เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 798 คำแนะนำของฟู่ซัว
บทที่ 798 คำแนะนำของฟู่ซัว
บทที่ 798 คำแนะนำของฟู่ซัว
ซูอันจมลงไปในห้วงความคิด
จุดประสงค์ของการทดลองนี้เพื่อดูว่าเราจะสามารถแก้ไขวิกฤตของราชวงศ์ซางได้หรือเปล่า…ใช่ไหมนะ?
“ใครมีภูมิปัญญาด้านพิชัยสงครามมากที่สุดในอาณาจักรของเรา?” ซูอันถาม
ฟู่ซัวตอบกลับ “ย่อมเป็นองค์จักรพรรดิ!”
ซูอันอยากจะตบหัวฟู่ซัวสักป้าบ
“คิดถึงสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเราก่อน! พูดความจริงกับข้าได้แล้ว!”
“ข้ากำลังพูดความจริง ท่านคือจอมทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของราชวงศ์เรา แต่ทว่าขณะนี้แม่ทัพที่ดีที่สุดอันดับสองซึ่งถูกท่านส่งไปจัดการกับเหล่าชาวเชียงได้ถูกสังหารไปแล้ว!” ฟู่ซัวตอบ
ซูอันใช้เวลาในการประมวลผลอย่างเงียบ ๆ
ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าข้าคงจะต้องไปด้วยตัวเองเท่านั้น”
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แล้ว ไม่มีทางเลือกอื่น
ท้ายที่สุดแล้ว ชายหนุ่มก็มีประวัติศาสตร์เป็นพัน ๆ ปีเป็นข้อมูลอ้างอิง และเขาก็เล่นเกมแนววางแผนการรบมามากมายเมื่อชีวิตที่แล้ว ดังนั้นน่าจะมีโอกาสที่ตัวเองจะจัดการกับสถานการณ์นี้ได้
ฟู่ซัวพยายามห้ามปรามเขาอย่างรวดเร็ว “องค์จักรพรรดิของข้า พระองค์ต้องไม่ทิ้งเมืองอินซางไปเด็ดขาด!”
ซูอันตกตะลึง “ทำไม?”
ฟู่ซัวมองเขาด้วยความสับสน “กราบทูลฝ่าบาท พระองค์ลืมไปแล้วหรือว่าขณะนี้พระองค์กำลังเผชิญกับอันตรายอะไรอยู่! พระองค์กำลังพยายามยึดอำนาจกลับคืนมา ซึ่งมันสร้างความไม่พอใจให้กับขุนนางอาวุโสหลายคน ปัญหากำลังก่อตัวทั้งในและนอกเมือง พระองค์จะยังคงปลอดภัยหากอยู่ภายในกำแพงเมืองหลวงนี้ แต่ถ้าออกไปสิ่งเลวร้ายอาจเกิดขึ้นทันที!”
“แล้วเจ้ามีข้อเสนอแนะอะไรให้ข้าบ้าง?” ซูอันถาม
เรื่องนี้น่าปวดหัวจริง ๆ!
เสนาบดีคนนี้ควรจะเป็นคนแนะนำความคิดดี ๆ ให้ข้าไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมตอนนี้กลับยิ่งทำให้ข้ามืดบอดแบบนี้??
หรือว่าชื่อเสียงตามประวัติศาสตร์ของอีกฝ่ายเป็นเรื่องที่กุขึ้น?
ฟู่ซัวมองไปที่เพ่ยเหมียนหมานและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เราอาจแก้สถานการณ์นี้ได้หากองค์จักรพรรดินีเป็นผู้ออกไปบัญชาการรบที่แนวหน้าด้วยตนเองพร้อมกับทัพหลวงที่เหลือ กระหม่อมมั่นใจว่าเราจะไม่แพ้การรบครั้งนี้อย่างแน่นอน! มีคนจำนวนน้อยเกินไปที่เราไว้ใจได้ หากเรามอบความรับผิดชอบนี้ไว้ในมือของใครก็ตามที่มีแรงจูงใจซ่อนเร้น ผลที่ตามมาจะเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม มีเพียงองค์จักรพรรดินีเท่านั้นที่จะไม่ทรยศต่อฝ่าบาท นอกจากนี้ แผนของเราจะยิ่งรัดกุมมากขึ้นหากฝ่าบาทจะทรงอนุญาตให้องค์จักรพรรดินีนำกองทหารชั้นหัวกะทิสามพันนายที่เราได้มาจากแคว้นประเทศราชติดตามไปด้วย ซึ่งเมื่อรวมกับทัพหลวงแล้ว ข้าเชื่อว่าองค์จักรพรรดินีจะสามารถเอาชนะแคว้นเชียงได้อย่างแน่นอน!”
ซูอันหน้าซีดทันทีด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าเพ่ยเหมียนหมานจะต้องต่อสู้ในสนามรบ “ไม่! ไม่ได้เด็ดขาด!”
นี่เป็นเรื่องตลกแบบไหน? ฟู่ห่าวตัวจริงอาจเป็นเทพธิดาแห่งสงคราม แต่ตอนนี้เพ่ยเหมียนหมานสวมหน้ากากฟู่ห่าวและนางเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาเท่านั้น!
อันที่จริง นางเพิ่งครวญครางอยู่ใต้ตัวของเขา นางจะทนต่อความบอบช้ำในสนามรบได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น การทดสอบครั้งนี้แปลกจริง ๆ ยังไม่ทันที่ซูอันจะได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับแคว้นเชียงนี้ แต่อีกฝ่ายกลับสามารถกวาดล้างกองทัพทั้งหมดของราชวงศ์ซางได้ มันจะไม่เป็นการฆ่าตัวตายหรอกหรือที่จะส่งเพ่ยเหมียนหมาน คนที่ไม่เคยทำสงครามมาก่อนไปนำการรบ?
ฟู่ซัวพยายามเกลี้ยกล่อมเขา “ฝ่าบาท กระหม่อมรู้ว่าพระองค์ห่วงใยองค์จักรพรรดินีมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาระแวดระวัง! องค์จักรพรรดินีเคยปราบการจลาจลภายในมาก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าองค์จักรพรรดินีมีขีดความสามารถมากกว่าในการจัดการกับกองทัพ องค์จักรพรรดิของข้า พระองค์ไม่ต้องกังวลไป”
ซูอันไม่ชอบความคิดนี้เลย แต่เขาไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับฟู่ซัวได้
เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ยินยอมฟู่ซัวยังคงพยายามต่อไป “ข้าแต่องค์จักรพรรดิ เราอยู่ในช่วงเวลาสำคัญคาบเกี่ยวความเป็นและความตาย! หากพระองค์ทรงอนุญาตให้พระปิตุลาหรือเชื้อพระวงศ์ของพระองค์คนอื่นเป็นผู้นำกองทัพ ตำแหน่งของพระองค์ในฐานะองค์จักรพรรดิจะเริ่มสั่นคลอนเมื่อพวกเขากลับมาพร้อมกับชัยชนะ!”
ซูอันนิ่งขึง “ทำไมมันถึงจะกลายเป็นแบบนั้น?”
ความลังเลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟู่ซัวเมื่อได้ยินคำถามนี้ “ในราชวงศ์ซางของเรา เมื่อองค์จักรพรรดิเสด็จสวรรคต พระอนุชาหรือพระเชษฐาจะเป็นผู้สืบต่อราชบัลลังก์ ในบางสถานการณ์เท่านั้นที่จะส่งต่อบัลลังก์ไปยังพระราชโอรส”
“ในอดีตผานเกิงย้ายเมืองหลวงมาที่เมืองอิน และเมื่อล่วงลับไปแล้ว บัลลังก์ก็ถูกส่งต่อไปยังเสี่ยวซินผู้เป็นพระอนุชา เมื่อเสี่ยวซินสิ้นพระชนม์ บัลลังก์ก็ถูกส่งต่อไปยังเสี่ยวอี่ผู้เป็นพระอนุชาเช่นกันซึ่งก็คือพระบิดาของพระองค์เอง ตามหลักแล้ว พระบิดาของฝ่าบาทควรจะส่งต่อราชบัลลังก์ให้กับพระอนุชาหรือบุตรชายคนโตของพระอนุชา แต่พระบิดาของฝ่าบาทกลับส่งต่อบัลลังก์นี้ให้กับพระองค์ซึ่งเป็นบุตรชายของตนเอง ซึ่งเรื่องนี้เสร้างความไม่พอใจให้เชื้อพระวงศ์คนอื่น ๆ รวมไปถึงเหล่าขุนนางอาวุโสเป็นอย่างมากจนพวกเขาทั้งหลายพยายามคิดหาโอกาสแย่งชิงบัลลังก์อยู่ตลอด”
ฟู่ซัวถอนหายใจ “หากเรายอมให้คนเหล่านั้นเป็นผู้นำกองทัพและเอาชนะแคว้นเชียง อิทธิพลของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว องค์จักรพรรดิของกระหม่อม พระองค์จะยอมให้เรื่องราวเข้าทางของฝ่ายตรงข้ามเราจริงหรือ? กระหม่อมรู้ว่าองค์จักรพรรดินีมีค่าต่อพระองค์ แต่ถ้าบัลลังก์ของพระองค์ถูกยึด ท้ายที่สุดพระองค์ก็จะไม่มีกำลังพอที่จะปกป้ององค์จักรพรรดินีอยู่ดี”
“กระหม่อมพูดจาก้าวล่วงเกินตัว แต่องค์จักรพรรดินีเป็นดั่งเทพธิดาผู้เลิศเลอ เมื่อพระองค์ตกจากอำนาจ หลายคนอาจเริ่มโลภในตัวพระนาง เมื่อเรื่องเกิดขึ้นมันจะสายเกินไปสำหรับความเสียใจ”
คำอธิบายอย่างรอบคอบของฟู่ซัวทำให้ซูอันเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ฟู่ซัวผู้นี้มีค่าควรแก่สถานะของเขาในฐานะรัฐบุรุษตามประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ความสามารถแยกแยะสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนนั้นน่าชื่นชม หากเป็นพระเจ้าอู่ติงหรือจักรพรรดินีฟู่ห่าวตัวจริงป่านนี้คงเชื่อคำแนะนำของฟู่ซัวอย่างหมดใจไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่ขณะนี้พระเจ้าอู่ติงและจักรพรรดินีฟู่ห่าวตรงหน้าคือซูอันและเพ่ยเหมียนหมาน
ซูอันกำลังคิดหาเหตุผลที่จะหักล้าง แต่เพ่ยเหมียนหมานพูดขึ้นก่อน “ก็ได้ ข้าจะไป!”
“เหมียนหมาน!” ซูอันตกใจ เขาไม่คิดว่านางจะอาสาไปเองแบบนี้
ฟู่ซัวสับสน ทำไมองค์จักรพรรดิตรัสเรียกชื่อองค์จักรพรรดินีเช่นนั้น? ในท้ายที่สุดเขาคิดว่ามันเป็นชื่อเล่นที่องค์จักรพรรดิมอบให้พระนางและปฏิเสธที่จะคิดมากในเรื่องนี้
เพ่ยเหมียนหมานดึงซูอันไปด้านข้างและพูดผ่านการส่งกระแสพลังชี่ว่า “อาซู ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้า แต่เรามาที่นี่เพื่อเอาชนะการทดสอบ มันอาจจะดูปลอดภัยในตอนนี้ที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากซ่อนตัวอยู่ในวังแห่งนี้ แต่มันจะเท่ากับรอความตายอย่างช้า ๆ เท่านั้น เมื่อโอกาสผ่านพ้นไป สถานการณ์ก็จะยิ่งสายเกินแก้”
“ฟู่ซัวผู้นี้ชัดเจนว่าถูกส่งมาโดยการทดสอบเพื่อให้ข้อมูลที่เราต้องการ ข้าคิดว่าเราสามารถเชื่อในสิ่งที่เขาพูดได้ ถ้าข้าไม่สั่งการกองทัพจะมีผลลัพธ์ที่เป็นไปได้สองอย่างเท่านั้น ทางแรกคือแคว้นเชียงจะบุกเข้ามาและนำไปสู่การล่มสลายของราชวงศ์ซาง หรืออีกทางก็คือลุงหรือญาติของเจ้าสักคนจะเอาชนะแคว้นเชียงได้แล้วยึดบัลลังก์ของเจ้า…ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนเราจะล้มเหลวในการทดสอบนี้อย่างแน่นอน”
———————–
0
บทที่ 799 ความได้เปรียบเหนือกว่าเหล่าคนก่อนหน้า
บทที่ 799 ความได้เปรียบเหนือกว่าเหล่าคนก่อนหน้า
ซูอันขมวดคิ้ว “แต่มันอันตรายเกินไป! เจ้าไม่มีประสบการณ์ในด้านการบัญชาทัพ ดังนั้นทุกสิ่งชี้ให้เห็นถึงหายนะหากเจ้าออกไป”
เพ่ยเหมียนหมานยิ้มหวาน “ได้โปรดอย่ามองข้าเป็นแค่เพียงสตรีที่บอบบางไม่เคยเผชิญโลก ข้าได้เผชิญกับความยากลำบากมามากมายในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ อีกทั้งเมื่ออดีตข้าเคยฝึกทหารมาก่อน…”
ซูอันรู้สึกตกใจ “เจ้าเคยเป็นทหารมาก่อนเหรอ?”
เขาหวนนึกถึงเรื่องราวของมู่หลาน หญิงสาวที่แต่งตัวเป็นผู้ชายเข้ากองทัพ
แต่เมื่อดวงตาของซูอันจับจ้องไปที่หน้าอกของนาง เขาก็ปฏิเสธความคิดนี้ทันที ไม่มีทางที่นางจะปลอมตัวแบบนั้นได้!
“ข้าไม่เคยเป็นทหาร แต่ข้าเคยใช้ชีวิตอยู่ในค่ายทหารมาแล้วซึ่งทำให้ข้าได้เรียนรู้มาหลายสิ่ง” เพ่ยเหมียนหมานยิ้ม “ตระกูลเพ่ยเป็นตระกูลที่ทรงพลังในราชวงศ์โจว เรามีอิทธิพลอยู่บ้างในกองทัพ”
นางกล่าวต่อ “ไม่ต้องกังวลไปหรอกอาซู เราผู้บ่มเพาะแสวงหาเส้นทางของตัวเอง และเชื่อว่าทุกสิ่งในโลกนี้มาจากแหล่งกำเนิดร่วมกัน การที่ข้าสามารถมาถึงระดับหกได้ตั้งแต่อายุยังน้อยมันย่อมเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าข้าคืออัจฉริยะเช่นกัน ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะโง่ถึงขนาดไม่สามารถบัญชาการทัพได้ทั้ง ๆ ที่เคยร่ำเรียนมาบ้างก่อนหน้าเมื่อตอนที่ข้าอยู่ในค่ายทหารแล้ว”
เมื่อเห็นความมั่นใจที่ล้นเอ่อของนาง ซูอันก็เตือนตัวเองว่านางไม่ใช่แค่สตรีที่งดงามเพียงอย่างเดียว แต่เป็นอัจฉริยะในด้านการบ่มเพาะ นางเคยประสบกับความยากลำบากและเอาชนะความท้าทายที่ยิ่งใหญ่เพื่อที่จะบรรลุระดับความสำเร็จในปัจจุบันของนาง นางไม่จำเป็นต้องให้ใครมาประคบประหงม
“ข้าขอโทษที่ทำเหมือนดูแคลนเจ้า” ซูอันกล่าวขอโทษ
เพ่ยเหมียนหมานหน้าแดงตอบกลับ “เจ้าเพียงแค่เป็นห่วงข้ามากเกินไปเท่านั้น”
ซูอันหัวเราะเสียงดัง “ถ้าอย่างนั้นข้าขอให้เจ้าประสบความสำเร็จ!”
เพ่ยเหมียนหมานรับคำ “ไม่ต้องกังวล ข้าจะทำภารกิจให้สำเร็จอย่างแน่นอน การทดสอบนี้กำหนดให้ทั้งชายและหญิงต้องมีส่วนร่วม ซึ่งหมายความว่าทั้งคู่จะต้องผ่านการทดสอบของตนเองเพื่อเอาชนะ ดังนั้นเจ้าเองก็ต้องระวังตัวด้วย”
ซูอันพยักหน้า การทดสอบนี้หากฝ่ายหญิงต้องเอาชนะแคว้นเชียงเป็นเงื่อนไข แล้วถ้าอย่างนั้นข้าต้องทำอะไร?
แม้จะไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง เขาก็ไม่สามารถคิดอะไรที่เป็นรูปธรรมได้ ดังนั้นเขาจึงปล่อยเรื่องนี้ไปก่อนและตัดสินใจที่จะช่วยเพ่ยเหมียนหมานในประเด็นของแคว้นเชียง
เขาต้องการช่วยนางให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ราชวงศ์ซางไม่ได้ทิ้งบันทึกทางประวัติศาสตร์ไว้มากมาย และไม่มีบันทึกใด ๆ เลยเกี่ยวกับวิธีที่ฟู่ห่าวเอาชนะแคว้นเชียง
สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้คือให้คำอธิบายคร่าว ๆ เกี่ยวกับภูมิประเทศของซานซีและกานซู่ เพราะเพ่ยเหมียนหมานไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกในมิติลับนี้
ซูอันไม่รู้ว่ามันจะช่วยได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีแผนที่ทางทหารเกี่ยวกับภูมิประเทศโดยละเอียด และมีความรู้เพียงคร่าว ๆ เกี่ยวกับเทือกเขาและแม่น้ำหลายแห่งในพื้นที่เท่านั้น
ฟู่ซัวตะลึงใจ “องค์จักรพรรดิ พระองค์รู้เรื่องเกี่ยวกับแคว้นเชียงมากขนาดนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ! พระองค์เรียนรู้เรื่องนี้จากที่ใดพะย่ะค่ะ?”
ซูอันอับจนถ้อยคำ เขากำลังจะบอกว่าตัวเองได้ส่งคนไปสืบหาข้อมูล แต่ฟู่ซัวเป็นคนสนิท ดังนั้น คำโกหกนี้ย่อมใช้ไม่ได้
ชายหนุ่มจึงใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป “ข้าฝัน และในความฝัน สวรรค์ได้บอกเรื่องนี้แก่ข้า”
ฟู่ซัวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “เหลือเชื่อ ความฝันอันศักดิ์สิทธิ์! ดูเหมือนว่าสวรรค์กำลังช่วยเหลือองค์จักรพรรดิของข้าและปกป้องราชวงศ์ซางที่ยิ่งใหญ่ของข้า กองทัพของเราจะกลับมาพร้อมชัยชนะอย่างแน่นอน!”
ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ ตอนแรกเขากังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับการโกหกนี้ แต่ดูเหมือนว่าผู้คนในยุคนี้เชื่อถือในเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างยิ่งจึงถูกหลอกอย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นฟู่ซัวก็จำเรื่องอื่นได้ “ทว่าฝ่าบาทยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่กระหม่อมต้องแจ้งให้ทราบ เราต้องการให้เจ้ากรมพิธีการอธิษฐานต่อสวรรค์ก่อนที่กองทัพของเราจะออกรบ เจ้ากรมพิธีการเป็นขุนนางเก่า หากพวกเขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกระบวนการนี้ การส่งทัพออกไปรบครั้งนี้อาจไม่ราบรื่นนัก”
ซูอันพ่นลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ “สวรรค์อำนวยพรข้าผ่านความฝัน สวรรค์กำลังปกป้องข้า มาดูกันว่าพวกเขายังกล้าใช้กลอุบายโง่ ๆ เหล่านี้หรือไม่!”
ดวงตาของฟู่ซัวเป็นประกาย “ยอดเยี่ยมนัก! เราสามารถใช้ข้อมูลที่ฝ่าบาทรู้เกี่ยวกับภูมิประเทศเป็นหลักฐานเพิ่มเติมได้ เจ้ากรมพิธีการคงไม่กล้าขัดขวางเราแล้ว และมันยังช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับกองทัพของเราอีกด้วย เรื่องนี้คลี่คลายไปแล้วครึ่งหนึ่ง!”
ความคิดอย่างกะทันหันเกิดขึ้นกับซูอัน “การวาดภาพอาจไม่เพียงพอ มาทำโต๊ะทรายจำลองภูมิศาสตร์ให้ทหารดูกันดีกว่า”
“โต๊ะทรายจำลองภูมิศาสตร์?” ฟู่ซัวสับสน
ซูอันอธิบายแนวคิดของโต๊ะทรายจำลองภูมิศาสตร์ ฟู่ซัวเมื่อฟังจบเขายิ่งรู้สึกตกตะลึง “ฝ่าบาทช่างปรีชายิ่ง ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเทียมได้! เมื่อเราคว้าชัยชนะได้แล้ว เราสามารถใช้ผลงานความสำเร็จนี้ดันให้องค์จักรพรรดินีเข้ารับตำแหน่งเจ้ากรมพิธีการได้อย่างง่ายดาย! ด้วยวิธีนี้ แม้แต่หน้าที่พิธีการเกี่ยวกับสวรรค์จะอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา ฝ่าบาท กระหม่อมเชื่อว่าเป้าหมายของพระองค์จะสำเร็จในไม่ช้า”
เพ่ยเหมียนหมานก็มองมาที่ซูอันเช่นกัน ดวงตาที่สวยงามเต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชม
ผู้ชายคนนี้ทำให้นางประหลาดใจอีกแล้ว! โต๊ะทรายจำลองภูมิศาสตร์เป็นความคิดอันยอดเยี่ยมที่นางไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่สามารถจินตนาการได้อย่างง่ายดายว่ามันมีประโยชน์เพียงใดในการวางแผนการรบ
ซูอันแอบรู้มาว่าทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่นเพียงเพราะเขาเป็นผู้ข้ามมิติ และตัวเองก็คุ้นเคยกับช่วงเวลานี้ของประวัติศาสตร์ซึ่งลบล้างอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้มากมาย
ไม่ว่าผู้เข้าร่วมการทดสอบก่อนหน้านี้จะเก่งกาจเพียงใด พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับราชวงศ์ซาง พวกเขาคงไม่อาจจะผ่านได้แม้แต่อุปสรรคแรกซึ่งคงจะเกิดจากเจ้ากรมพิธีการด้วยซ้ำ นับประสาอะไรจะสามารถเอาชนะแคว้นเชียงได้
หลังจากคุยรายละเอียดเพิ่มเติมอีกหลายอย่างจนหมดสิ้น ฟู่ซัวก็ออกไปเตรียมการ
แต่ทว่าก่อนจากไป ฟู่ซัวแนะนำให้เพ่ยเหมียนหมานตรวจสอบกองทหารชั้นหัวกะทิสามพันนายที่เขานำมาจากแคว้นประเทศราชเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบที่จะเกิดขึ้น
ซูอันก็อยากไปด้วยเช่นกัน แต่ฟู่ซัวเตือนว่าเขาต้องอยู่แต่ในพระราชวังเพื่อไม่เปิดโอกาสให้กับฝ่ายตรงข้ามได้กระทำการใดที่เลวร้าย
เพ่ยเหมียนหมานทำให้เขามั่นใจ “อาซูไม่ต้องกังวล ข้าจะระวังตัว”
ซูอันยอมรับว่าความกังวลของเขาอาจจะมากเกินไปเล็กน้อย เขาต้องเตือนตัวเองว่าก่อนที่เขาจะได้เจอนาง นางคือผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาและเป็นอัจฉริยะที่เฉียบแหลม พวกเขาคุยกันอีกสองสามคำ แล้วเขาก็ปล่อยนางไป
ซูอันหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นว่าฟู่ซัวเต็มไปด้วยความปีติเมื่อเห็นว่าเขายอมตัดสินใจทำตามที่แนะนำ
หากไม่เคยรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับฟู่ซัวว่าเขาภักดีต่อพระเจ้าอู่ติงมากเพียงใด และยังเป็นถึงหนึ่งในเสนาบดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซูอันอาจยังคงกังวลเกินกว่าจะปล่อยให้เพ่ยเหมียนหมานออกไปเพียงลำพัง
ซูอันพอจะเดาได้ถึงสถานการณ์ของผู้เข้ารับการทดสอบก่อนหน้านี้คนอื่น ๆ ที่พยายามทำการทดสอบนี้
หลังจากเข้าสู่โลกในมิติลับที่ไม่คุ้นเคยและพบกับคำแนะนำเช่นนี้ของฟู่ซัว พวกเขาคงจะสงสัยเสนาบดีผู้นี้และปฏิเสธคำแนะนำในทันที หรือไม่ผู้เข้าร่วมทดสอบฝ่ายชายอาจยืนยันที่จะไปกับหญิงสาวของตนแทน ซึ่งทางเลือกดังกล่าวย่อมนำไปสู่จุดจบที่เลวร้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ที่พยายามทดสอบก่อนหน้านี้จะล้มเหลว!