เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 130 ปฐมราชินีกลับมาพร้อมกับหงส์
อินหลิวเฟิงตะลึงงันกับพฤติกรรมของวิหคสุริยัน “เกิดอะไรขึ้น เหตุใดหนีกลับไปเล่า!?”
“เพราะว่าวิหคสุริยันสัมผัสถึงอันตรายข้างหน้า มันต้องการพาพวกเราหลีกหนีอันตราย” กู้หยวนหมิงตอบอย่างหนักแน่น ก่อนจะเดินออกไปนอกเกี้ยวและมองไปทางทิศตะวันออก
อันที่จริงพวกเขาในบัดนี้กำลังจะถึงเมืองชางอู๋แล้ว วิหคสุริยันจึงสัมผัสถึงภัยคุกคามจากผีเสื้อราตรีแดนนรก
เยี่ยนจื่อเสาก็สัมผัสได้แล้วเช่นกัน เขาจึงพูดตัดสินใจว่า “ข้าขอไปที่นั่นก่อน! ศิษย์น้องเจ้า…”
เยี่ยนจื่อเสายังไม่ทันพูดจบก็เห็นน้องเล็กของเขาติดยันต์ไว้บนลำตัวของวิหคสุริยันที่กำลังหนีกลับไป จากนั้นวิหคสุริยันก็เลี้ยวกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะบินไปทางสำนักชางอู๋ต่อไป…
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา อีกทั้ง…
หวีด!
วิหคสุริยันที่ส่งเสียงร้องอีกครั้งบินไปทางสำนักชางอู๋ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่าการหนีเตลิดเมื่อครู่นี้เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
“นี่มัน… เจ้าติดยันต์อะไรให้มันหรือ” อินหลิวเฟิงถามด้วยความไม่รู้ เขามองไปที่เยี่ยนอวี๋ “หรือว่าเป็นยันต์เสริมความกล้าหาญ”
กู้หยวนหมิงก็สงสัยเช่นกัน แม้แต่ไก่อ่อนตระกูลชือที่ตั้งหน้าตั้งตาเขียนยันต์อยู่ก็จ้องไปที่ยันต์ที่ติดอยู่บนตัวของวิหคสุริยันอย่างเหม่อลอย เขาไม่เพียงสัมผัสถึงลมปราณแห่งเพลิงไฟ แต่ยังสัมผัสถึงคลื่นพลังจิตอันมหัศจรรย์ด้วย
“ประมาณนั้น” เมื่อเยี่ยนอวี๋ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้ว นางก็ตำหนิวิหคสุริยัน “เป็นถึงหงส์เพลิง กลับหนีเตลิดเพราะวิญญาณอสูร น่าอับอายนัก”
หวีดดด… วิหคสุริยันกระพือปีกทันที ราวกับว่ามันถูกตำหนิจนรู้ผิดและกล้าหาญขึ้นมา! ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นเท่าตัว นี่ก็เป็นผลที่เยี่ยนอวี๋คิดไม่ถึงเช่นกัน
ในยามนี้ เยี่ยนจื่อเสาเองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันมืดมนที่รวมตัวกันอยู่ที่เมืองชางอู๋อย่างชัดเจน เขาแทบจะอดไม่ได้ที่จะอัญเชิญจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางออกมาทันที
ทว่าเยี่ยนอวี๋ตบไหล่เขาเบาๆ นางมองไปทางสำนักชางอู๋ และด้วยสายตาที่ไม่ธรรมดาของนาง นางจึงเห็นผีเสื้อราตรีแดนนรกมหึมาตัวหนึ่งอยู่เหนือเมืองชางอู๋อย่างชัดเจน!
“ผีเสื้อราตรีแดนนรก” นัยน์ตาเยี่ยนอวี๋ดำราวกับหมึก นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนรุ่นหลังจะมีความสามารถอัญเชิญวิญญาณอสูรเหนือสามโลกออกมาได้เช่นนี้
“ผีเสื้อราตรีแดนนรกหรือ” สีหน้าอินหลิวเฟิงเคร่งขรึมลงในทันใด “จื่ออวี๋เจ้าหมายความว่า สำนักคุนอู๋อัญเชิญวิญญาณอสูรที่ชื่อว่า ผีเสื้อราตรีแดนนรก วิญญาณอสูรชั่วร้ายที่เก่งกาจในเรื่องการกลืนกินค่ายกลที่สุดในตำนานน่ะหรือ?!”
“ใช่แล้ว” เยี่ยนอวี๋พยักหน้าตอบ ขณะที่นางได้ติดยันต์อีกใบหนึ่งที่เคลือบด้วยแสงสีดำม่วงไว้บนตัววิหคสุริยันแล้ว ทันทีที่ยันต์ใบนี้ผนึกบนตัวของวิหคสุริยัน…
หวีด!
วิหคสุริยันสลายร่างที่พร่ามัวออกไปกลายเป็นหงส์เพลิงที่ปราดเปลี่ยวดั่งมีชีวิตจริง ดวงตาสว่างสุกใส!
“นี่มัน…” กู้หยวนหมิงรู้สึกประหลาดใจ
เยี่ยนอวี๋กลับอุ้มเด็กน้อยของนางเหินขึ้นไปอยู่บนมงกุฎหงส์เพลิง
…
ในขณะเดียวกัน เหล่าชั้นผู้ใหญ่สำนักชางอู๋กำลังต่อสู้กับหนวดของผีเสื้อราตรีแดนนรก พวกเขารู้ดีว่า ถึงแม้พลังของเขาจะไม่เพียงพอ แต่ขอเพียงพวกเขาตัดหนวดผีเสื้อราตรีแดนนรกได้เส้นหนึ่งก็จะสามารถช่วยลดแรงกดดันของเกราะคุ้มกันได้เล็กน้อย
ดังนั้น เมื่ออสูรผีเสื้อราตรียื่นหนวดออกมา เยี่ยนหงชวนก็นำเหล่าชั้นผู้ใหญ่ชางอู๋และกองกำลังชางอู๋ชั้นดีโจมตีกลับทันที! หลายๆ ครั้งที่หายตัวออกจากเกราะคุ้มกันก็จะฟันหนวดของอสูรผีเสื้อราตรีขาดทันที
ทว่าหนวดของอสูรผีเสื้อราตรียืดหดได้รวดเร็ว กองกำลังชั้นดีของสำนักชางอู๋ที่มีความไวไม่พอส่วนใหญ่ก็ถูกหนวดของอสูรผีเสื้อราตรีแทงทะลุและกลืนกิน!
ถึงแม้เช่นนี้ การโจมตีกลับของสำนักชางอู๋ก็ไม่หยุดลงเลย ในขณะที่เยี่ยนหงชวนกำลังเชือดเฉือนหนวดผีเสื้อราตรีแดนนรก เขาก็คอยเตือนตลอดเวลาว่า “เร็วกว่านี้อีก! โจมตีไปแล้วไม่ว่าจะโดนหรือไม่ ต้องรีบถอยกลับเข้าไปในเกราะคุ้มกัน!”
ในขณะที่พวกเขากำลังฟันเฉือนกันอย่างดุเดือด หยางชีซานกลับส่งเสียงร้องตกใจบริเวณวิญญาณสำนัก “หงชวนรีบมาเร็วเข้า…”
ผีเสื้อราตรีขนาดเล็กขนาดตัวเท่าผู้ใหญ่ตัวหนึ่งปรากฏตัวบนต้นอู๋ถงราวกับเกิดมาจากอากาศ มันกำลังดูดกลืนพลังของต้นอู๋ถงอย่างบ้าคลั่ง
หวีด! ภาพลวงหงส์เพลิงที่อยู่เหนือต้นอู๋ถงก็พ่นไฟไปที่ผีเสื้อราตรีอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายหลังกลับไม่รู้สึกใดๆราวกับหมูที่ไม่กลัวน้ำเดือด มันยังคงดูดกลืนพลังของต้นอู๋ถงต่อไป และทำให้เห็นว่าพลังส่วนใหญ่ของผีเสื้อราตรีแดนนรกถูกรวมเข้ากับผีเสื้อราตรีน้อยตัวนี้ มันหาตำแหน่งสำคัญของเกราะคุ้มกันเจอแล้ว นั่นก็คือต้นอู๋ถง มันจึงบุกโจมตีเข้าไปพร้อมจะดูดกลืนอย่างบ้าคลั่ง
หึ่ง!
หึ่ง!…
เกราะคุ้มกันของเมืองชางอู๋เปราะบางลงไม่น้อยเนื่องจากการดูดกลืนอันบ้าคลั่งของผีเสื้อราตรีแดนนรก จนเมื่อเยี่ยนหงชวนหายตัวไปบริเวณที่ปรมาจารย์วิญญาณอยู่ ผีเสื้อราตรีแดนนรกก็เปล่งเสียงร้องออกมาอย่างชั่วร้าย วี้ด
พรึบ…
ผีเสื้อราตรีตัวน้อยนับไม่ถ้วนขานตอบเสียงร้องของมันโดยการปรากฏตัวเหนือเมืองชางอู๋ และพวกมันก็เริ่มดูดกลืนพลังอันบริสุทธิ์ของเกราะคุ้มกันจากทุกทิศทาง ผีเสื้อราตรีตัวน้อยปกคลุมเกราะคุ้มกันแน่นหนาราวกับแมลงวันหัวโตจอมตะกละ
“ให้ตายเถอะ!”
เยี่ยนชิงตะโกนสั่งด้วยความเดือดดาล “ประมุขหอราชทัณฑ์ เจ้านำคนปกป้องเหล่าประชาในเมือง ประมุขหออัญเชิญศักดิ์สิทธิ์โปรดรีบอัญเชิญวิญญาณสัตว์ ฆ่าผีเสื้อราตรีที่บุกเข้ามาในสำนักทิ้งเสีย ส่วนหอเจ้าสำนักและหอสัตว์บรรพกาล ตามข้าไปฆ่าผีเสื้อราตรีพวกนี้กัน!”
“ไป!”
ประมุขหอบรรพกาลคำรามอย่างโมโห เขาตบหมาป่าสีดำที่เขานั่งอยู่และพุ่งทะยานออกไปข้างหน้า “ลูกหมาป่าทั้งหลาย ตามข้าไปกำจัดผีเสื้อราตรีเหล่านี้ทิ้งเสีย!”
กรรร…
วิญญาณสัตว์นับไม่ถ้วนทะยานตัวออกจากหอสัตว์บรรพกาล พวกมันบุกไปทางผีเสื้อราตรีเหล่านั้นพร้อมกับเหล่าผู้ฝึกสัตว์อสูร กลายเป็นกองหน้าที่แข็งแกร่งที่สุด
ผู้แข็งแกร่งของหอเจ้าสำนักเองก็ไม่ทิ้งห่าง ทว่าเหล่าชั้นผู้น้อยใหญ่สำนักชางอู๋ก็พบว่าผีเสื้อราตรีที่ถูกยิงทะลวงและสลายตัวไปนั้น มันสามารถแยกร่างกลายเป็นอสูรผีเสื้อราตรีจำนวนมากกว่าเดิม เหตุการณ์ในยามนี้ยากต่อการควบคุมนัก
วี้ด! วี้ด…
อสูรผีเสื้อราตรีนับไม่ถ้วนบินไปทางกองกำลังของหอสัตว์บรรพกาลและกองกำลังชั้นดีสำนักชางอู๋ราวกับฝูงตั๊กแตนรุมล้อม พวกมันเริ่มจู่โจมแล้ว! ยังมีอสูรผีเสื้อราตรีบางส่วนดูดกลืนเมืองชางอู๋แล้ว และพวกมันกำลังเริ่มกัดกินเหล่าชาวบ้าน!
เมืองชางอู๋ตกเป็นดินแดนของอสูรผีเสื้อราตรีไปในทันที ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยอสูรผีเสื้อราตรี…
เมื่อปู่เย่าเหลียนที่อยู่ทางทิศเหนือของเมืองเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็ถอนหายใจโล่งอก “ครั้งนี้สำนักชางอู๋ต้องสู้ไม่ไหวแล้วแน่นอน”
แต่แล้ว…
หวีด!
เสียงหงส์ร้องอันคุ้นหูปู่เย่าเหลียน มันมาอีกแล้ว…
มันมาแล้ว
มาแล้ว!