เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 253 ฝูงผีดิบ!
เนื่องจากภูมิประเทศที่ซับซ้อนของหุบเขาทำให้ซูอันและจี้เสี่ยวซีหลบหนีได้ง่ายขึ้นมาก แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังไม่สามารถที่จะสลัดพวกหนูออกได้ ด้วยจำนวนที่มากเกินไปและเนื้อตัวของพวกเขาก็มีกลิ่นเหงื่อเช่นกัน ไม่ว่าพวกเขาจะซ่อนตัวได้ดีเพียงใด พวกหนูก็จะหาพบอย่างรวดเร็วและเรียกหนูทั้งหมดมาล้อมพวกเขาไว้
ในท้ายที่สุดพวกเขาถูกบังคับให้ไปจนมุมและตัดสินใจหาที่หลบภัยบนต้นไม้ใหญ่
น่าเสียดายที่หนูปีศาจขนทองยังสามารถหาพวกเขาเจอได้ในท้ายที่สุด ฝูงหนูกลุ่มใหญ่ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็มารวมตัวกันใต้ต้นไม้ได้ทั้งหมด
พวกมันพยายามปีนขึ้นไปบนลำต้นของต้นไม้ แต่น่าเสียดายที่มีหนูเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่สามารถปีนขึ้นไปได้ ซูอันได้เปรียบจากการอยู่ในที่สูง ทำให้เขาฆ่าหนูที่ปีนขึ้นมาได้อย่างสบายๆ
ราชาหนูปีศาจขนทองก้าวขึ้นไปบนก้อนหินก้อนหนึ่งและเริ่มส่งเสียงจี๊ดแหลม ในไม่ช้าพวกมันก็เลิกปีนต้นไม้ และเริ่มกัดแทะต้นไม้แทน หวังใจว่าเมื่อโค่นต้นไม้แล้ว พวกมันจะกระโจนไปฉีกกระชากคนทั้งสองให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เมื่อได้ยินเสียงแทะไม้จากด้านล่าง ซูอันก็เริ่มตื่นตระหนก “เสี่ยวซี เจ้ามีพิษอะไรที่สามารถฆ่าพวกมันทั้งหมดได้รึเปล่า?”
ยาและยาพิษเป็นเหรียญสองด้าน เมื่อพิจารณาถึงความสามารถของนางในด้านการแพทย์แล้ว นางก็น่าจะค่อนข้างเชี่ยวชาญเรื่องยาพิษด้วยเช่นกัน
“ข้ามีบางอย่างที่ทำได้แบบนั้น” จี้เสี่ยวซีตอบอย่างลังเล
“???’ ซูอัน
เขาแค่ถามด้วยความสิ้นหวัง ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ใครจะไปคิดล่ะว่านางมีอะไรแบบนั้นจริง ๆ ว่าแต่ถ้าเจ้าใช้มันตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เราคงไม่ต้องมาจนมุมอยู่ที่นี่!
จี้เสี่ยวซีเมื่อเห็นว่าซูอันมองมาด้วยสายตาที่สงสัย นางจึงค่อย ๆ อธิบายอย่างสุภาพว่า “ข้าไม่คิดว่าพวกมันทำผิดจนไม่อาจให้อภัยได้ขนาดนั้น จริง ๆ แล้วต้นเหตุมันเป็นเพราะเราเองที่ยั่วยุพวกมันก่อน ดังนั้นข้าจึงรู้สึกผิดที่จะต้องใช้ยาพิษ”
“…” ซูอันถึงกับนิ่งงัน
นางใจดีเกินไป! ข้านึกไม่ออกจริง ๆ ว่านางสามารถเอาชีวิตรอดในโลกที่อันตรายนี้มาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร!
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าต้นไม้ล้มและเราถูกพวกมันกิน?” ซูอันย้อนถาม
จี้เสี่ยวซีลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ข้าไม่รู้ บางทีพวกมันอาจจะถอยกลับไปก่อนก็ได้ แต่ถ้าเรื่องดำเนินไปถึงจุดนั้นจริง ๆ ข้า…ข้าคงไม่มีทางเลือกอื่น…”
ซูอันรู้สึกว่ามันคงจะมากเกินไปที่จะบังคับให้จี้เสี่ยวซีทำสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของนาง ความจริงแล้ว…เรื่องมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นเช่นกัน เขาสามารถใช้ทักษะจ้าววายุหนีจากวงล้อมของกองทัพหนูได้ในทันทีที่ต้นไม้ล้ม
ส่วนที่ว่าพวกเขาจะสามารถหนีจากหนูได้ตลอดไปหรือไม่ เขาจะปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของโชคชะตา
ในระหว่างที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังครุ่นคิด พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าในขณะที่ซากศพของหนูยักษ์ขนสีทองที่ถูกฆ่าตกลงไปบนพื้น เลือดของพวกมันกลับไหลซึมลงสู่พื้นด้วยความเร็วที่ผิดปกติ
ผ่านไปครู่หนึ่ง หนูปีศาจขนทองตัวหนึ่งที่กำลังแทะต้นไม้อยู่ที่โคนต้นกลับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ซูอันรีบมองดูทันทีซึ่งทันใดนั้นเอง เขาก็ได้เห็นว่าจู่ ๆ มีมือกระดูกพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินทะลวงเข้ากลางลำตัวของหนุตัวนั้นจนทะลุหลัง! มันเป็นภาพที่น่าขนลุกทีเดียว!
เหตุการณ์ที่น่าสยดสยองนี้คือจุดเริ่มต้นของการสังหารหมู่ เสียงกรีดร้องของความทุกข์ทรมานของพวกหนูดังก้องไปทั่วหุบเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“ไอ้มือกระดูกพวกนั้นมันบ้าอะไรกัน!” ซูอันรู้สึกตกใจ เขารู้สึกเหมือนกำลังดูหนังสยองขวัญ
“พี่ซู…ข้ากลัว!” จี้เสี่ยวซีซ่อนตัวอยู่ข้างหลังซูอันโดยไม่รู้ตัว นางจับแขนเสื้อของเขาแน่น
“เสี่ยวซีไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” ซูอันปลอบ
เขารู้สึกสับสนกับเหตุการณ์เช่นกัน แต่ความอ่อนแอของสาวงามย่อมเพิ่มความกล้าให้แก่ผู้ชาย เขาไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองแสดงความขี้ขลาดต่อหน้าเสี่ยวซีได้
เขาสังเกตอย่างรอบคอบและในไม่ช้าก็ได้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น
มือกระดูกเหล่านี้พวกมันโผล่ออกมาจากพื้นดิน และไม่ได้จำกัดอยู่แค่บริเวณรอบ ๆ ต้นไม้เท่านั้น แต่อยู่ในทุกที่เท่าที่ดวงตาจะมองเห็นได้
“มันมีกันเท่าไหร่เนี่ย!?” ซูอันกลืนน้ำลาย
ความตื่นตระหนกกลืนกินหนูปีศาจขนทอง เมื่ออยู่ภายใต้การจู่โจมอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ พวกมันยังมีอารมณ์จะแทะลำต้นของต้นไม้ได้ยังไง? พวกมันรีบหนีเอาชีวิตรอดทันที แต่มือกระดูกขาวโพลนต่างพากันโผล่จากพื้นดินคว้าขาของพวกมันเอาไว้!
พวกหนูส่งเสียงร้องด้วยความสิ้นหวัง แต่มือกระดูกเหล่านั้นแม้จะดูเปราะบางจนดูเหมือนอาจจะหักได้ทุกเมื่อ กลับแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงกลัวและไม่อาจสลัดให้หลุดได้ง่ายๆ
ในไม่ช้าเจ้าของมือกระดูกทั้งหลายก็ค่อย ๆ ทยอยผุดขึ้นจากพื้นดิน พวกมันส่วนใหญ่ยังคงมีเนื้อหนังเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งและมีเสื้อผ้าเหลือให้เห็น เพียงแต่เสื้อผ้าของส่วนใหญ่เน่าเปื่อยผุพังจากการถูกฝังไว้นานเกินไป
คงไม่ผิดถ้าจะเรียกพวกมันว่า ‘ผีดิบ!’
ผีดิบจับหนูปีศาจขนทองยกพวกมันขึ้นมาที่ปากและเริ่มกัดกินพวกหนูจนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว ทั่วทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยเสียงร้องที่สิ้นหวังของหนูปีศาจขนทองและเสียงการฉีกขาดของเนื้อพวกมัน
ราวกับว่านี่คือ นรกบนดิน!
แม้แต่ราชาหนูปีศาจขนทองที่ตัวใหญ่ที่สุดก็ยังตื่นตระหนก มันพุ่งชนผีดิบที่อยู่ใกล้ที่สุดลงไปกองกับพื้นเพื่อให้ปล่อยหนูตัวที่มันกัด
ราชาหนูกัดกระดูกนิ้วของผีดิบแตกอย่างไม่ลังเล ไม่นานนักผีดิบก็ได้สูญเสียนิ้วไปหลายนิ้ว
ผีดิบพยายามลุกขึ้น แต่ถูกกดทับด้วยน้ำหนักของราชาหนู ความพยายามของมันจึงไร้ประโยชน์
“จี๊ดจี๊ด!” ราชาหนูส่งเสียงร้องอย่างโกรธจัด บางทีมันอาจกำลังพยายามคุยโม้หรือทวงความยุติธรรมให้กับสหายที่เสียชีวิตของมัน
อย่างไรก็ตาม ไม่นานเสียงแหลมของราชาหนูก็ถูกกลบด้วยเสียงกระแทกที่ดังกึกก้อง
ตู้ม!
ผีดิบอีกตัวเขวี้ยงกระบองไม้ใส่ราชาหนูปีศาจขนทองจนมันกระเด็นไปหลายเมตรก่อนที่จะตกลงไปที่พื้น
“จี๊ด!!!!!”
ราชาหนูผู้โกรธเกรี้ยวโก่งหลังขึ้นและชี้ขนสีทองที่อยู่บนหัวไปที่ผีดิบ
“เวรแล้ว!” ซูอันตื่นตระหนก ราชาหนูนั้นแข็งแกร่งกว่าลูกสมุนของมันอย่างเห็นได้ชัด ขนหนามของมันยาวถึงหนึ่งเมตร และเปล่งประกายสีทองอร่าม พวกมันดูไม่ต่างอะไรกับหอกของทหารรักษาการณ์ตามประตูเมืองเลยด้วยซ้ำ!
ฟิ้ว!…ฟิ้ว!…ฟิ้ว!
ขนหนามพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง ผีดิบที่เชื่องช้าจึงไม่มีทางที่จะหลบได้ มันถูกหนามขนาดยักษ์แทงเข้าอย่างแรง และตรึงร่างของมันไว้กับเนินใกล้ๆ
“จี๊ดจี๊ด!”
ราชาหนูยักษ์ขนทองร้องด้วยความยินดีที่สามารถเอาคืนได้
จี้เสี่ยวซีกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ถ้ามันเล็งขนมาทางนี้ พวกเราอาจตายได้เลยนะนั่น!”
ซูอันพยักหน้าเห็นด้วย เขาไม่คุ้นเคยกับการจำแนกระดับพลังของสัตว์อสูรมากนัก แต่ราชาหนูปีศาจขนสีทองดูเหมือนจะอยู่ในขั้นสุดท้ายของระดับสามหรือไม่มันอาจจะอยู่ในระดับสี่แล้วด้วยซ้ำ!
เขาไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะราชาหนูได้โดยไม่พึ่งกลโกง
ซูอันมองตามไปทันทีและนั่นทำให้เขาเห็นผีดิบที่ถูกตรึงไว้ที่เนินเขาก่อนหน้านี้กลับมาเคลื่อนไหวได้อีกรอบ มันก้มศีรษะลงเหลือบมองที่หน้าอก ทำให้ลูกตาถลนห้อยออกมาจากเบ้าตา ทั้งสองที่มองอยู่รู้สึกถึงความสยดสยองอย่างแท้จริง
จากนั้นมันก็ยื่นมือออกไปและเริ่มถอนหนามออกจากตัวของมันซึ่งในระหว่างนั้นมีของเหลวข้นหนืดลึกลับไหลออกมาจากแผลของมันด้วยเล็กน้อย
มุมปากของซูอันกระตุกไม่หยุด โชคดีที่เขาไม่ได้กินมากเกินไปก่อนหน้านี้ มิฉะนั้นเขาคงจะอาเจียนออกมาจนหมด!
สำหรับจี้เสี่ยวซีนางทนไม่ไหวจนเบือนหน้าหนีไปนานแล้ว…