงานทั้งหมดที่เหลืออยู่ไปหล่อเลี้ยงวิญญาณของมันซึ่งอยู่ในรากใต้พื้นดิน และหากพื้นดินกลับมามีสารอาหารเพียงพอเมื่อไหร่ พวกมันก็จะกลับมาเติบโตออกดอกออกผลงอกงามเช่นเดิมอีกครั้ง…
เพราะฉะนั้น สภาพแห้งแล้งของพวกมันที่ทุกคนพบเห็นก่อนหน้านี้ จึงเป็นเพียงการจำศีลของต้นไม้เท่านั้น
พวกมันไม่ได้ตาย
หากระดับสารอาหารในพื้นดินกลับมาเป็นปกติเมื่อไหร่ พวกมันก็จะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงมอบสารอาหารให้พวกมันด้วยการใช้น้ำยาวิเศษสำหรับการเร่งผลผลิตทางการเกษตร ต้นกวนเจี๋ยต้นนี้จึงเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้เอง
ขณะนี้ ผลสีเขียวสดที่งอกงามอยู่เต็มต้น กำลังส่งกลิ่นหอมฉุยในอากาศ
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ เอื้อมมือไปเด็ดลงมาลองรับประทานคำหนึ่ง
กร๊วบ!
กรุบกรอบ ชุ่มฉ่ำ
รสชาติหวานอร่อย ไม่ต่างไปจากแอปเปิ้ลนำเข้าจากต่างประเทศ
นอกจากนี้ หลังจากลองรับประทานผลของมันเข้าไปแล้ว หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกได้ว่ามีมวลพลังแฝงไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากการรับประทานยาบำรุงกำลังชั้นดี
เป็นไปอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย
ที่ชาวเผ่าจันทราขาวรับประทานผลไม้ชนิดนี้เป็นอาหารหลัก ก็เพราะว่าความจริงนั้น พวกมันมีรสชาติอร่อยเช่นนี้เอง!
แต่เนื่องจากพื้นดินขาดแคลนสารอาหารสำหรับการหล่อเลี้ยงต้นไม้ รสชาติของผลไม้ที่ออกมา จึงเลวร้ายอย่างที่หลินเป่ยเฉินเคยได้สัมผัสก่อนหน้านี้
“ถ้ากินผลไม้พวกนี้ทุกวัน ต่อให้เป็นหมูโง่ตัวหนึ่ง ก็สามารถกลายเป็นยอดฝีมือได้แล้ว”
หลินเป่ยเฉินแอบคิดด้วยความประหลาดใจ
เขาเด็ดผลกวนเจี๋ยลงมาจากต้นไม้และแจกจ่ายให้ชาวเผ่าที่ยืนอยู่รอบบริเวณลองรับประทาน
เมื่อบรรดาผู้อาวุโสรับไปกัดกินคำหนึ่ง น้ำตาก็ไหลรินออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจ
พวกเขารู้ถึงตำนานเกี่ยวกับผลกวนเจี๋ย
เหล่าผู้อาวุโสเพียงคิดว่าตำนานก็คือตำนาน หาได้เป็นความจริงไม่ แต่วันนี้เอง พวกเขาก็ได้รู้แล้วว่าตำนานที่ตนเองได้ยินมาคือเรื่องจริงทั้งหมด
ส่วนชาวเผ่าจันทราขาวที่เป็นผู้เยาว์ ต่างก็มีสีหน้าตกตะลึงไม่อยากเชื่อ พวกเขาไม่รู้เลยว่าผลกวนเจี๋ยมีรสชาติอร่อยเช่นนี้ได้อย่างไร
ข่าวแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้า หัวหน้าเผ่าและเหล่าผู้อาวุโสก็ปรากฏตัวขึ้น
เมื่อพวกเขาพบว่าต้นกวนเจี๋ยที่เคยแห้งแล้งตายซากกลับงอกงามเขียวชอุ่มและสูงใหญ่มากกว่าเดิม อีกทั้งยังมีผลสุกงอมพร้อมรับประทาน ทุกคนก็ต้องอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
“เสี่ยวเซียว บอกปู่มาเดี๋ยวนี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่…?”
เสียงพูดอันสั่นเครือของไป๋ซานเยว่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
พวกเขากำลังจัดการประชุมเกี่ยวกับอนาคตของเด็กหนุ่มแปลกหน้า บรรดาผู้อาวุโสภายในเผ่ามีความคิดเห็นแตกต่างกันไป หลายคนต้องการให้หลินเป่ยเฉินอยู่ต่อ หลายคนต้องการให้หลินเป่ยเฉินจากไป ไม่ว่าไป๋ซานเยว่จะออกหน้าช่วยพูดแทนเด็กหนุ่มสักเท่าไหร่ การประชุมก็ยังไม่ได้ข้อสรุปอยู่ดี
และในทันใดนั้น วงประชุมก็ได้รับทราบข่าวแปลกประหลาดจากพื้นที่เพาะปลูก แต่ข่าวที่พวกเขาได้ยินนั้นมันน่าเหลือเชื่อมากเกินไป ทว่า พอมาเห็นด้วยตาของตนเอง หัวหน้าเผ่าและเหล่าผู้อาวุโสก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว…
“ท่านปู่ ท่านลุงหัวหน้าเผ่าเจ้าคะ…”
ไป๋เสี่ยวเซียวรีบอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ ปรากฏชาวเผ่าหนุ่มสาวจำนวนมากรีบวิ่งไปเด็ดผลกวนเจี๋ยลงมารับประทาน
สุดท้าย เมื่อหัวหน้าเผ่าและเหล่าผู้อาวุโสรับรู้ถึงความวิเศษของผลกวนเจี๋ยเหล่านี้ พวกเขาก็หันมาจ้องมองหลินเป่ยเฉินอย่างไม่ละสายตา
“เจ้าสามารถทำได้อย่างไร?”
ไป๋ซานเยว่เดินออกมาข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น แทบจะกุมมือหลินเป่ยเฉินด้วยความซาบซึ้งใจ
หลินเป่ยเฉินคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
ทุกอย่างเป็นไปตามคาด
ถึงเขาจะไม่เข้าใจคำพูดของไป๋ซานเยว่ แต่คุณชายหลินพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังถามอะไร
เด็กหนุ่มยังคงทำเช่นเดิม ตอบคำถามทั้งหมดด้วยการใช้กิ่งไม้เขียนข้อความบนพื้นดิน
เมื่อหัวหน้าเผ่าและเหล่าผู้อาวุโสอ่านข้อความหลายเที่ยว จนแน่ใจแล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องโกหก ร่างกายของพวกเขาก็สั่นเทาด้วยความดีใจสุดขีด
ปรากฏว่าต้นกวนเจี๋ยที่พวกเขาเข้าใจว่าตายแล้ว แท้จริงพวกมันกำลังจำศีลอยู่เท่านั้น
ปริศนาไขกระจ่างแล้ว!
นี่จึงหมายความว่านอกจากเด็กหนุ่มแปลกหน้าจะช่วยเหลือต้นกวนเจี๋ยต้นนี้ได้สำเร็จ เขายังสามารถชุบชีวิตต้นกวนเจี๋ยต้นอื่น ๆ ได้อีกด้วย
“สหายน้อย ไม่ทราบว่าท่านพอจะช่วยต้นอื่น ๆ ได้อีกหรือไม่?”
หัวหน้าเผ่าจันทราขาวเดินเข้ามาประสานมือคำนับหลินเป่ยเฉินด้วยความนอบน้อม ก่อนจะใช้กิ่งไม้ขีดเขียนข้อความบนพื้นดิน
หัวหน้าเผ่าเป็นชายวัยกลางคนอายุราว 40 ปีเศษ
เขามีร่างกายกำยำ ใบหน้าคมคาย คิ้วดกหนา แววตามุ่งมั่น
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าตอบกลับไปโดยไม่ลังเล
เขาขอถังรดน้ำผักจากชาวเผ่า เมื่อเหยาะน้ำยาวิเศษลงไปผสมกับน้ำในถังรดน้ำผักเรียบร้อยแล้ว หลินเป่ยเฉินก็เดินไปรดน้ำตามต้นกวนเจี๋ยที่ตายซากต้นอื่นๆ ทันที
เมื่อรดน้ำลงไปแล้ว อิทธิฤทธิ์ของน้ำยาเพิ่มผลผลิตก็ยังคงน่าตกตะลึงเช่นเคย
ในเวลาเพียงก้านธูปเดียว หลินเป่ยเฉินก็สามารถชุบชีวิตต้นกวนเจี๋ยในพื้นที่เพาะปลูกโดยรอบกว่า 40 ต้นได้สำเร็จ
เมื่อเห็นต้นไม้ที่เคยแห้งแล้งกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ชาวเผ่าจันทราขาวก็กระโดดโลดเต้นและสวมกอดกันอย่างมีความสุข
บรรดาผู้อาวุโสทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะในเวลาเดียวกัน
เด็ก ๆ จับกลุ่มวิ่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้
กลุ่มหญิงชราผู้รับหน้าที่ดูแลต้นกวนเจี๋ยประจำวันนี้ เดินเข้าไปลูบคลำลำต้นของพวกมันด้วยความอ่อนโยน ก่อนที่น้ำตาจะไหลพรากออกมาอย่างมีความสุข
ต้นไม้เหล่านี้ถูกชุบชีวิตกลับคืนมาสำเร็จแล้วจริง ๆ
ไม่เพียงแต่พวกมันจะรอดชีวิตเท่านั้น ต้นกวนเจี๋ยทุกต้นยังสูงตระหง่านมากกว่าเดิม และผลของพวกมันก็ยังมีรสชาติหวานหอมอร่อย ช่วยเสริมสร้างพลังลมปราณอย่างที่ทุกคนไม่เคยคาดหวังมาก่อน
“สวรรค์ทรงเมตตาชาวเผ่าจันทราขาวของพวกเราแล้ว”
“คุณชายจู ท่านคือผู้มีพระคุณของพวกเรา”
“พวกเราชาวเผ่าจันทราขาวจะไม่ลืมบุญคุณของคุณชายจูในครั้งนี้”
“คุณชายจะเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของพวกเรา”
ไม่ว่าจะเป็นชาวเผ่าที่โตแล้วหรือเป็นลูกเล็กเด็กแดงต่างก็มาห้อมล้อมหลินเป่ยเฉินและพูดภาษาที่เขาฟังไม่เข้าใจ แต่ดูจากสีหน้าท่าทางและความตื่นเต้นของทุกคน หลินเป่ยเฉินก็รู้ว่าถ้อยคำเหล่านี้ ไม่พ้นคงต้องเป็นการยกย่องสรรเสริญเขาอย่างแน่นอน!!!