เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 396 หยุดพูด ข้านึกภาพออกแล้ว!
บทที่ 396 หยุดพูด ข้านึกภาพออกแล้ว!
บทที่ 396 หยุดพูด ข้านึกภาพออกแล้ว!
“ไม่มีใครรู้อายุที่แน่นอนของนาง แต่จากข่าวลือต่าง ๆ นางน่าจะอายุพอจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเราได้”
ฉู่ฮงไฉพูดเหมือนเป็นคนที่รอบรู้เรื่องของชิวฮัวเล่ยมาก ถ้าฉู่อวี้เฉิงไม่รีบตัดบท เขาอาจจะเริ่มร่ายยาวเกี่ยวกับบรรดาชายหนุ่มทาสรักของชิวฮัวเล่ยในเมืองจันทร์กระจ่าง
ซูอันตกตะลึง บุคลิกที่เงียบขรึมและสงวนตัวของชายผู้นี้ ในใจเขากำลังแตกสลาย! ปรากฏว่าชายผู้นี้เป็นแฟนคลับของคณิกาคนหนึ่ง!
“ไปกันก่อนเถอะ หากอยากจะคุยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้จริง ๆ เราค่อยคุยกันระหว่างทางไปก็ได้ ไม่งั้นหากเราไปช้ามากกว่านี้ เราจะไม่สามารถหาที่นั่งได้จริง ๆ” ฉู่อวี้เฉิงพูดพลางลากซูอันและฉู่ฮงไฉด้วยมือข้างละคน
“เดี๋ยวนะ!” ซูอันยังคงลังเลใจ “ชูเหยียนกำลังป่วย แต่เราจะไปหอคณิกากัน…แค่ก ๆ… มันจะดูเหมือนเราไม่มีความรับผิดชอบที่จะออกไปชื่นชมศิลปะในขณะที่นางอยู่ในสภาพคนป่วยแบบนี้หรือเปล่า?”
ฉู่อวี้เฉิงจ้องมองอย่างว่างเปล่า “นางแค่มีปัญหาสุขภาพเล็กน้อยไม่ใช่เหรอ? มีอะไรต้องกังวลอีก?”
“ใช่” ฉู่ฮงไฉสนับสนุน “นางจะดีขึ้นหลังจากพักผ่อนสักสองสามวัน แต่งานชุมนุมคณิกาของชิวฮัวเล่ยมีเพียงครั้งเดียว! จากข่าวลือ แม่นางชิวอาจเลือกใครซักคนเพื่อสานสัมพันธ์กับนางเป็นการส่วนตัว!”
ดวงตาของฉู่ฮงไฉเป็นประกายเจิดจ้าในขณะที่พูดประโยคนี้ เห็นได้ชัดว่าตัวเขาเริ่มจินตนาการว่าตัวเองจะเป็นผู้โชคดีที่ได้รับเลือก
ทางด้านของซูอันก็ยิ้มกว้างเช่นกันเมื่อได้ยินประโยคนี้ “พวกเจ้าพูดถูก ชูเหยียนจะดีขึ้นหลังจากผ่านไปสองสามวัน และเราต้องไปร่วมงานของหญิงคณิกาคนนี้!”
ชูเหยียนที่รัก ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะเป็นเสือผู้หญิง แต่ข้าจำเป็นต้องปิดบังความลับอาการบาดเจ็บของเจ้าเอาไว้! สามีที่แสนดีของเจ้าคนนี้จำเป็นต้องแสร้งทำตัวไร้กังวลติดตามพวกเขาอย่างว่าง่ายเท่านั้น
เฮ้อ…ข้าต้องแสร้งสละความเที่ยงธรรมของตัวเองและต้องจำใจไปเกลือกกลั้วกับเหล่าจิ้งจอกทั้งหลายในหอคณิกาเพื่อเจ้า!
“อาซู ยิ้มกว้างขนาดนั้น เจ้ากำลังคิดอะไรเกี่ยวกับหอคณิกาอยู่ใช่ไหม?” ฉู่อวี้เฉิงตบไหล่ของเขาด้วยฝ่ามืออวบอูม
ซูอันตกใจ “ไม่…ไม่มีอะไร” ชายหนุ่มพูดด้วยความรู้สึกผิด เขามองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสังเกตเห็นท่าทีของตัวเอง จากนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
มีการจัดแจงเตรียมม้าชั้นเลิศเอาไว้หลายตัวแล้วสำหรับพวกเขา ที่หน้าประตูของคฤหาสน์ตระกูลฉู่ เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ชายทั้งหมด จึงไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องนั่งรถม้า
ซูอันพิจารณากลุ่มเล็ก ๆ ของพวกเขา และนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมพาเฉิงโซวผิงมาด้วย เขากำลังจะไปตามเฉิงโซวผิง แต่อีกสองคนรีบหยุดเขาไว้ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด “อาซู เจ้าไม่ต้องวิตกในเรื่องเล็กน้อยพวกนี้!”
“พวกเราพี่น้องเพียงต้องการดื่มอย่างสนุกสนานร่วมกับบรรดาหญิงงาม จะพาลูกน้องไปด้วยทำไม?”
เมื่อสังเกตเห็นปฏิกิริยาที่รุนแรงของทั้งสองคน ซูอันเริ่มสงสัยว่าพี่น้องดีแต่ปากพวกนี้กำลังวางกับดักเขาอยู่หรือไม่?
ชายหนุ่มเตือนตัวเองให้ระมัดระวัง ทว่าเมื่อมาคิดดูอีกที หากเขาตกหลุมพรางไปจริง ๆ ต่อให้มีเฉิงโซวผิงสักพันคนไปด้วยผลลัพธ์มันก็คงไม่แตกต่าง และยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่มองสองคนนี้อย่างละเอียด ก็ได้เห็นความประหม่าในดวงตาของทั้งสอง สิ่งนี้ทำให้เขาบังเกิดความเข้าใจขึ้นในทันที
ชื่อเสียงของเฉิงโซวผิงนั้นโด่งดังมากในฐานะคนปากสว่าง ถ้าสองคนนี้ยอมให้เขาพาเฉิงโซวผิงไปที่หอคณิกา แน่นอนว่าทุกคนในตระกูลฉู่จะต้องรู้เรื่องนี้ด้วยภายในเวลาไม่เกินครึ่งวัน
แม้ว่าการไปเที่ยวหอคณิกาในราชวงศ์โจวจะไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอวดเช่นกัน หากเรื่องที่พวกเขามาชักชวนซูอัน รู้ถึงหูของฉู่จงเทียนหรือฉินหว่านหรู พวกเขาคงจะประสบปัญหาใหญ่
เมื่อพิจารณาถึงปัญหาเหล่านี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ซูอันจึงตัดสินใจที่จะไม่นำเฉิงโซวผิงไปด้วย ดังนั้นทั้งสามคนจึงขึ้นม้าและเร่งเดินทางไปที่หอสุขนิรันดร์
“อีกเรื่อง ข้าสงสัยนิดหน่อย จริงหรือไม่ที่ชิวฮัวเล่ยคนนี้ไม่ได้ขายเรือนร่าง แต่กลับภาคภูมิใจในการให้ความบันเทิงแก่ผู้อื่นด้วยความสามารถทางศิลปะของนาง” ซูอันถามระหว่างทาง
“ใช่ นี่เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วไป ไม่ใช่แค่ในเมืองจันทร์กระจ่าง” ฉู่ฮงไฉดูภูมิใจอย่างยิ่งในขณะที่เขาพูด “เรื่องเล่าเกี่ยวกับความงามของแม่นางชิวได้แผ่ขยายไปทั่ว แม้แต่ผู้คนที่อยู่เมืองใกล้เคียงก็แห่กันมายลโฉมนาง และยิ่งไปกว่านั้น เป็นเพราะนางยังคงยึดมั่นในหลักการอย่างไม่เสื่อมคลาย พวกผู้ชายทั้งหลายจึงยิ่งคลั่งไคล้นางมากกว่าเดิม”
“หอคณิกามีหญิงสาวที่งดงามและมีความสามารถอีกมากมาย แต่พวกเจ้าไม่มีใครชื่นชมพวกนาง ทุกคนพอใจที่จะตะเกียกตะกายอย่างบ้าคลั่งเพื่อผู้หญิงที่ไม่มีใครสามารถครอบครองได้ บอกข้าทีว่าแบบนี้มันฉลาดแล้วเหรอ?” ซูอันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
สีหน้าของฉู่ฮงไฉและฉู่อวี้เฉิงเปลี่ยนไปอย่างไม่เชื่อ…
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฉู่อวี้เฉิงก็หัวเราะออกมา “อาซู แม้ว่าคำพูดของเจ้าจะค่อนข้างหยาบคาย แต่เจ้าก็พูดแทงใจได้ดี! นี่คือธรรมชาติของมนุษย์”
“นอกจากนี้ ใครสามารถยืนยันสำหรับความบริสุทธิ์ของชิวฮัวเล่ยได้? เราแค่ต้องเชื่อนางในเรื่องนี้เหรอ?” ซูอันส่ายหัว “ข้ายังไม่อยากเชื่อเลย หากนางงามดั่งเทพธิดาอย่างที่เจ้าพูดจริง ๆ ไม่มีทางที่นางจะไม่มีมลทินหลังจากใช้ชีวิตหลายปีในหอคณิกา”
ฉู่อวี้เฉิงตกตะลึง “นี่…เรื่องนี้ไม่เคยได้รับการพิสูจน์มาก่อนจริง ๆ”
ใครจะไปพิสูจน์เรื่องนี้ได้? ยิ่งไปกว่านั้น หากมีคนพิสูจน์ได้จริง ๆ มันก็หมายความว่า คนที่พิสูจน์ได้สำเร็จผู้นั้นก็คงไม่พลาดโอกาสพรากความบริสุทธิ์ของนางไปในเวลาเดียวกันไม่ใช่หรือไง?
ฉู่ฮงไฉไม่สามารถซ่อนความไม่พอใจของเขาได้ “น้องซู แม่นางชิวไม่ใช่คนแบบนั้น อย่าพูดเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับนางหรือนำความอับอายมาสู่ชื่อเสียงอันไร้ที่ติของนาง!”
—
ท่านยั่วยุฉู่ฮงไฉสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 168!
—
ชื่อเสียงอันไร้ที่ติ?
ซูอันเกือบสำลัก ขึ้นชื่อว่าคณิกาจะมีชื่อเสียงที่ไร้ที่ติได้ยังไง? ไม่มีทางที่เขาจะเชื่ออย่างนั้น
ชายหนุ่มหัวเราะและพูดว่า “นี่ไม่ใช่การคาดเดาไร้สาระ แต่เป็นการคิดแบบมีตรรกะ ลองคิดตามนะ นางไม่เพียงแต่เป็นสาวงามที่มีเสน่ห์เท่านั้น แต่ยังเป็นสาวงามที่อยู่ในหอคณิกาอีกด้วย เจ้าลองจินตนาการง่าย ๆ ก็ได้ว่ามีดุ้นใหญ่ ๆ หลั่งไหลเข้าไปในหอคณิกาเท่าไหร่ต่อวัน? ยิ่งกว่านั้น นี่คือโลกแห่งการบ่มเพาะ ที่ซึ่งผู้แข็งแกร่งมีชัยเหนือผู้อ่อนแอ หอคณิกาจะสามารถปฏิเสธคำขอได้ยังไง?
“แล้วถ้าขุนนางระดับสูงบางคนเกิดสนใจนางอย่างมาก เขาจะยอมถูกปฏิเสธเพียงแค่ข้ออ้างที่ว่านางไม่ได้ขายเรือนร่างแค่นั้นเหรอ? เขาจะยอมรับได้โดยดีงั้นเหรอว่านางขายแต่ความสามารถทางศิลปะของนาง? คิดว่าคนมีอำนาจอย่างนั้นจะยอมเลิกราแต่โดยดีหรือไง?”
ฉู่ฮงไฉเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและพร้อมที่จะตอบโต้ซูอัน ทว่าเมื่อได้ฟังข้อโต้แย้งนี้ สีหน้าของเขาก็ค่อย ๆ ดีขึ้น นี่เป็นความคิดแบบตรรกะที่สมเหตุสมผลจริง ๆ
เมื่อคิดว่าเทพธิดาที่สมบูรณ์แบบในใจของเขาถูกผลักตกลงไปที่เตียงและคลุกเคล้ากับชายชราไม่รู้ต่อกี่คน เขาก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมากในทันที
ฉู่อวี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะยอมรับในใจกับฝีปากของซูอัน เพราะแค่พูดเพียงชั่วครู่เดียวมันก็ทำให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาทำหน้าราวกับวิญญาณกำลังจะหลุดออกจากร่าง
เมื่อเห็นเช่นนี้เขาจึงรีบกล่าวว่า “เมืองจันทร์กระจ่าง เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ศักดินาของตระกูลฉู่ ท่านลุงดูแลด้วยความเป็นธรรมเสมอมา ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเขาย่อมไม่พอใจหากมีขุนนางคนใดรังแกผู้น้อย ส่วนเจ้าเมืองเซี่ยอี้ ขึ้นชื่อในเรื่องความใจกว้างและสุภาพ ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยที่เขาจะยอมรับพฤติกรรมที่น่าอับอายเช่นนั้นเช่นกัน เมื่อมีทั้งสองคนคอยดูแลเรื่องต่าง ๆ ในเมืองนี้ จะมีใครกล้าทำแบบที่เจ้าว่าอีก”
ซูอันขมวดคิ้วและพูดว่า “นั่นอาจจะจริง แต่ข้าแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้ยังเอามาตัดสินไม่ได้ หากมีใครที่เต็มไปด้วยอารมณ์ตัณหาโดยสมบูรณ์ จะให้ปล่อยวางความต้องการทางกายทั้งหมด…”
ฉู่ฮงไฉยกมือขึ้นปิดหูของเขาและส่ายหัวอย่างดุเดือด “หยุดพูด หยุดพูด! ข้าเริ่มนึกภาพตามแล้ว!”
ฉู่อวี้เฉิงหัวเราะ “แผนของเราคือหาความสนุกใส่ตัวเอง ดังนั้นอย่าพูดถึงสิ่งที่ทำให้เสียความสนุก อาซู เจ้าจะเข้าใจเมื่อเจ้าได้เห็นชิวฮัวเล่ย!”