เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 852 เรื่องอื้อฉาว
บทที่ 852 เรื่องอื้อฉาว
บทที่ 852 เรื่องอื้อฉาว
ฉู่ชูเหยียนหันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวังแล้วพูดผ่านกระแสพลังชี่ว่า “ไม่มีใครออกตัวยอมรับว่าอยู่ฝ่ายไหนง่าย ๆ หรอก เราจะรู้ว่าพวกเขาอยู่ในฝ่ายใดผ่านคำพูดและการกระทำในแต่ละวัน”
“แกนหลักของฝ่ายราชันลมปราณควรเป็นตระกูลฉิน ตระกูลอวี้ และตระกูลเพ่ย ตระกูลฉินเป็นตระกูลท่านตาของข้า ยายทวดซึ่งเป็นพี่สาวของท่านตาเป็นแม่ของราชันลมปราณ ในฐานะที่เกี่ยวดองกันทางสายเลือดกับราชันลมปราณ พวกเขาย่อมสนับสนุนราชันลมปราณโดยธรรมชาติ…”
ซูอันเดาะลิ้น ตอนนี้เขาพบว่าตาของภรรยาตนเองเป็นผู้สนับสนุนหลักของราชันลมปราณ แต่แล้วทำไมตระกูลฉู่ถึงกลับยังคงยืนกรานที่จะรักษาความเป็นกลางมาจวบจนทุกวันนี้…?
“ผู้นำของตระกูลอวี้ อวี้เสวียนชงเป็นหนึ่งในสมาชิกของเหล่าขุนนางที่ปรึกษาจักรพรรดิ ตระกูลอวี้ดั้งเดิมทำการค้าหินพลังชี่ซึ่งทำให้พวกเขาเป็นตระกูลที่ร่ำรวยมหาศาล”
ซูอันเลิกคิ้วขึ้นทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ “อวี้เหยียนลั่วกับตระกูลอวี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร?”
เขาจำได้ว่าเขาได้ช่วยอวี้เหยียนลั่วในหุบเขาหลังจากที่มาถึงโลกนี้ได้ไม่นาน ในอดีตนางได้ชื่อว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง นางบอกว่าจะตอบแทนน้ำใจของเขา แต่เขากลับไม่พบนางในเมืองจันทร์กระจ่างหลังจากนั้น นางดูไม่จริงใจเลย!
ข้าขอสาปแช่ง! สาวงามล้วนไม่จริงใจ…
ฉู่ชูเหยียนรู้สึกประหลาดใจ “เจ้ารู้จักอวี้เหยียนลั่วด้วยเหรอ?”
“นางคือสาวงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงเมื่อนานมาแล้วไม่ใช่เหรอ? นางน่าจะมีชื่อเสียงอยู่แล้ว ข้ารู้เรื่องของนางมันแปลกตรงไหน?” ซูอันพูดอย่างร้อนตัว
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนแดงก่อนจะพ่นลมหายใจ “ผู้ชายอย่างเจ้านี่มันไม่ต่างจากสุกรเลย!”
ในที่สุดนางก็รู้ว่าเหตุใดแม่ของนางจึงมักมีอารมณ์พุ่งพล่านนักทุกครั้งที่พ่อของนางพูดถึงอวี้เหยียนลั่ว
อย่างไรก็ตาม นางยังคงพูดต่อไปว่า “อวี้เหยียนลั่วมาจากตระกูลอวี้ซึ่งคนในตระกูลทุกคนต่างมีรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ พวกเขาเป็นตระกูลที่คนจำนวนมากต้องการอยากจะได้เป็นคู่ครอง โดยเฉพาะอวี้เหยียนลั่ว นางโดดเด่นที่สุดในตระกูลอวี้…”
ซูอันโอบแขนรอบเอวอันอ่อนนุ่มและลูบแก้มของนางอย่างอ่อนโยน “ข้าไม่คิดว่าตระกูลอวี้จะพิเศษขนาดนั้น ผู้หญิงของตระกูลฉู่งดงามกว่ามาก”
ฉู่ชูเหยียนรู้ว่าเขากำลังชมเชยนาง นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุข แต่ไม่มีทางที่นางจะยอมรับออกมาตรง ๆ “เจ้าอาจไม่พูดอย่างนี้ถ้าเจ้าเคยเห็นอวี้เหยียนลั่วด้วยตาตัวเอง หลังจากที่ท่านพ่อเห็นนางครั้งหนึ่ง เขาไม่เคยลืมนางเลยตั้งแต่นั้นมา…”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยเห็นนางมาก่อนสักหน่อย…” ซูอันพึมพำเสียงเบา
เมื่อชายหนุ่มนึกถึงการพบกันครั้งแรกของพวกเขา เขาต้องยอมรับว่านางงดงามจนน่าทึ่ง
ฉู่ชูเหยียนไม่ได้ยินที่เขาพึมพำและกล่าวต่อว่า “ตระกูลเพ่ยมีสองสาขาหลัก สาขาแรกมีเพ่ยเจิ้งเป็นผู้นำและเขาก็เป็นปู่ของเหมียนหมานด้วย”
“เขาเป็นปู่ของเหมียนหมาน” ซูอันมองเพ่ยเจิ้งในแง่ดีมากขึ้นทันที
ฉู่ชูเหยียนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ลังเล “เรื่องราวอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิดไปทั้งหมด เจ้าไม่ควรมองเขาในแง่ดีมากเกินไป”
นางกล่าวต่อ “อีกสาขาหนึ่งนำโดยเพ่ยหมิง เขามีสถานะเป็นอ๋องและยังเป็นหัวหน้าขุนนางที่ปรึกษาหลวง สาขาของเพ่ยเจิ้งเป็นผู้สนับสนุนราชันลมปราณอยู่แล้วแน่นอน แต่ความจงรักภักดีของเพ่ยหมิงนั้นคลุมเครือมากกว่ามาก แต่โดยรวมแล้วตระกูลควรจะเอนเอียงไปทางฝ่ายของราชันลมปราณ
“ส่วนทางด้านของฝ่ายจักรพรรดิ เท่าที่ข้ารู้นั้นมีตระกูลหยางและตระกูลเหมิง เช่นเดียวกับอ๋องเหลียง เจ้าได้พบกับอ๋องเหลียงและคนของตระกูลหยางแล้ว เหมิงจิงผู้นำของตระกูลเหมิงเป็นหนึ่งในแปดอ๋อง เหมิงอี้*[1] ลูกชายของเขาคือหัวหน้าขุนนางที่ปรึกษากลาง…”
“ลูกชายของเขาชื่ออะไรนะ?” ซูอันถามด้วยความตกใจ
“เหมิงอี้ เจ้ารู้จักเขาอย่างนั้นเหรอ?” ฉู่ชูเหยียนรู้สึกสับสน
ซูอันถอนหายใจ นี่คือเหมิงอี้เลยนะ! ใครบ้างไม่เคยได้ยินชื่อนี้? คนตระกูลเหมิงคิดอย่างไรเมื่อตั้งชื่อนี้ให้ลูกชายตัวเอง!
ฉู่ชูเหยียนไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่และพูดต่อ “เหมิงอี้มีลูกสาวคนหนึ่งซึ่งแต่งงานกับองค์ชายรอง”
“องค์ชายรอง?”
“น้องชายของรัชทายาท รัชทายาทมีน้องชายหลายคน เจ้าได้พบกับอ๋องอู๋ในเมืองแผ่นฟ้าอุดรแล้ว เขาเป็นหนึ่งในนั้น”
“อา…อ๋องอู๋ ข้าจำผู้ชายคนนั้นได้” ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ ไม่เพียงแต่เขาจำได้เท่านั้น แต่เขายังประทับใจชายผู้นั้นอย่างลึกซึ้งอีกด้วยที่ทำให้เขาคุ้นเคยกับฮูหยินอู๋มากขึ้น
ฉู่ชูเหยียนจ้องมองเขา แก้มของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ? เจ้ากำลังคิดอะไรลามกอยู่หรือเปล่า?”
ใบหน้าของซูอันร้อนขึ้น เขาอายเกินกว่าจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับฮูหยินอู๋จึงเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “ใช่ ๆ ในเมื่อรัชทายาทมีน้องชายมากมาย และน้องชายทั้งหมดก็ดูฉลาดมาก ทำไมจักรพรรดิยังยืนกรานที่จะแต่งตั้งรัชทายาทงี่เง่านั่นขึ้นมา?”
พิจารณาจากการเคยเจอกับอ๋องอู๋ นอกเหนือจากบุคลิกที่ดูแปลก ๆ ของอีกฝ่าย อ๋องอู๋ผู้นี้ดูฉลาดและมีความสามารถมากกว่าคนทั่วไปมาก เขามีคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งรัชทายาทมากกว่าอย่างแน่นอน สำหรับรัชทายาทคนปัจจุบัน แม้ว่าทุกคนลังเลที่จะพูดถึงแต่เห็นได้ชัดว่าเป็นแค่คนโง่เง่าคนหนึ่ง
ฉู่ชูเหยียนตอบกลับ “ข้าคิดว่าจริง ๆ องค์จักรพรรดิก็ปรารถนาให้ลูกชายคนที่…ปกติ…คนอื่นของเขาเป็นรัชทายาท แต่ในความเป็นจริงมันทำไม่ได้ ข้าแน่ใจว่าเจ้าคงคุ้นเคยกับเรื่องราวเกี่ยวกับองค์จักรพรรดิและราชันลมปราณ ทั้งสองคนไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด จักรพรรดิองค์ปัจจุบันนั้นถูกพระปิตุลาของพระองค์รับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งพระปิตุลาขององค์จักรพรรดิคนปัจจุบันนั้นคือองค์จักรพรรดิองค์ก่อนผู้ล่วงลับ ส่วนราชันลมปราณคือบุตรแท้จริงของจักรพรรดิองค์ก่อน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการเมืองในตอนนั้นยังสับสน และเนื่องจากราชันลมปราณยังเด็กเกินไป จักรพรรดิองค์ปัจจุบันจึงได้ขึ้นครองราชย์ ซึ่งอันที่จริงแล้วราชันลมปราณมีคุณสมบัติที่จะสืบราชบัลลังก์เช่นกัน”
“ขณะนี้เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าองค์จักรพรรดิทรงได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับชนต่างเผ่าในสมัยก่อน ดังนั้นเวลาของพระองค์จึงมีจำกัด ในขณะเดียวกันราชันลมปราณนั้นเฉลียวฉลาดและมีความสามารถมากและเหล่าเสนาบดีหลายคนเชื่อว่าบัลลังก์ควรส่งต่อไปให้ราชันลมปราณ แต่จักรพรรดิทรงประสงค์จะมอบบัลลังก์ให้พระโอรสของพระองค์เอง และทางเดียวที่พระองค์จะทรงทำได้คือปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมโบราณซึ่งก็คือการส่งต่อบัลลังก์ไปให้กับองค์ชายใหญ่ซึ่งเกิดจากจักรพรรดินี ถ้าข้ามไปเลือกคนอื่น การเลือกผู้สืบราชบัลลังก์จะกลายเป็นการแข่งขันด้านคุณสมบัติเพื่อสืบทอดราชบัลลังก์ทันที หากเป็นเช่นนั้นองค์ชายในปัจจุบันองค์ใดจะสามารถเทียบกับราชันลมปราณได้…”
“นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ถึงแม้องค์จักรพรรดิจะรู้ว่ารัชทายาทค่อนข้างไม่เหมาะสม แต่พระองค์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแต่งตั้งให้องค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาท”
ซูอันรู้สึกสับสน “แล้วองค์ชายที่ไร้ความสามารถแบบนี้จะสามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้เหรอ? จักรพรรดิองค์ปัจจุบันไม่กลัวว่าทั้งอาณาจักรของเขาจะล่มสลายภายใต้การปกครองของจักรพรรดิองค์ต่อไปหรืออย่างไร?”
ฉู่ชูเหยียนอธิบายว่า “แม้ว่าองค์รัชทายาทจะไม่ฉลาด แต่ก็ไม่โง่เขลาจนน่าระอา ด้วยปัญญาชนคนสนิทที่คอยช่วยเหลือมากมาย การออกว่าราชการจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และองค์รัชทายาทเองก็มีทายาทเช่นกัน แม้ว่าทายาทขององค์รัชทายาทจะยังมีอายุน้อยอยู่ แต่ก็ไม่มีปัญหาเรื่องสติปัญญาเหมือนกับผู้เป็นพ่อ ปัญหาต่าง ๆ ในอนาคตจะถูกแก้ไขได้เมื่อบัลลังก์ถูกส่งผ่านไปอีกทอด”
ซูอันรู้สึกตกใจ “ข้าได้ยินมาว่ารัชทายาทเพิ่งจะอภิเษกสมรสเมื่อไม่นานนี้เอง นี่เขามีลูกชายแล้วเหรอ?”
ฉู่ชูเหยียนหน้าแดง นางพูดอย่างเงียบ ๆ ว่า “ทายาทไม่ได้เกิดจากพระชายา ย้อนกลับไปในตอนนั้นจักรพรรดิทรงกังวลว่ารัชทายาทจะไม่…ไม่ประสีประสากับความเป็นไปของโลก ดังนั้นจึงพระราชทานนางสนมในวังหลวงที่งดงามให้ ต่อมานางสนมคนนี้ก็ตั้งท้อง แต่เนื่องจากนางไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งใด ๆ นางจึงกลับไปที่วังชั้นในเพื่อมีพระประสูติกาล”
ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ “เด็กคนนี้กำเนิดจากน้ำเชื้อขององค์รัชทายาทที่โง่เขลาหรือของจักรพรรดิกันแน่? นางสนมพระราชทานจะกลับไปอยู่ในวังชั้นในได้อย่างไร? นี่เป็นเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่อย่างแน่นอน!”
*[1] เหมิงอี้ คือหนึ่งในแม่ทัพของราชวงศ์ฉินที่ถูกประหารตายไปหลังจากองค์จักรพรรดิจิ๋นซีสวรรคต