เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 782
“การตายคือความงามอย่างหนึ่ง เหมือนกับดอกไม้เบ่งบาน ดึงดูดให้คนเคลิบเคลิ้ม”
เสียงเย้ายวนดังออกมาจากออร่าปีศาจ เสียงเหมือนเสียงธรรมชาติ ทำให้อดจิตใจหวั่นไหวไม่ได้
“สหายร่วมปณิธานเดียวกันทุกท่าน รวมพลังที่จุดศูนย์ อย่าโดนเสียงมารของเธอปลุกเสกใส่!”
เซียนอวี่ซานตั้งสติได้เป็นคนแรก แล้วตะโกนออกมา
ยอดฝีมือคนอื่น รีบรวบรวมสติและสมาธิ แสงปรากฏขึ้นบนตัวอีกครั้ง
“ฮ่าๆๆๆ คนที่รักความชอบธรรมแบบพวกนาย น่าขำสิ้นดี คนพูดแค่สองประโยค ก็ตกใจจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว”
เงาของซักคิวบัสเย้ายวน โผล่ออกมาจากออร่าปีศาจ
ตอนนี้สภาพของเธอ ไม่ใช่รูปร่างมนุษย์แล้ว
ตัวบวม มือเป็นหนวดสีดำ รวมไปถึงดวงตาขนาดใหญ่
ใช่ บนมือที่เป็นหนวดของเธอ เริ่มมีดวงตาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา ดูอัศจรรย์และน่าขยะแขยงมาก
เสียงของฉางเจี๋ยหน้าผีดังขึ้น
“เหล่าเทา ชิงไห่ ถึงเวลาพวกนายลงมือแล้ว”
เมื่อสิ้นเสียง เงาคนคนหนึ่งพุ่งออกไป
ท้องฟ้าทั้งแถบมืดลงทันที หลังจากนั้นมีหน้าผีปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า โหดเหี้ยมน่ากลัว
“ฉันจะกิน!”
เสียงแหบพร่า หน้าผีอ้าปากกว้าง
ทันใดนั้น บนเขาอวี่ฮั่วฝุ่นตลบอบอวล
“วิชามารกลืนพิภพ!”
สุ่ยเชียนโหรวส่งเสียงตกใจออกมา ในบรรดาคนที่นี้ มีเพียงเธอที่รู้จักวิชามารที่น่ากลัวนี้
กระบี่เล่มหนึ่งลอยออกไป เหมือนสายฟ้าร่วงลงตรงหน้าทุกคน
หลังจากนั้นมีเงากระบี่นับไม่ถ้วน พุ่งออกมาจากกระบี่ยาวสีดำเล่มนี้ พร้อมเสียงโหยหวนของผี ทำให้ทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยเงาผีมากมาย
“ฆ่า!”
เซียนอวี่ซานแผดเสียงออกมา สะบัดมือเข้ามา พลังทั้งห้าธาตุกลายเป็นมังกรเทพห้าตัว พุ่งไปฆ่าทันที พละกำลังเซียนบำเพ็ญชี่ถูกใช้ออกมาทั้งหมด!
พลเอกทั้งสี่ท่าน ใช้มือเดียวฉีกเงากระบี่ที่พุ่งมาด้านหน้า พลเอกฉือหลงแผดเสียงออกมาว่า “ตั้งค่าย!”
พลเอกทั้งสี่ท่านยกอาวุธขึ้นมาพร้อมกัน พวกเขาไม่ใช่นักบู๊ของสำนัก ไม่มีค่ายกลอะไรมากมาย ในฐานะที่เป็นคนในกองทหาร คำว่าตั้งค่ายที่พลเอกฉือหลงพูด มีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือค่ายสังหารของทหาร
“สู้!”
พลเอกฉือหลงแผดเสียงออกมา ทั้งสี่คนลงมือพร้อมกัน
ปรมาจารย์บำเพ็ญชี่จ้าวกวง คุณฟู่กุ้ยก็ลงมือด้วย ผู้ฝึกฝนและนักบู๊ในที่นี้โจมตีออกมา พลังของพวกเขาทำให้ทั้งท้องฟ้าระเบิดเป็นสีสันต่างๆ นานา
พลังอันน่ากลัวสั่นสะเทือนจากท้องฟ้ามาบนพื้นดิน เหมือนพายุกวาดใบไม้ร่วงลงมา พัดคนนับไม่ถ้วนลอยขึ้นมา
ลู่ฝานเอากระบี่หนักไร้คมของตัวเองออกมา ปักลงบนพื้นดินอย่างแรง
หลิงเหยาก็ปล่อยพลังปราณของตัวเองออกมา แม้จะเป็นเพียงแดนปราณนอกที่น่าสงสาร แต่หลบอยู่หลังลู่ฝาน ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร
“ถอย!”
ลู่ฝานแผดเสียงดัง การต่อสู้ระดับนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะเข้าร่วมได้
พลังน่ากลัวที่ลอยมาจากท้องฟ้า ถึงระดับที่ลู่ฝานไม่กล้ามองตรงๆ
ศิษย์พี่หานเฟิงพยักหน้าอย่างแรง
ทั้งสองคนรีบเหาะไปด้านหลัง แต่ขณะนั้น พวกคนสำนักชุดแดง สำนักชุดเหลือง สำนักชุดเขียว สำนักชุดขาว กลับไม่มีท่าทีจะปล่อยพวกเขาไป
เพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าว “หุ่นเชิดคน” ที่ไม่มีความตระหนักรู้ ดวงตาสองข้างแดงก่ำพวกนี้ โถมเข้ามาเหมือนคลั่ง
เพราะการดัดแปลงของวิชามาร ทำให้ตัวของพวกเขาแข็งแกร่งทนทานเป็นอย่างมาก
เปลวไฟสีดำลุกโชนบนตัวลู่ฝาน ใช้วิชามังกรเพลิงคำราม ระเบิดพวกเขาออกไป
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”
มีเสียงตะโกนดังขึ้นข้างหู ลู่ฝานหันไปมอง เห็นผู้ชายไม่กี่คน โดนนักบู๊วิชามารอันน่ากลัวล้อมไว้
เหมือนพวกเขายังมีพละกำลังบ้าง แต่เทียบกับนักบู๊วิชามารที่น่ากลัวพวกนี้ ยังห่างชั้นกันเยอะ
ลู่ฝานแอบกัดฟัน แผดเสียงดังออกมาว่า “ศิษย์พี่หานเฟิง พี่พาหลิงเหยาหนีไปก่อน!”
หานเฟิงมองลู่ฝานถือกระบี่ไปฆ่าทางด้านนั้น จึงก่นด่าออกมาว่า “ศิษย์น้องโง่เง่า นายทำอะไร”
หลังจากด่าเสร็จ หานเฟิงทำได้เพียงกัดฟันพุ่งไปข้างหน้าต่อ หลิงเหยาก็สะบัดแขนเสื้อไม่หยุด ปล่อยพลังปราณของตัวเองออกมา
“กระบี่ฆ่าพิชิตฟ้า!”
กระบี่หนักไร้คมโจมตีออกไป กำจัดศิษย์สำนักชุดแดงออกไปสองคน
“ไม่อยากตายก็ตามฉันมา!”
ลู่ฝานแผดเสียงดัง เปลวไฟสีดำบนตัวพลุ่งพล่าน เสียงของเขาลอดผ่านฝูงชนมากมาย ดังก้องไปทั่วตลาดหม้อยา
คนจำนวนไม่น้อยรีบไปรวมตัวทางลู่ฝานอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนโกลาหลวุ่นวาย ไม่รู้ว่าวิ่งไปทางไหน คิดเพียงแค่เอาชีวิตรอด
ตอนนี้ได้ยินเสียงตะโกนของลู่ฝาน พวกเขาวิ่งไปตามสัญชาตญาณ
พวกเขาไม่อยากตาย จึงพากันมา