เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 921 นี่ข้าจะเสียแขนจริง ๆ เหรอ?
บทที่ 921 นี่ข้าจะเสียแขนจริง ๆ เหรอ?
บทที่ 921 นี่ข้าจะเสียแขนจริง ๆ เหรอ?
คนอื่น ๆ ออกไปหลังจากได้รับคำสั่ง ดังนั้นทั้งพื้นที่จึงเหลือเพียงซูอันและจูเซี่ยฉือซินที่ยังคงอยู่ในห้อง
จักรพรรดิมองจูเซี่ยฉือซิน “เจ้าจับสตรีนางนั้นได้หรือเปล่า?”
หัวใจของซูอันเต้นผิดจังหวะ เขารู้ว่าจักรพรรดิกำลังพูดถึงอาจารย์ของชิวฮัวเล่ย
จูเซี่ยฉือซินส่ายหัว
“กระหม่อมไร้ความสามารถ สตรีนางนั้นลึกลับยิ่งนัก นางไม่ทิ้งร่องรอยใดเอาไว้เลย กระหม่อมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขณะนี้นางออกจากวังไปแล้วหรือไม่พะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิยิ้มอย่างน่าประหลาด “ผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้บ่มเพาะระดับปราชญ์ ดังนั้นแล้วต่อให้นางบาดเจ็บสาหัส มันก็ไม่ง่ายนักหรอกที่เจ้าจะจับนางได้ อย่างไรก็ตาม ประตูเมืองก็ถูกปิดแล้ว ข้าแน่ใจว่านางยังไม่ได้ออกจากเมืองหลวง เจ้ายังคงต้องรับผิดชอบในการตามหานาง”
“เข้าใจแล้วพะย่ะค่ะ” จูเซี่ยฉือซินทำความเคารพ
จักรพรรดิกล่าวต่อ “เจ้าเฉียบแหลมมาก ที่สามารถระบุได้ว่านางเป็นใครจากการต่อสู้ช่วงสั้น ๆ”
จูเซี่ยฉือซินกล่าวว่า “สตรีคนนั้นใช้กระบี่บินในตอนแรกและต่อสู้ด้วยความแข็งแกร่งของระดับปรมาจารย์ ซึ่งอาจเป็นเพราะนางไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน แต่เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีของฝ่าบาท นางจึงจำใจต้องใช้อาวุธที่แท้จริงของนาง ซึ่งทำให้กระหม่อมรู้ว่านางเป็นใครพะย่ะค่ะ”
“อาวุธที่นางใช้คือกงล้อจันทร์เสี้ยว นางเป็นผู้บ่มเพาะธาตุแสงที่สามารถชะลอเวลาได้ สิ่งเหล่านี้แสดงตัวตนของนางในฐานะประมุขสำนักมารอวิ้นเจียนเยว่”
หัวใจของซูอันเริ่มเต้นแรง บัดซบ! นางถูกเปิดโปงแล้ว! อุบายที่ชิวฮัวเล่ยและคนอื่น ๆ วางแผนที่จะโยนความผิดให้ฝ่ายราชันลมปราณใช้ไม่ได้ผล ไม่เพียงเท่านั้น ราชสำนักยังอาจทุ่มสุดตัวเพื่อปราบปรามสำนักมาร…ไม่ใช่เรื่องดีเอาซะเลย…
จักรพรรดินิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าบอกเรื่องนี้กับคนอื่นหรือเปล่า?” ในที่สุดเขาก็ถาม
“กระหม่อมทราบถึงความสำคัญของเรื่องนี้และไม่ได้บอกผู้อื่นพะย่ะค่ะ” จูเซี่ยฉือซินตอบอย่างเร่งรีบ
จักรพรรดิพยักหน้า “ดี เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พูดถึงมันอีก”
แม้ว่าจูเซี่ยฉือซินจะสับสนเล็กน้อย เขาไม่ได้สอบถามเพิ่มเติม แต่ยอมรับคำสั่งของจักรพรรดิ “เข้าใจแล้วพะย่ะค่ะ!”
ซูอันตกตะลึง เกิดอะไรขึ้น? อาจารย์ของชิวฮัวเล่ยอาจเป็นถ่านไฟเก่าของจักรพรรดิหรือไง? ไม่สิ ถ้านางเป็นอดีตคนรักของเขา เขาควรจะรู้ว่านางเป็นใครทันทีหลังจากการปะทะกันครั้งนั้น
“เจ้าไปได้แล้ว! ซูอัน เจ้าเข้ามา!” เสียงที่ไม่แยแสของจักรพรรดิดังออกจากกระจก
“พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” จูเซี่ยฉือซินมองซูอันอย่างประหลาดใจก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็วและปิดประตูไล่หลังเขา
จักรพรรดิมองซูอัน “ข้าได้ยินมาว่าวันนี้เจ้ากอดองค์หญิงรัชทายาท?”
แม้ว่าขณะนี้ซูอันจะอยู่ต่อหน้ากระจกเท่านั้น แต่แรงกดข่มที่กระทำต่อซูอันทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น “ฝ่าบาท กระหม่อมอยู่ในสถานการณ์วิกฤตจึงต้องทำอย่างนั้นเพื่อช่วยองค์หญิงรัชทายาท…”
สายตาของจักรพรรดิเย็นชา เขาไม่ปล่อยให้ซูอันพูดจบ “เจ้าใช้แขนข้างไหนกอดนาง? ตัดมันทิ้งซะ!”
ซูอันเกือบจะล้มทั้งยืนด้วยความตกใจ
เขาคิดว่าจักรพรรดิปล่อยให้เขารออยู่เป็นคนสุดท้ายเพราะต้องการให้รางวัลเป็นการส่วนตัว เขารอคอยอย่างมีความสุขว่าจักรพรรดิจะมอบรางวัลอันสมควรแก่เขาในการช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมากในวันนี้ แต่สุดท้ายทำไมเรื่องมาลงเอยที่แขนของเขาได้?
ขนทั้งร่างของซูอันชี้ตั้ง สัญชาตญาณกระตุ้นให้เขาหนีไป แต่เขาบังคับตัวเองให้สงบลง แม้จักรพรรดิจะพูดผ่านกระจก แต่การฆ่าเขานั้นย่อมไม่ใช่เรื่องยากเมื่อพิจารณาจากระดับการบ่มเพาะของจักรพรรดิ
ซูอันสูดหายใจเข้าลึกและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่ยุติธรรมพะย่ะค่ะ! กระหม่อมไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้!”
“ข้าเป็นจักรพรรดิ ข้าต้องรอให้เจ้าเห็นชอบเวลาข้าจะทำอะไรหรืออย่างไร?” จักรพรรดิตอบอย่างเย็นชา
ซูอันพูดไม่ออกชั่วขณะก่อนจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว “จักรพรรดิทรงประสงค์ที่จะบรรลุความเป็นอมตะตลอดชั่วอายุ กระหม่อมไม่เชื่อว่าฝ่าบาทต้องการให้ประวัติศาสตร์จดจำพระองค์ในฐานะทรราชหรอกพะย่ะค่ะ”
ฮึ่ม! เจ้าสามารถพูดได้ว่า เจ้าไม่สนใจสิ่งที่ข้าคิดหรือสิ่งที่คนอื่นคิด แต่ไม่มีทางที่เจ้าจะไม่สนใจว่าคนรุ่นหลังจะคิดอย่างไรกับเจ้า!
ดวงตาของจักรพรรดิหรี่ลง “หลายปีแล้วที่ไม่มีใครพูดกับข้าแบบนี้!”
น้ำเสียงของซูอันกลายเป็นเคารพอย่างยิ่งในทันที “กระหม่อมไม่ได้พยายามที่จะล่วงเกินฝ่าบาท วันนี้เกิดการลอบสังหารในพระราชวัง อย่างแรก กระหม่อมช่วยชีวิตจักรพรรดินีไว้ในวังไร้พิพาท จากนั้นก็รีบไปที่วังตะวันออกและช่วยทั้งรัชทายาทและองค์หญิง ในบรรดาผู้ที่ทำความดีความชอบทั้งหมดในวันนี้ กระหม่อมต้องอยู่ในสามอันดับแรกแน่นอน ถ้าฝ่าบาทไม่ทรงประสงค์จะประทานรางวัลแก่กระหม่อมก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่พระองค์กลับสั่งให้กระหม่อมตัดแขนตัวเอง ถ้ากระหม่อมเผลอโพล่งเรื่องนี้ออกไปเพราะความโศกเศร้า กระหม่อมหวังอย่างยิ่งว่าฝ่าบาทจะทรงเข้าใจและละเว้นโทษตายในอนาคตให้”
จักรพรรดิหัวเราะกึกก้อง “เจ้านี่มีเล่ห์เหลี่ยมดี! ก็ได้ ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ทำงานชดใช้ความผิดเพื่อที่เจ้าจะได้ไม่รู้สึกคาใจหากเจ้าถูกโทษประหารจากข้า”
“ชดเชยความผิดของกระหม่อม?” ซูอันรู้สึกสับสน การที่ข้าช่วยเมียและลูกของเจ้าเป็นความผิดที่ต้องความดีชดเชยอย่างนั้นหรือ?
“ช่วยข้าจัดการสองเรื่อง” จักรพรรดิกล่าวต่อ “เมื่อสำเร็จแล้ว ไม่เพียงแต่ข้าจะยกโทษให้ในการกระทำผิดของเจ้าต่อองค์หญิงรัชทายาท ข้ายังจะให้รางวัลแก่เจ้าอย่างงามอีกด้วย แต่ถ้าเจ้าล้มเหลว ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้ผลที่จะตามมาดีอยู่แล้ว”
“เรื่องอะไรหรือพะย่ะค่ะ?” ซูอันรีบถาม แค่กอดองค์หญิงรัชทายาทถือเป็นการกระทำผิด? แล้วสิ่งที่ข้าทำกับจักรพรรดินีล่ะ? ข้าจะให้เขารู้เรื่องนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นข้าคงถูกทรมานจนตาย!
“เรื่องแรกคือการสอบสวนว่าพวกนักฆ่าสามารถเล็ดลอดผ่านการป้องกันของทหารราชองค์รักษ์เข้ามาในวังได้อย่างไร?” จักรพรรดิตอบ
ซูอันรู้สึกประหลาดใจ “ฝ่าบาท ทำไมพระองค์ไม่มอบหมายงานนี้ให้แม่ทัพกองพลซ้ายหรือกองพลขวาล่ะพะยะค่ะ?”
จักรพรรดิจ้องมองเขา “พวกเขามีภารกิจสอบสวนในส่วนของตัวเองแล้ว ส่วนเจ้าก็สอบสวนในส่วนของเจ้า เจ้ามีปัญหาอะไรนักกับคำสั่งของข้า?”
ซูอันตัวสั่น “ไม่มีพะย่ะค่ะ” ดูเหมือนว่าจักรพรรดิไม่ไว้ได้วางใจแม่ทัพซ้ายและขวาอย่างเต็มที่
จักรพรรดิกล่าวต่อไป “เรื่องที่สอง เจ้าต้องค้นหาว่าใครเป็นคนเปิดเผยข้อมูลเรื่องที่ข้าไม่ได้อยู่ในวังทำให้นักฆ่าสบโอกาสลงมือ ข้าไม่เชื่อว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ”
ซูอันฝืนยิ้ม “ฝ่าบาทน่าจะทรงทราบดีว่ากระหม่อมเพิ่งมาถึงเมืองหลวงเพียงไม่กี่วัน กระหม่อมเป็นเพียงคนต่ำต้อยและไม่ค่อยคุ้นเคยกับใครมากมาย กระหม่อมจะตรวจสอบอะไรได้อย่างไรล่ะพะย่ะค่ะ? ทำไมพระองค์ไม่ให้ผู้บัญชาการจูเซี่ยเป็นผู้นำตรวจสอบเรื่องนี้แทน? เขาเก่งกว่ากระหม่อมมาก”
“ถ้าข้าบอกให้เจ้าทำ เจ้าก็ทำ พูดพล่ามอะไรของเจ้า?” ใบหน้าของจักรพรรดิมืดราวกับฟ้าครึ้มฝน ตามปกติแล้วไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจดังเกินไปต่อหน้าเขา แต่ไอ้เด็กผู้นี้ไม่เพียงแต่จะกล้าต่อปากต่อคำกับเขาเท่านั้น ยังกล้าชี้แนะยอกย้อนเขาด้วย!
ซูอันหัวเราะอย่างเชื่องช้า “ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงแต่พยายามจะช่วยพระองค์หาวิธีที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการสืบสวนเรื่องนี้”
จักรพรรดิลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากเขาจะมอบหมายให้ซูอันทำคดีนี้ เขาจึงต้องตัดสินใจแจ้งบางเรื่องให้เด็กปากกล้าผู้นี้เข้าใจในบางสิ่ง “เหตุผลที่ข้าเลือกเจ้าเพราะเจ้าไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงมาแต่แรก! ดังนั้นเจ้าจึงไม่มีความผูกพันใดกับกลุ่มอิทธิพลในเมืองหลวงซึ่งทำให้ข้ามีเรื่องให้ต้องกังวลน้อยลง”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจ “ฝ่าบาทสงสัยท่านจูเซี่ยและคนอื่น ๆ งั้นหรือพะย่ะค่ะ?”
จักรพรรดิมองซูอันอย่างเย็นชาแต่ไม่ได้ให้คำตอบ เขาพูดต่อว่า “มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าข้าอยู่นอกวัง แต่ข้อมูลนี้ก็ยังรั่วไหลได้ นี่เป็นเหตุผลที่ข้าต้องการให้เจ้าเป็นผู้ตรวจสอบ”
ซูอันตื่นตระหนก “แล้วพระองค์ไปไหนหรือพะย่ะค่ะ?”
จักรพรรดิหรี่ตาลง “อย่าถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม!”