เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 113 ลงมือด้วยตัวเอง (ต้น)
บทที่ 113 ลงมือด้วยตัวเอง (ต้น)
ฉู่จงเทียน ก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันและพูดว่า “ซูอัน ข้าเข้าใจความปรารถนาดีของเจ้าที่พยายามจะยืนหยัดเพื่อตระกูลฉู่ เจ้ามีเจตนาดีอยู่ในใจ แต่… ฮ่า ฮ่าช่างเถอะเจ้าไม่ควรคิดมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ เอาเป็นว่าเจ้าปล่อยให้พวกเรารับมือเองเกี่ยวกับเรื่องการประลองระหว่างตระกูล”
เมื่อพูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไปเช่นกัน และเมื่อดูจากฝีเท้าที่เร่งรีบ ดูเหมือนว่า ฉู่จงเทียน พยายามจะไล่ตามภรรยาของตนให้ทัน
พ่อตาของข้าผู้นี้ช่างเป็นคนที่มีจิตใจดีงามจริง ๆ เขาปฏิบัติกับข้าอย่างดีแม้ว่าข้าจะเป็นคนไม่เอาไหน แต่ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าแท้จริงแล้วเขาแสร้งทำหรือเปล่า เขาเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่กำลังทำให้ข้าตายใจอยู่หรือไม่…
ในไม่ช้า ฉู่ฮวนเจา ก็ลุกขึ้นบ้างและเดินเข้ามา ซูอัน เพื่อพูดคุยกับเขา แต่ก่อนที่นางกำลังจะได้อ้าปากพูดอะไร เสียงของ ฉู่จงเทียน ก็ดังขึ้นมาจากข้างนอก “เจาเอ๋อร์ แม่ของเจ้ากำลังเรียกหาเจ้า!”
“อื้ม!” สีหน้าเบิกบานของ ฉู่ฮวนเจา เปลี่ยนเป็นหดหู่ทันที นางโบกมือลา ซูอัน อย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่จะเดินลากเท้าออกไปอย่างไม่เต็มใจ
“ดูเหมือนว่าเจ้ากับ ฮวนเจา จะเข้ากันได้ดีมากสินะ?” ฉู่ชูเหยียน ถามขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ซูอัน ตอบกลับด้วยรอยยิ้มร่าเริงว่า “ก็ข้าเป็นคนน่าคบหานี่นา”
“…” ฉู่ชูเหยียน
นางจ้องมองเขาครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกจากห้องโถง “ใช่สิ… ข้าควรเตือนเจ้า ผู้ชายไม่ควรสัญญาในสิ่งที่ไม่อาจทำได้ตามที่พูด”
ซูอัน รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับการที่ไม่มีใครในที่นี้เชื่อใจเขาเลยสักคน ชีวิตของเขานี่มันช่างน่าเศร้าโดยแท้
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้และรีบวิ่งตามนางออกไป “ที่รักจ๋า ที่รักจ๋า~”
ฉู่ชูเหยียน หันกลับมาถลึงตาใส่เขาทันทีและกัดฟันกรอด “หุบปาก! ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกข้าแบบนั้น!”
“เจ้าบอกแค่ว่าอย่าเรียกเจ้าว่าภรรยาต่างหาก!” แต่แล้วเมื่อ ซูอัน สังเกตเห็นว่าคิ้วของ ฉู่ชูเหยียน ขมวดจนแทบจะผูกกันได้นั้น ดูเหมือนว่านางสามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ เห็นท่าไม่ดีซูอันจึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “งั้นข้าเรียกเจ้าว่าเหยียนเอ๋อร์แทนดีไหม?”
“…” ฉู่ชูเหยียน ถึงกับต้องนิ่งคิดอยู่นาน ทำไมไอ้ผู้ชายคนนี้ต้องมาเรียกข้าแบบเดียวกับที่พ่อแม่ของข้าเรียกข้าด้วยเนี่ย! แต่ถ้าข้าไม่อนุญาตให้เขาเรียกข้าแบบนี้ เขาก็จะเรียกข้าว่าที่รักต่อไปอีก ข้าควรจะทำยังไงต่อไปดี! ระหว่างที่นางนิ่งคิดอยู่นั้นเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นมาราวกับระฆังช่วยชีวิต“ถ้าเจ้ายังมียางอายเหลืออยู่บ้าง เจ้าก็ควรหยุดส่งเสียงหึ่ง ๆ ข้าง ๆหูของคุณหนูเหมือนแมลงวันได้แล้ว!” เสวี่ยเอ๋อร์ กระโจนออกมาขวางระหว่างพวกเขาสองคน พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ ซูอัน ด้วยสายตารังเกียจ
“ข้าจะคุยกับภรรยาของข้ายังไงมันก็เป็นเรื่องของข้า เจ้าเป็นแค่สาวใช้ไม่มีสิทธิ์มาสอด” ซูอันโต้ตอบกับนางพร้อมกลอกตาด้วยความเหนื่อยหน่าย “แล้วถ้าจะพูดว่าใครน่าไม่อาย เจ้าลองสำรวจตัวเองดูก่อน หลังจากที่เจ้าเปลื้องผ้า ต่อหน้าข้าวันนั้นทุกครั้งที่เจอกันให้หลังเจ้าก็เอาแต่เข้ามาหาข้าตลอดทั้งวันจนแม้แต่ข้ายังรำคาญ เจ้าลองคิดดูดี ๆ ว่าใครกันแน่ที่ไร้ยางอาย”
“เจ้า!” ใบหน้าของเสวี่ยเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับลูกแอปเปิ้ลในทันที เหตุการณ์ในวันนั้นเป็นมลทินที่สุดในชีวิตของนาง แต่ไอ้คนสารเลวผู้นี้ก็ยังยกขึ้นมาพูดอยู่เรื่อย ๆ ตอนนี้ตัวนางโกรธจนแทบอยากจะชักกระบี่ออกมาฟันร่างไอ้คนไร้ยางอายผู้นี้ให้ตาย ๆ ให้รู้แล้วรู้รอดไป
ท่านยั่วยุ เฉียวเสวี่ยอิง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!
“พอได้แล้ว พวกเจ้าสองคนเลิกสร้างความวุ่นวายสักที” ฉู่ชูเหยียน กังวลว่า ชายตรงหน้า จะถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ถ้านางไม่ห้ามศึกน้ำลายในครั้งนี้ก่อนจะหันไปคุยกับซูอัน “แล้วเจ้าเรียกข้าเพื่ออะไร?”
ชายหนุ่ม ชำเลืองมอง เสวี่ยเอ๋อร์ และประเมินความยาวของกระบี่นางอย่างรวดเร็วก่อนจะถอยออกมาสองสามก้าวให้พ้นระยะรัศมีการโจมตีของนาง จากนั้นเขาก็หันคุยกับ ฉู่ชูเหยียน “มีใครบางคนต้องการเอาชีวิตสามีของเจ้า ข้าอยากถามเจ้าว่าเจ้าจะช่วยข้าหรือไม่?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้หัวใจของเสวี่ยเอ๋อร์เต้นไม่เป็นจังหวะทันทีจนแม้แต่ความโกรธของนางที่เคยครุกรุ่นก็พลันหายไปจนหมดสิ้นแทนที่ด้วยอาการตื่นตระหนกแทน นางจ้องไปที่ ซูอัน ด้วยสายตาหวาดระแวงในขณะที่ความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวของนาง
ในทางกลับกัน ฉู่ชูเหยียน อดไม่ได้ที่จะสังเกตว่า ซูอัน หยุดเรียกนางว่า ‘ที่รัก’ แต่ลงเอยด้วยการเรียกตัวเองว่าเป็นสามีของนางแทน “ใครกันที่ต้องการชีวิตของเจ้า?”
ซูอัน ชำเลืองมอง เสวี่ยเอ๋อร์ แวบหนึ่งซึ่งเขาเห็นได้ชัดเจนว่าฝั่งตรงข้ามเผยอาการกังวลออกมาจากนั้น เขาหันกลับมาตอบ ฉู่ชูเหยียนว่า “เป็นสำนักดอกบ๊วย”
“สำนักดอกบ๊วย?” ฉู่ชูเหยียน รู้สึกประหลาดใจ “เจ้าไปสร้างความแค้นอะไรให้กับคนพวกนั้น?”
ซูอัน ยักไหล่และพูดว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน อันที่จริงแล้วคนหน้าตาดีอย่างข้าก็ไม่ควรมีศัตรูเช่นนี้ แต่ไอ้พวกสำนักดอกบ๊วยมันพยายามจะเอาชีวิตข้ามาหลายรอบแล้ว ยกตัวอย่างเช่นเมื่อตอนที่ข้าถูกฟ้าผ่า นั่นก็เป็นฝีมือของดอกบ๊วยสิบสอง”
“เจ้าแน่ใจแน่นะเกี่ยวกับเรื่องนี้?” ตอนนี้สีหน้าของ ฉู่ชูเหยียน เปลี่ยนจากเย็นชากลายเป็นความประหลาดใจโดยสมบูรณ์เรียบร้อย
ซูอันพยักหน้า “ข้าจะโกหกภรรยาของข้าไปทำไมจริงไหม?”
เสวี่ยเอ๋อร์ ที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อได้ยินประโยคนี้นางก็ทนไม่ไหวจนต้องพูดแทรกในทันทีว่า “ไอ้คนไร้ยางอายเอ๊ย! ชาวบ้านข้างนอกเขารู้กันทั่วว่าเจ้ามันปลิ้นปล้อนแค่ไหน เอาแค่คำโกหกของเจ้าเพียงอย่างเดียวก็สามารถเอามาเขียนเป็นหนังสือได้เป็นเล่มแล้ว ถุย มีน่าพูดมาได้ว่าไม่โกหกภรรยาของตัวเอง…” แต่ก่อนที่นางจะได้พูดจนจบประโยค ฉู่ชูเหยียน ก็หันขวับมาจ้องเขม็งที่ เสวี่ยเอ๋อร์ เพราะไม่พอใจในคำว่า ‘ภรรยา’ ที่เสวี่ยเอ๋อร์เผลอใช้ซึ่งทำให้ เสวี่ยเอ๋อร์ ต้องแก้ประโยคอย่างรวดเร็ว “อะ…เอ่อ… ข้าหมายถึงการโกหกคุณหนูมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเจ้าแน่นอน!”
ซูอัน จ้องไปที่ เสวี่ยเอ๋อร์ ด้วยสายตามีเลศนัยและพูดว่า “ไหนเจ้าลองพูดมาตรงนี้สักหน่อยสิว่าทำไมเจ้าถึงต้องขัดข้าทุกครั้ง? หรือว่าเจ้ากลัวว่าข้าจะไม่สนใจเลยต้องใช้วิธีบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้ในการดึงดูดความสนใจของข้า?”
“ข้า…” เสวี่ยเอ๋อร์ เกือบสำลักลมหายใจของตัวเอง เมื่อปรับลมหายใจเป็นปกติได้แล้วนางตะโกนขึ้นทันที “คณหนู โปรดอย่าห้ามข้า ไม่ว่าจะยังไงวันนี้ข้าต้องฆ่าไอ้สารเลวผู้นี้ให้ได้!”
ท่านยั่วยุ เฉียวเสวี่ยอิง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +725!
ซูอัน รีบวิ่งไปหลบหลัง ฉู่ชูเหยียน ทันทีซึ่งในเวลาเดียวกัน เสวี่ยเอ๋อร์ ก็ไล่ตามเขาอย่างไม่ลดละด้วยกระบี่ในมือของนาง “ชูเหยียน เจ้าจะไม่หยุดนางหรือไง? นางพยายามจะฆ่าสามีของเจ้าเชียวนะ!” ซูอัน ร้องลั่นออกมาด้วยสีหน้าสิ้นหวัง พร้อมกันนั้นเขาก็หลบการโจมตีของ เสวี่ยเอ๋อร์ ไปด้วย
ฉู่ชูเหยียน มอง ซูอัน ด้วยสายตาเย็นชา “ถ้าเจ้ายังไม่เลิกแตะร่างกายข้าด้วยมือคู่นั้นอีก ข้าจะเป็นคนสังหารเจ้าแทน!”
ชายหนุ่มรีบ ปล่อยมืออย่างเขินอาย เพราะในระหว่างที่เขาหลบการโจมตีของเสวี่ยเอ๋อร์ อยู่นั้น เขาก็จับร่างกายของ ฉู่ชูเหยียนไปด้วยแสร้งว่าเขาใช้ร่างของนางเพื่อหลบ ซึ่งเขาไม่คิดว่า ฉู่ชูเหยียน จะมองเห็นความตั้งใจของเขาได้รวดเร็วขนาดนี้่