เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1181
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1181
หานหยวนหนิงพูดว่า “อันที่จริงฉันยังเจ็บปวดรุนแรงไปทั้งตัว เหมือนจะตายเลย แต่ฉันคิดว่าแค่ขยับได้ ยังไงก็ต้องยืนขึ้นมาได้ นอนไปก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ลู่ฝาน นี่คือป้ายหมายเลขรอบที่สามของนาย เมื่อกี้องครักษ์เกราะทองในวังส่งมาให้”
หานหยวนหนิงยื่นป้ายหมายเลขในมือให้ลู่ฝาน
ลู่ฝานรับป้ายมา ด้านบนคือเลขเก้าขนาดใหญ่ ด้านหลังเขียนชื่อเขาเอาไว้
หานหยวนหนิงชี้ป้ายแล้วพูดว่า “รอบที่สามคือการจับฉลากแข่งขัน สถานที่คือสนามต่อสู้แปดทิศศูนย์กลางเมือง นักบู๊ทั้งหมดที่เหลือ หลังจากผ่านการจับฉลากแล้ว จะเริ่มต่อสู้กับคนที่จับฉลากได้ จนกว่าจะได้คนที่เป็นอันดับหนึ่ง อีกสามวันจะเป็นการจับฉลากรอบแรก นายอย่าลืมเข้าวังล่ะ!”
ลู่ฝานเก็บป้ายเอาไว้ พยักหน้าพูดว่า “ขอบคุณสหายหานที่เตือน รบกวนนายต้องเอามาให้เลย”
หานหยวนหนิงพูดว่า “ฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่องอยากถามนายนิดหน่อย หวังว่านายจะให้คำตอบฉันได้”
ลู่ฝานพูดว่า “ถามมาสิ”
หานหยวนหนิงพูดว่า “สหายลู่ฝาน ครั้งก่อนนายบอกว่านายเข้าใจมากกว่าฉัน ฉันไม่เข้าใจมาโดยตลอด จนกระทั่งเห็นความทรงจำของนาย ฉันเพิ่งเข้าใจ สิ่งที่ฉันเจอในตอนนี้ นับประสาอะไรไม่ได้เลย อย่างน้อยลูกหลานตระกูลหานก็ไม่ได้มาเยาะเย้ยฉันเหมือนพวกลูกพี่ลูกน้องของนาย ฉันอยากถามนายว่าตอนนั้นนายผ่านมันมาได้ยังไง”
ลู่ฝานพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พูดขึ้นมานายอย่าขำฉันแล้วกัน ตอนนั้นฉันไม่ยอมแพ้ คนอื่นฝึกบู๊สำเร็จได้ ทำไมฉันจะทำไม่ได้ ไม่ว่าพวกเขาจะเยาะเย้ยหรือรุมทำร้ายฉัน ล้วนไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้ฉันหยุด ฉันชอบฝึกบู๊ ฉันยินดีฝึกบู๊ ฉันอยากเป็นนักบู๊ ก็แค่เท่านั้นเอง”
หานหยวนหนิงขมวดคิ้วพูดว่า “ง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ แค่อยากเป็นนักบู๊เนี่ยนะ เดิมที่ฉันเข้าใจว่านายมีความคิดจะแก้แค้นพวกเขา จึงอดทนผ่านมันมาได้”
ลู่ฝานพูดว่า “ตอนนั้นเคยคิดจริงๆ แต่ตอนที่ฉันสามารถแก้แค้นพวกเขาได้จริงๆ กลับไม่มีความคิดนี้แล้ว ความเกลียดชังไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ฉันฝึกบู๊ ไม่ใช่มาโดยตลอด”
หานหยวนหนิงกัดฟันพูดว่า “แต่ความเกลียดชัง เป็นแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลังที่สุดจริงๆ นะ”
ลู่ฝานมองตาหานหยวนหนิงแล้วพูดว่า “นายอยากแก้แค้นเทียนชิงหยางเหรอ”
หานหยวนหนิงพูดว่า “ใช่ ฉันอยากแก้แค้นเขา บางทีความปรารถนาต่อจากนี้ของชีวิตฉัน คือการทำให้เขาสิ้นลมหายใจ”
ลู่ฝานถามต่อ “งั้นวันนี้นายจะขอร้องให้ฉันฆ่าเขาเหรอ”
หานหยวนหนิงพูดเสียงดังว่า “ไม่ ตรงกันข้าม ฉันจะขอให้นายอย่าทำให้เขาพิการ ฉันจะเอาชนะเขาด้วยตัวเอง แบบนี้ถึงจะลบล้างความอัปยศอดสูของฉันได้”
“นี่ยากมาก โดยเฉพาะนายในตอนนี้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่”
ลู่ฝานเอ่ยขึ้น
หานหยวนหนิงพยักหน้าพูดว่า “ใช่ ยากมาก แต่ตอนนั้นนายก็ยากลำบากมากเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
ลู่ฝานหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วพูดว่า “นายพูดถูก ใครจะรู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง ได้ ฉันรับปากนาย ถ้าฉันชนะได้ ถึงตอนนั้นฉันจะไว้ชีวิตเขา”
หานหยวนหนิงจ้องลู่ฝานเขม็ง แล้วพูดว่า “ขอบใจมาก แม้ฉันไม่ชอบนายเท่าไร แต่ฉันต้องยอมรับว่านายคือผู้แข็งแกร่ง”
พูดจบ หานหยวนหนิงหันหลังเดินออกไป เพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ เหมือนหานหยวนหนิงนึกอะไรขึ้นได้อีก เขาชะงักฝีเท้าลงแล้วพูดว่า “ใช่สิ ยังมีอีกเรื่อง ช่วยฉันบอกอู่คงหลิงหน่อย ขอโทษด้วยที่ฉันไม่คู่ควรกับเธอ แม้เธอใช้ประโยชน์จากฉัน แต่ฉันไม่เกลียดเธอ ลู่ฝาน รับปากฉันว่าจะดูแลเธอให้ดี อย่าทำให้เธอได้รับความไม่ยุติธรรม ผู้หญิงสวยขนาดนี้ ควรได้ใช้ชีวิตอย่างดีที่สุด”
หานหยวนหนิงหันหลังให้ลู่ฝาน ไม่ได้หันกลับมามอง
ลู่ฝานตอบอย่างราบเรียบว่า “นายวางใจเถอะ”
หานหยวนหนิงค่อยๆ เดินออกไป ตัวค่อยๆ ยืดตรงทีละนิด หลังเดินได้สิบก้าว เขากลายเป็นหานหยวนหนิงที่หยิ่งยโสในตอนนั้นอีกครั้ง และหายลับไปจากสายตาลู่ฝาน
ลู่ฝานมองจนเขาลับสายตา จากนั้นส่ายหน้าเบาๆ เขามีลางสังหรณ์ว่าต่อไปหานหยวนหนิงอาจกลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้อีกครั้ง อีกทั้งเมื่อถึงตอนนั้น เขาไม่เพียงแต่จะมีท่าทางของผู้แข็งแกร่ง แต่มีจิตใจของผู้แข็งแกร่งด้วย
คืนวันเดียวกัน ตอนที่ไม่มีใครรู้เรื่องรู้ราว หานหยวนหนิงออกจากตระกูลหานเพียงคนเดียว ไม่รู้ว่าไปที่ไหน
หลังจากหานอู๋ซวงกับผู้อาวุโสทุกท่านทราบข่าว ทำได้แค่ถอนหายใจยาว “ปล่อยเขาไปเถอะ!”