เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 487 ชายหนุ่มที่มีความคิดแบบเดียวกัน
บทที่ 487 ชายหนุ่มที่มีความคิดแบบเดียวกัน
บทที่ 487 ชายหนุ่มที่มีความคิดแบบเดียวกัน
ในขณะที่เดินไปที่ชั้นเรียนนภา ระหว่างทางซางหลิวอวี้ก็เอ่ยถามซูอันหลายครั้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจิ้งตาน
ซูอันให้คำตอบที่คลุมเครือและไม่ผูกมัดตัวเอง
เขาแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้ ซางหลิวอวี้ยิ้มอย่างอ่อนโยนและไม่กดดันเขาอีก
เมื่อทั้งสองไปถึงชั้นเรียนนภา ซูอันก็เรียกเซี่ยซิว และใช้โอกาสเดียวกันนี้ในการสังเกตด้านในห้องเรียน นี่เป็นอีกวันหนึ่งที่ฉู่ชูเหยียนไม่ได้มาเรียนเช่นเดิม
ส่วนทางด้านเจิ้งตาน นางก็ไม่ได้กลับมาเข้าชั้นเรียนเช่นกัน
“สองคนนี้…เอ่อ…อ…อาจารย์ต้องการพบข้าเพื่ออะไร?” เซี่ยซิวพบว่ามันยากมากที่จะเรียกซูอันว่าอาจารย์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากซูอันเรียกเขาออกจากชั้นเรียนโดยใช้อำนาจในฐานะอาจารย์!
อาจารย์ที่กำลังสอนอยู่ในชั้นเรียนเอาแต่รู้สึกดีใจเมื่อเห็นซางหลิวอวี้ จนเขาไม่ได้สนใจเลยว่าซูอันเข้ามารบกวนการสอนของเขา
ซางหลิวอวี้ยิ้ม “ไม่ใช่ข้าที่ต้องการอะไรจากเจ้า แต่เป็น ซู…ข้าหมายถึง อาจารย์ซู”
ทำไมข้าถึงรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องเรียกเขาว่า ‘อาจารย์’?
เซี่ยซิวจ้องที่ซูอันด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
ซูอันหัวเราะและโอบไหล่ของเซี่ยซิวไว้ “เจ้าไม่จำเป็นต้องทำตัวมากพิธีกับข้าหรอก ตรงนี้ไม่ใช่หน้าชั้นเรียนสักหน่อย! แค่เรียกข้าว่าอาซูก็พอ”
เซี่ยซิวหัวเราะแห้ง ๆ “เอ่อ…ถ้างั้นอาซู ต้องการพบข้าเพื่ออะไร?”
ซูอันตอบกลับทันที “เจ้าเองก็อยู่ด้วยตอนที่ข้าชนะบ่อนโกยเงินและได้รับรางวัลเจ็ดล้านห้าแสนจากสำนักดอกบ๊วยใช่ไหม? ย้อนกลับไปตอนนั้น เหมยเชาฟงได้เขียนตั๋วหนี้ให้ข้า แต่ตอนนี้เนื่องจากเขาได้ล่วงลับไปแล้ว หนี้ที่เขาติดค้างข้าอยู่จึงกลายเป็นปัญหา ดังนั้นสิ่งเดียวที่เหลือให้ข้าทำได้ตอนนี้ก็คือพยายามเข้ายึดทรัพย์สินของเขา ที่ข้ามาหาเจ้าเพราะต้องการความช่วยเหลือของเจ้าสักเล็กน้อย”
“ข้า?” เซี่ยซิวสนใจแค่การไล่ตามสาว ๆ และไม่เคยสนใจเกี่ยวกับขั้นตอนทางการเลยแม้แต่น้อย นับประสาอะไรกับเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขากำลังจะปฏิเสธ แต่ความสนใจก็ถูกดึงดูดโดยซางหลิวอวี้ที่ยืนอยู่ข้างซูอัน “แล้วอาจารย์ซางมาทำอะไรที่นี่กับเจ้า?” เขาถามด้วยความสงสัย
ซูอันกล่าวว่า “แน่นอนว่านางเองก็จะไปช่วยข้าทวงหนี้เช่นกัน”
ดวงตาของเซี่ยซิวเบิกกว้าง “พี่ซูนี่ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ! อาจารย์ซางเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นบุคคลที่มีคุณธรรม และแทบจะไม่ใส่ใจเรื่องทางโลก แต่ตอนนี้ พี่ซูสามารถโน้มน้าวให้อาจารย์ซางช่วยได้นี่มันน่าเลื่อมใสสุด ๆไปเลย!”
ซูอันหัวเราะ “ข้าเป็นผู้ชายที่มากเสน่ห์เจ้าก็รู้!”
เซี่ยซิวไม่ได้ตอบอะไร
หลังจากหยุดคิดชั่วครู่ เซี่ยซิวก็ตกลงที่จะไปกับทั้งสอง แม้ว่าเขาจะไม่ไยดีซูอัน แต่ก็ไม่ต้องการให้ภาพลักษณ์ความเป็นคนมีน้ำใจของตัวเองเสียหายต่อหน้าซางหลิวอวี้
ชายทุกคนในสถาบันจันทร์กระจ่างล้วนอยากสร้างภาพลักษณ์ที่เลิศเลอให้อาจารย์ซางสุดสวยได้เห็นและประทับใจ
แม้ว่าความรู้สึกของเซี่ยซิวที่มีต่อนางจะไม่รุนแรงเท่าคนอื่น แต่การได้อยู่ใกล้ชิดสาวงามก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่ายินดี
การช่วยซูอันจึงเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
“ฮ่า ๆ เจ้านี่มีน้ำใจจริง ๆ!” ซูอันประสานมือคารวะ ชายหนุ่มไม่ได้สนใจว่าทำไมชายผู้นี้ถึงยอมช่วยเหลือ สิ่งที่เขาสนใจคือการทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จลุล่วง
พวกเขาทั้งสามออกจากสถาบันจันทร์กระจ่างพร้อมกับผู้บ่มเพาะกลุ่มเล็ก ๆ
ระหว่างทาง เซี่ยซิวพยายามอย่างเต็มที่ในการสนทนากับซางหลิวอวี้ เพื่อที่จะได้รู้จักนางมากขึ้น
แม้ว่าหลักประจำใจของเขาคือไม่ละทิ้งป่าทั้งหมดเพื่อดอกไม้งามดอกเดียว แต่ซางหลิวอวี้นั้นสวยเกินไป! แม้แต่หลักประจำใจของเขาก็ยังสั่นคลอน
เขายกทุกเหตุผลเพื่อเริ่มบทสนทนากับนาง และพยายามหว่านเสน่ห์ทุกวิถีทาง
แต่โชคไม่ดีที่ซางหลิวอวี้ตอบสนองต่อความพยายามทั้งหมดของเขาด้วยการตอบแบบห้วน ๆ และห่างเหิน
เมื่อรับรู้ถึงทัศนคติของนาง เซี่ยซิวก็ยอมรับความพ่ายแพ้และเปลี่ยนความสนใจไปที่ซูอัน “พี่ซู ความชื่นชมที่ข้ามีต่อเจ้านับวันมีแต่จะมากขึ้น”
“เจ้าชื่นชมข้า? เจ้าชื่นชมข้าทำไม?” ซูอันถามกลับตามสัญชาตญาณ จิตใจของเขายังคงหมกมุ่นอยู่กับการมีปฏิสัมพันธ์กับเจิ้งตาน
“ก็การที่สามารถโน้มน้าวให้อาจารย์ซางมากับเจ้าได้ยังไงล่ะ! แถมเจ้ายังคว้าใจชิวฮัวเล่ยแห่งหอสุขนิรันดร์ได้สำเร็จ! ความสำเร็จครั้งเดียวอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อเกิดขึ้นหลายครั้ง มันย่อมมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน!” เซี่ยซิวมองเขาด้วยสายตาที่คาดหวัง
ซูอันโบกมือ “เจ้าพูดผิดไปเยอะเลย”
“ข้าเนี่ยนะพูดผิด? ยังไง?” เซี่ยซิวถามกลับด้วยความสับสน
“ก็เจ้าพลาดที่จะพูดถึงผู้หญิงคนอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น ฉู่ชูเหยียน ด้วยน่ะสิ!” ซูอันกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
แน่นอนว่าเขาภูมิใจในความสำเร็จของเขา เซี่ยซิวจึงได้แต่กัดฟันกรอดอย่างเงียบ ๆ
บัดซบ! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเก่ง แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องอวดต่อหน้าข้าแบบนี้ก็ได้โว้ย!
“ข้าจะทำอะไรได้?” ซูอันยักไหล่ “เมื่อผู้ชายโดดเด่นเกินไป ต่อให้ไม่ทำอะไร หญิงงามทั้งหลายก็วิ่งเข้าหาอยู่ดี…”
ฟันของเซี่ยซิวลั่นดังเอี๊ยด เขาขบกรามจนปวดไปหมด
ซางหลิวอวี้ที่กำลังฟังการสนทนาของพวกเขา พยายามไม่กลอกตาอย่างเต็มที่
เซี่ยซิวใช้เวลาพอสมควรในการขจัดความขมขื่นของเขา “จริงสิ อาซู เจ้าแต่งเพลงอย่าง ‘ยิ้มเย้ยยุทธจักร’ ได้ยังไง?
ซูอันยิ้ม “ข้าไม่เคยบอกเลยสักครั้งว่าข้าเป็นคนแต่งนะ?”
“อาซู เจ้าถ่อมตัวเกินไปแล้ว” เซี่ยซิวกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ซูอันก็หดหู่เช่นกัน ทำไมไม่มีใครเชื่อข้าเลยเมื่อข้าพูดความจริง?
“น้องเซี่ย เจ้าสนใจดนตรีด้วยงั้นเหรอ?” ซูอันถามกลับ
“จริง ๆ แล้ว ข้าไม่ได้สนใจมันสักเท่าไหร่หรอก” เซี่ยซิวหัวเราะ “ข้าแค่รู้บ้างเล็กน้อยเพื่อเอาไว้จีบหญิง!”
ซูอันจับมือเซี่ยซิว “น้องเซี่ย เจ้านี่ช่างมีความคิดเหมือนกับข้าจริง ๆ!”
ซางหลิวอวี้สูดลมหายใจลึกและพยายามสงบนิ่ง
“ว่าแต่ ในเมื่อน้องเซี่ยไม่สนใจดนตรี ทำไมถึงถามข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้? หรือว่าเจ้าต้องการใช้เพลงนี้เพื่อจีบผู้หญิงด้วย?”
“ไม่ใช่เพื่อจีบผู้หญิง” เซี่ยซิวยิ้มอย่างขมขื่น “พี่สาวของข้าค่อนข้างสนใจเพลงของเจ้า และนางมีหลายสิ่งที่ต้องการจะถามเจ้าเกี่ยวกับ..”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ สีหน้าของเซี่ยซิวก็แข็งค้างเพราะนึกขึ้นได้ว่าซูอันเพิ่งพูดว่ารู้ดนตรีเพื่อจีบผู้หญิงเช่นกัน แต่เมื่อครู่เขากลับพูดถึงพี่สาวของตัวเองว่านางสนใจดนตรีของซูอัน…
เดี๋ยวนะ! นี่ข้ากำลังส่งลูกแกะเข้าไปในถ้ำเสือไม่ใช่เหรอ?
โชคดีที่ซางหลิวอวี้ช่วยเขาให้พ้นจากอาการกระอักกระอ่วนด้วยการขัดจังหวะพวกเขา “อาซู ข้าได้ยินเกี่ยวกับเพลง ‘ยิ้มเย้ยยุทธจักร’ แต่ก่อนหน้านี้เจ้าบอกข้าไม่ใช่เหรอว่าเพลงที่มอบให้ข้าคราวก่อนเป็นเพลงเดียวที่เจ้ารู้จัก?”