เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 924 งดงามจนน่าทึ่ง
บทที่ 924 งดงามจนน่าทึ่ง
บทที่ 924 งดงามจนน่าทึ่ง
ซูอันได้กลิ่นหอมจาง ๆ จากร่างกายของนาง ไม่มีทางที่ผู้บ่มเพาะคนไหนจะใส่น้ำหอมในขณะที่ออกมาทำภารกิจลอบสังหาร นี่อาจเป็นกลิ่นกายธรรมชาติของนาง ไม่ใช่กลิ่นของเครื่องสำอางแต่อย่างใด
นี่คือโลกแห่งการบ่มเพาะ เมื่อใดที่บ่มเพาะตนเองถึงระดับหนึ่ง สิ่งเจือปนภายในร่างกายก็จะถูกขับออกไป และร่างกายจะไม่สะสมสิ่งสกปรกใด ๆ อีก ผู้บ่มเพาะสามารถรักษาความสะอาดได้อย่างสมบูรณ์แม้ว่าจะไม่ได้อาบน้ำเป็นเวลาหนึ่งเดือน
แน่นอนว่าผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ไม่ได้มีระดับการบ่มเพาะที่สูงมาตั้งแต่เกิด พวกเขาใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา การอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่จึงเป็นนิสัยตามธรรมชาติ แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็ยังรักษานิสัยรักความสะอาดไว้โดยสัญชาตญาณ
“เจ้ากอดข้านานพอหรือยัง?” อวิ้นเจียนเยว่กล่าวอย่างเย็นชา
ซูอันหัวเราะด้วยความเขินอายและปล่อยนางอย่างรวดเร็ว “ก่อนหน้านี้ข้าจำท่านไม่ได้ โปรดยกโทษให้ข้าด้วยพี่สาว”
“พี่สาว?” อวิ้นเจียนเยว่มีสีหน้าแปลก ๆ “ฮัวเล่ยเรียกข้าว่าอาจารย์ เจ้าคือเพื่อนของนาง นั่นทำให้ข้าเป็นผู้อาวุโสของเจ้าด้วย เจ้าควรเรียกข้าว่าอาจารย์เช่นกัน!”
ซูอันหัวเราะ “ฮัวเล่ยเรียกท่านว่าอาจารย์ แต่ข้าจะเรียกท่านว่าพี่สาว ข้ากับนางเป็นคนละคนกัน ใครจะเรียกท่านว่าอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกันกับข้า”
อวิ้นเจียนเยว่มองซูอันอย่างหงุดหงิด
นางไม่อยากโต้เถียงกับเขาในเรื่องนี้และพยายามเดินจากไป การมีชายคนหนึ่งอยู่ใกล้นางเช่นนี้ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
น่าเสียดายที่นางยังคงประเมินอาการบาดเจ็บของตัวเองต่ำไป เมื่อนางพยายามจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง นางรู้สึกเวียนหัวทันทีที่นางก้าวไปเพียงก้าวเดียว และเอนล้มลงด้านข้าง
“ระวัง!” ซูอันร้อง รีบเคลื่อนตัวไปประคองนาง
“ขอบคุณ” อวิ้นเจียนเยว่ไม่ถือสาอย่างน่าประหลาดใจ นางไม่อายหรือรำคาญเพียงเพราะเขาสัมผัสเนื้อตัวนางขณะช่วยนาง
“อาการบาดเจ็บของท่านร้ายแรงขนาดนี้เลยเหรอ?” ซูอันถามด้วยความเป็นห่วง
อวิ้นเจียนเยว่พิงหินก้อนใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ ขณะนี้หน้าของนางซีดขาว “ก่อนหน้านี้ก็ยังดีอยู่ แต่อาการของข้าแย่ลงเมื่อข้าต่อสู้กับเจ้า มันร้อนราวกับไฟแผดเผา”
นางถอดหน้ากากที่ปิดบังใบหน้าของนางออก เนื่องจากเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่ด้านในทำให้ไม่สบายตัวอย่างยิ่ง
ดวงตาของซูอันเบิกกว้างขึ้นทันที แม้ว่าเขาจะบอกได้ว่านางคือหนึ่งในหญิงงามแน่นอนจากรูปร่างอันสมบูรณ์แบบของนาง แต่เขาไม่คิดว่านางจะงดงามขนาดนี้
นางไม่ได้เบ่งบานเหมือนเด็กสาว แต่กลับเต็มไปด้วยความสง่างามของหญิงสาวที่โตเต็มตัวซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงมีเสน่ห์ที่สุด
เขาเคยคิดว่านางน่าจะดูดุดันเนื่องจากนางเป็นประมุขของสำนักมาร
แต่เมื่อเห็นหน้าตาของนางตอนนี้แล้ว ทุกอย่างกลับตรงกันข้ามไปหมด ริมฝีปากของนางแดงฉ่ำ แก้มขาวและทรวงอกที่ขยับขณะที่นางหายใจ เป็นภาพที่วิเศษสามารถดึงดูดใจของผู้ชายทุกคนให้ยอมสยบต่อความงามของนาง
นางเป็นสาวงามที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง! งามสง่าราวกับดอกโบตั๋นที่บานสะพรั่ง!
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของนางดูผิดวิสัยเกินกว่าจะเป็นเพียงมนุษย์โลก พวกมันทั้งคู่มีความลึกล้ำราวกับเป็นดวงจันทร์ที่สว่างสองดวงสาดส่องลงมาจากเบื้องบน
ทั้งสองด้านของนางดูขัดแย้งกัน แต่ประสานกันอย่างลงตัว หากปราศจากดวงตาที่เย็นเยียบและผิดวิสัยของนาง นางอาจดูเหมือนสาวงามดาษดื่นทั่วไป จริง ๆ จะใช้คำว่าทั่วไปคงไม่ได้ แต่สำหรับซูอันที่พบเจอสุดยอดสาวงามมาตลอด ความงามของอวิ้นเจียนเยว่จัดอยู่ในระดับเดียวกับผู้หญิงคนอื่นของเขา!
“ถ้าเจ้าไม่ใช่เพื่อนของฮัวเล่ย ข้าคงควักลูกตาของเจ้าออกมาแล้ว!” อวิ้นเจียนเยว่เอ่ยผ่านกระแสพลังชี่ด้วยน้ำเสียงน่าสะพรึงกลัว
“ท่านเอาชนะข้าตอนนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ” ซูอันบ่นพึมพำ
“เจ้าพูดอะไร!?” คิ้วของอวิ้นเจียนเยว่ยกขึ้น แววตาคู่งามแฝงไปด้วยอันตราย
ซูอันเปลี่ยนน้ำเสียงของเขาทันที “ข้าแค่รู้สึกอยุติธรรม แม้แต่คนอย่างข้าที่พบเจอแต่หญิงงามมาตลอดก็ยังไม่สามารถละสายตาจากท่านได้ นับประสาอะไรกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่มีโชคเช่นข้า พวกเขาต้องถูกควักลูกตาเพียงเพราะต้องการชื่นชมความงามเลิศสักครั้งในชีวิต นั่นเป็นชะตากรรมที่น่าสงสารเกินไปหรือเปล่า?”
“เจ้ากำลังพยายามจะพูดอะไรกันแน่?” อวิ้นเจียนเยว่ขมวดคิ้ว
“อืม…” ซูอันพูดไม่ออก เขาพบว่าการเอาใจนางเป็นเรื่องยาก “ท่านไม่รู้เหรอว่า ข้ากำลังยกย่องความงามของท่านแบบอ้อม ๆ”
“ในเมื่อเจ้าบอกว่าพวกเขาต้องการชื่นชมความงามเลิศสักครั้งในชีวิต ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ชื่นชมแล้ว จะเก็บดวงตาเอาไว้มองดูความโสมมของโลกนี้ต่อไปอีกทำไม?” อวิ้นเจียนเยว่กล่าวอย่างเฉยเมย
ซูอันตกตะลึง “อืม…ที่ท่านพูดมาก็มีเหตุผล ข้าปฏิเสธคำพูดของท่านไม่ได้”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบกับทูตยุทธ์เสื้อแพรที่กะล่อนเหมือนปลาไหลเช่นนี้!” อวิ้นเจียนเยว่หยุดครู่หนึ่งแล้วถามทันทีว่า “นี่เป็นวิธีที่เจ้าหลอกฮัวเล่ยหรือไม่?”
ซูอันถอนหายใจ “พี่สาว ท่านมีความมั่นใจในตัวศิษย์ของตัวเองน้อยขนาดนี้เลยเหรอ? ฮัวเล่ยเป็นคนที่ถูกหลอกง่ายจริง ๆ เหรอ?”
อวิ้นเจียนเยว่จ้องมองเขา “ข้ารู้ว่านางไม่ใช่คนแบบนั้น แต่บางทีคนเราอาจผิดพลาดกันได้”
ซูอันตกตะลึง เขาตัดสินใจหยุดพูด
ทั้งสองจ้องตากันครู่หนึ่ง และในที่สุดอวิ้นเจียนเยว่ก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าคิดจะยืนเฉย ๆ กับข้าแบบนี้เหรอ? เดี๋ยวทหารก็มากันพอดี!”
ซูอันหัวเราะ “แล้วไง? พวกเขาไม่ได้กำลังไล่ตามข้าซะหน่อย” เขาตอบ
แม่นางได้โปรดเถอะ สภาพของท่านย่ำแย่ขนาดนี้แล้วยังจะทำตัวบงการอยู่อีก ข้าไม่ตามใจท่านง่าย ๆ หรอกนะ…
“ทำไม? เจ้ารอข้าขอร้องเจ้าอยู่หรือไง?” อวิ้นเจียนเยว่ขมวดคิ้วมากกว่าเดิม ดูเหมือนนางจะอ่านใจเขาได้
ซูอันตอบอย่างรวดเร็ว “แน่นอน ถ้าท่านพูดกับข้าอย่างสุภาพ ข้าอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”
อวิ้นเจียนเยว่หัวเราะ “ได้ เช่นนั้นข้าจะบอกเหล่าทหารว่าเจ้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของข้าและใช้สถานะทูตยุทธ์เสื้อแพรทองเปิดโอกาสให้พวกเราเข้ามาในวัง!”
ซูอันมองนางอย่างพูดไม่ออก
ได้…เจ้าชนะ!
เขาพูดว่า “มันยากที่จะพาท่านออกจากวังในตอนนี้ ซ่อนตัวในที่พักของข้าไปก่อนแล้วรอเหตุการณ์สงบลงเมื่อท่านอาการดีขึ้นข้าค่อยพาท่านออกไป”
เขาไม่น่าจะช่วยให้นางหลบหนีได้โดยวิธีเดียวกันกับชิวฮัวเล่ย แม่ทัพกองพลซ้ายและขวา จูเซี่ยฉือซินและทหารที่เหลือกำลังตรวจตราทุกซอกทุกมุมของพระราชวัง และด้วยอาการบาดเจ็บของอวิ้นเจียนเยว่ นางคงไม่สามารถกระโดดข้ามกำแพงวังได้ด้วยซ้ำ
อวิ้นเจียนเยว่ไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอของเขา “ก็ได้”
ซูอันสำรวจพื้นที่ข้างหน้า เมื่อเห็นว่าปลอดภัย เขาจึงโบกมือ “ไปกันเถอะ”
อวิ้นเจียนเยว่ยืนขึ้นแล้ววิงเวียนศีรษะ นางเซไปด้านข้าง
ซูอันขมวดคิ้ว “ให้ข้าช่วยท่าน…?”
เขารู้ว่าไม่มีทางที่นางจะปล่อยให้เขาอุ้ม เขาจึงถามความสมัครใจของนางก่อน
อวิ้นเจียนเยว่พยักหน้าและค่อย ๆ ยื่นมือไปทางเขา
ซูอันไม่พอใจเล็กน้อย
นางดูเหมือนสนมที่กำลังจะไปเดินเล่นหรือทำอะไรซักอย่าง ส่วนเขาเล่นบทเป็นขันทีรับใช้
ได้…เพื่อเห็นแก่ฮัวเล่ย ข้าจะยอมเป็นให้นางก็ได้!
เขาจับมือพานางค่อย ๆ เดินไปที่เรือนพักในวังของเขา