เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1004
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1004
ลู่ฝานทำเพียงแค่หัวเราะอย่างราบเรียบ ไม่เถียงกับเขา เดินไปด้านล่างต่อ
เซียวเฮ่าใช้โอกาสตอนที่ทุกคนไม่ได้จ้องมาที่เขา ตามลู่ฝานไปอย่างรวดเร็ว
หลิ่วซ่านส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชาอีกครั้ง!
ลู่ฝานรีบเดินลงมา หันมามองเซียวเฮ่าแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ดูเหมือนฉันกลายเป็นศัตรูของผู้ฝึกชี่กับผู้ดูแลพวกนี้ไปแล้วสินะ มีป้ายนี้อยู่ไม่สบายใจจริงๆ!”
ลู่ฝานเล่นป้ายจัดการดูแลเจดีย์ยาในมือ เซียวเฮ่าถอนหายใจแล้วพูดว่า “พี่ลู่ฝาน ถ้าให้ผมพูด พี่ไม่ควรเอาป้ายนี้มา ปกติผู้ฝึกชี่พวกนี้ดูใจดีมีเมตตา แต่ธาตุแท้ของพวกเขาหยิ่งยโสมาก เป็นผู้ฝึกชี่เหมือนกันยังแย่งชิงความเหนือกว่า สู้เรื่องยา ประลองเรื่องวิชา ยิ่งไปกว่านั้นจู่ๆ นักบู๊อย่างพี่อยู่เหนือกว่าพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางรับได้!”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “แล้วนายล่ะ ในก้นบึ้งหัวใจนายโกรธแค้นฉันเหมือนกันหรือเปล่า”
เซียวเฮ่าส่ายหน้าพูดว่า “ผมไม่ได้ใจแคบขนาดนั้นสักหน่อย อาลี่ยังบอกว่าคนพวกนี้กินอิ่มแล้วว่างจนยุ่งเรื่องคนอื่น”
ลู่ฝานหัวเราะแล้วพูดว่า “ดูเหมือนยังมีคนใจกว้างอยู่นะ จากความใจกว้างและอดทนของนายกับอาลี่ ต่อไปต้องเป็นอริยปราชญ์ได้”
เซียวเฮ่าหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “เป็นอริยปราชญ์งั้นเหรอ ต่อไปผมได้ทำความสะอาดห้องน้ำให้อริยปราชญ์ ผมก็มีความสุขแล้ว เขาพูดกันว่าอริยปราชญ์ถ่ายอุจจาระ ก็ยังเป็นแก่นแท้ไม่ใช่เหรอ ใช่สิ อริยปราชญ์ถ่ายอุจจาระไหม”
ลู่ฝานพูดอะไรไม่ออก เขาก็ไม่รู้จะตอบคำถามประหลาดของเซียวเฮ่ายังไง
เดินลงมาจากเจดีย์ยาอย่างรวดเร็ว เมื่อออกจากประตูเจดีย์ยา สิ่งที่ปรากฏในสายตาเป็นอันดับแรกคือ คนคนหนึ่งยืนเหมือนเสาธงอยู่ตรงนั้น
เสื้อคลุมยาวลากพื้น ผมปรกครึ่งใบหน้า หิมะปลิวลงมาบนตัว แยกไม่ออกเลยว่าเป็นชายหรือหญิง
เมื่อเห็นลู่ฝานออกมา คนคนนี้พูดเสียงดังว่า “ลู่ฝานนักกระบี่แห่งตงหวาใช่ไหม”
ลู่ฝานชะงักฝีเท้าลงแล้วพูดว่า “ใช่ ผมเอง!”
“ผมเหรินเจียง พี่ลู่ฝาน ไท่จื่อเรียนเชิญนาย”
เหรินเจียงมองลู่ฝานด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดออกมา
เสียงทุ้มแหบพร่านั่น ทำให้ลู่ฝานแน่ใจว่าเขาเป็นผู้ชาย
ลู่ฝานขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พี่เหรินมาเป็นตัวแทนของไท่จื่อเหรอครับ”
เหรินเจียงพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ไท่จื่อพูดแล้ว พี่ลู่ฝานเป็นผู้จัดการดูแลเจดีย์ยาในฐานะนักบู๊ ต้องมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา จึงให้ผมมาเชิญพี่ลู่ฝานไปพูดคุย ไท่จื่อยังให้ผมเอาของขวัญมาให้พี่ลู่ฝานด้วย เชิญดูได้เลยครับ!”
เมื่อพูดเช่นนี้ เหรินเจียงเอาของขวัญออกมาหนึ่งชิ้น
นั่นเป็นอัญมณีสีแดงก่ำ เพิ่งเอาออกมา หิมะที่ลอยอยู่รอบๆ กลายเป็นรูปคนระบำทันที
งดงาม มีชีวิตชีวา มหัศจรรย์มาก
ผู้ฝึกชี่ที่อยู่ข้างๆ คนหนึ่งตะโกนออกมาว่า “หินสวรรค์!”
ลู่ฝานจิตใจวูบไหว เขาเคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่าหินสวรรค์
เหรินเจียงยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ นี่คือหินสวรรค์ มีหินนี้อยู่ในมือ สามารถชมท้องฟ้า เข้าสู่สวรรค์ดุจเดินในที่ราบ พี่ลู่ฝาน ไท่จื่อให้ความสำคัญกับนายมาก อย่าปฏิเสธเจตนาดีของไท่จื่อเลยนะครับ!”
เหรินเจียงเดินเข้ามาสองสามก้าว เอาหินสวรรค์ในมือยืนให้ลู่ฝาน
มองหินก้อนนี้ ความคิดมากมายผุดขึ้นในใจลู่ฝาน
“เป็นกับดักหรือเปล่า จงใจให้ฉันไป ไม่ใช่สิ ตอนนี้ฐานะของฉันคือผู้จัดการดูแลเจดีย์ยา ถ้าไท่จื่อต้องการฆ่าฉัน คงไม่ใช่วิธีนี้หรอก งั้นนี้เรื่องจริงเหรอ”
ลู่ฝานรับหินมา เขามองไม่กี่ครั้ง
ฝ่ามือเพิ่งกำไว้บนหิน ลู่ฝานรู้สึกว่ากระบี่หนักไร้คมในเข็มขัดส่งเสียงอื้ออึง ความรู้สึกประหลาดแผ่ซ่านไปทั่วตัว ราวกับทั้งโลกเริ่มเปลี่ยนแปลงไป
ลู่ฝานดึงมือกลับมา เป็นของดีจริงๆ แต่ตอนนี้เขารีบไว้ไม่ได้
ลู่ฝานมองเหรินเจียงที่อยู่ตรงหน้า แล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “ได้รับความดีความชอบ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ยังไม่ทันเจอกัน ไท่จื่อก็ให้ของดีขนาดนี้กับผม ผมไม่กล้ารับไว้จริงๆ ครับ”
เหรินเจียงขมวดคิ้วเบาๆ แล้วพูดว่า “พี่ลู่ฝานจะทำให้อารมณ์ของไท่จื่อหมดเหรอครับ”
ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “ไม่รับของ แต่ผมไปพูดคุยกับไท่จื่อได้นะครับ ในเมื่อไท่จื่อให้ความสำคัญกับผมขนาดนี้ ทำไมผมจะต้องหลบซ่อนอีกล่ะครับ”
“ได้ใจมาก!”
เหรินเจียงยิ้มออกแล้ว
เมื่อสะบัดมือ เรือบินลำหนึ่งปรากฏออกมา
ตอนนี้ประสบการณ์ของลู่ฝานนับว่าไม่เลวแล้ว มองแวบเดียวก็รู้ว่าเรือบินลำนี้คือสิ่งที่เดินทางผ่านมิติ
แต่ใช้สิ่งที่เดินทางผ่านมิติที่นี่ กลับทำให้ลู่ฝานรู้สึกไม่เข้าใจ
เหรินเจียงผายมือขวาเชิญลู่ฝาน แล้วพูดว่า “เชิญครับ!”
ลู่ฝานเดินขึ้นเรือช้าๆ สิบสามก็เดินตามมาเช่นกัน
เหรินเจียงกำลังจะพูดอะไร ลู่ฝานพูดออกมาทันทีว่า “เขาเป็นพ่อบ้านของผม ต้องตามไปด้วยครับ”
เหรินเจียงขมวดคิ้วเบาๆ กลืนคำที่จะพูดลงคอ
เรือบินออกไป ท่ามกลางสายตาจับจ้องของทุกคน
พวกผู้ฝึกชี่เห็นภาพนี้ ขณะนั้นผู้อาวุโสที่อายุค่อนข้างมากพูดว่า “เป็นสุนัขรับใช้ของลูกผู้มีอำนาจอีกแล้ว!”
……
เคลื่อนที่หมุนไปรอบๆ พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
คิดไม่ถึงเลยว่าเรือบินจะเข้าไปในอุโมงค์ข้ามมิติจริงๆ
ลู่ฝานมองแสงสีเก้าสีที่เคลื่อนไหวอยู่รอบๆ เขาพบว่าครั้งนี้เขาไม่ได้อยู่ด้านบนอุโมงค์ข้ามมิติ แต่อยู่ในอุโมงค์ข้ามมิติ
เหรินเจียงยิ้มแล้วพูดว่า “นี่คือสิ่งที่เดินทางผ่านมิติ ส่วนบุคคลของราชวงศ์ และเป็นเส้นทางมิติส่วนบุคคลของราชวงศ์ พี่ลู่ฝานไม่ต้องแปลกใจ อีกไม่นานก็ถึงแล้ว!”
เมื่อพูดจบ เรือบินพุ่งออกจากอุโมงค์ข้ามมิติทันที
วิวด้านหน้าเปลี่ยนไป มาถึงในตลาดที่ดูเจริญรุ่งเรือง
เรือบินจอดลงอย่างมั่นคง ด้านหน้าหอนางโลมแห่งหนึ่ง
โคมไฟสีแดงขนาดใหญ่แขวนไว้สูง ส่องแสงจนพื้นหิมะเป็นสีแดง
ลู่ฝานมองป้ายหอนางโลมแห่งนี้
“หอไป่เฟิ่ง!”
ชื่อธรรมดามาก แต่อาคารสิ่งก่อสร้างดูหรูหราทรงพลังมาก
เดิมทีลู่ฝานเข้าใจว่าจะไปที่พระราชวังในเมือง คิดไม่ถึงว่าจะถูกพามาที่นี่
“องค์รัชทายาทอยู่ที่นี่เหรอครับ”
เหรินเจียงพูดว่า “ใช่ อยู่ด้านใน เชิญพี่ลู่ฝานครับ!”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในหอนางโลม ทันใดนั้นเสียงเครื่องดนตรีประเภทไหมและไผ่ดังเข้ามาในหู สิ่งที่ปรากฏในสายตาคือหญิงสาวผู้งดงามเป็นแถบ
อาคารสิ่งก่อสร้างงดงามหรูหรา ต้นไม้โบราณต้นหนึ่งตั้งอยู่กลางอาคาร
มีผู้หญิงสิบกว่าคนร้องรำทำเพลงอยู่บนต้นไม้ บิดเอวไปมาส่งสายตาหวาน ไม่นานผู้หญิงพวกนี้เริ่มถอดเสื้อผ้า
อาคารทั้งด้านบนและด้านล่างเต็มไปด้วยลูกค้า มีเสียงเชียร์ดังขึ้นเป็นระยะ
เหรินเจียงเห็นท่าทางประหลาดใจของสิบสามกับลู่ฝาน เขายิ้มแล้วพูดว่า “พี่ลู่ฝานเพิ่งเคยมาที่แบบนี้เป็นครั้งแรกเหรอครับ”
ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “แค่คิดไม่ถึงว่าสถานที่แบบนี้จะเปิดตอนกลางวันแสกๆ ด้วย!”
เหรินเจียงหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “พี่ลู่ฝานคิดเยอะไปแล้ว ที่นี่คือซ่องโสเภณี ที่นี่คือหอนางโลมนะครับ!”
เมื่อพูดเช่นนี้ เหรินเจียงเดินนำลู่ฝานไปด้านบนสุด
ลู่ฝานเงยหน้ามองแวบหนึ่ง ด้านบนมีห้องชั้นดีเก้าห้อง
ไม่ต้องสงสัยเลย องค์รัชทายาทต้องอยู่ในห้องใดห้องหนึ่งแน่นอน
แต่ขณะนั้น จู่ๆ ลู่ฝานเห็นกลุ่มคนเดินเข้ามาทางประตู คนที่เดินนำมาคือหานหยวนหนิง!
ลู่ฝานขมวดคิ้วเบาๆ เขาไม่ได้คิดอะไรมาก จากนั้นเดินตามเหรินเจียงขึ้นไปข้างบน