เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 194 ล่าสาวงามล่าจนถึงตัวต้าซือมิ่ง
“ดูสิ!”
สถานการณ์ที่ดีขึ้นทำให้อินหลิวเฟิงที่ไม่ต้องไปค่ายใหญ่หนานซานแล้ว เขาก็กลับมาอีกครั้งและเป็นคนแรกที่พบว่าใต้แม่น้ำเย่ว์หมิงมีแสงสีม่วงเจิดจ้าเปล่งออกมา!?
อินสวินอี้ก็เห็นเช่นกัน “นี่มัน…”
“พลังอันยิ่งใหญ่” เม่ยเอ๋อร์รีบเข้าใกล้ผิวแม่น้ำที่ปั่นป่วน ดวงตาของนางเปล่งประกายแสงสีแดง
เยี่ยนจื่อเสามีไหวพริบเฉียบแหลม เขาเอ่ยว่า “ข้ารู้สึกว่าใต้แม่น้ำเย่ว์หมิงน่าจะกลับสู่ภาวะปกติแล้ว เหมือนกับว่าพลังไม่มั่นคงนั่นกำลังถูกกำจัดไป? ไม่รู้ว่าข้าคิดไปเองหรือไม่…”
“เกรงว่าเจ้าจะคิดไปเองจริงๆ ข้าไม่เห็นรู้สึกเช่นนั้นเลย” อินหลิวเฟิงไม่รู้สึกอะไรจริงๆ ทว่าอินสวินอี้กลับสัมผัสได้เล็กน้อย เขารีบออกคำสั่งว่า “เอ้อร์เหมา เจ้ารีบไปเชิญเหล่านักบวชจากสำนักจวินจื่อมา!”
“มิต้อง ท่านอ๋อง! พวกข้ามาแล้วขอรับ” กลิ่นอายอันแรงกล้าจากทางทิศใต้มาถึงในขณะที่อินสวินอี้ออกคำสั่ง ก่อนที่นักบวชทั้งหกนายในชุดคลุมสีดำจะปรากฏตัว บนศีรษะของพวกเขายังสวมมงกุฎขนนกสีดำทองเหมือนกันด้วย
นักบวชทั้งหกนำโดยผู้อาวุโสสูงสุดที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุด ชั่วขณะที่เขาปรากฏตัวนั้น เขาก็คารวะอินสวินอี้
“ท่านอ๋อง พวกข้าสัมผัสถึงความผิดปกติของแม่น้ำเย่ว์หมิงแล้วจึงรีบเร่งเดินทางมา”
“ท่านอ๋อง” นักบวชที่เหลือห้านายต่างคารวะอินสวินอี้
อินสวินอี้กลับโบกมือกล่าวว่า “อย่าเพิ่งมากพิธีตอนนี้เลย พวกเจ้ารีบไปดูพลังที่อยู่ใต้แม่น้ำเย่ว์หมิงว่าถูกสยบแล้วใช่หรือไม่”
นักบวชทั้งหกนายก็เป็นคนคล่องแคล่ว หลังจากได้รับคำสั่งของอินสวินอี้ พวกเขาก็กระจายกันลงไปในแม่น้ำเย่ว์หมิง ทว่าพวกเขาลงไปไม่ได้…
“อ้อ! ต้าซือมิ่งกางค่ายกลควบคุมไว้ คงไม่ต้องการให้ผู้ใดลงไปวุ่นวาย” อินหลิวเฟิงรีบอธิบาย
นักบวชที่ถูกดีดออกมาเพิ่งจะตั้งสติได้ พวกเขาจึงรีบใช้จิตสัมผัสบนค่ายกลที่อยู่เหนือพายุทะเล จากนั้นพวกเขาก็พบว่าพลังที่แต่เดิมพวกเขาทำนายไว้ว่าจะระเบิดกลายเป็นมหาอุทกภัยนั้นสงบลงแล้วจริงๆ!
เรื่องนี้ทำให้หัวหน้านักบวชรู้สึกตื้นตันนัก “ท่านอ๋อง นายท่านน้อย! ภัยอันตรายใต้แม่น้ำถูกกำจัดแล้วจริงๆ ขอรับ หากสถานการณ์ดำเนินเช่นนี้ต่อไป แม่น้ำเย่ว์หมิงจะสงบลงได้อย่างรวดเร็ว น้ำจะลดลงภายในหนึ่งวัน”
“ดีจังเลย!” อินหลิวเฟิงตบหน้าผากเบาๆ ด้วยความดีใจ “ต้องพึ่งต้าซือมิ่งจริงๆ ด้วย ไม่สิ! ก็ไม่แน่ กูไหน่ไนอาจจะเป็นคนช่วยไว้ก็ได้”
“ไม่ว่าอย่างไร ล้วนเป็นเรื่องดี” อินสวินอี้ถอนหายใจโล่งอก “หลิวเฟิง เจ้าไปแจ้งกองทัพและสำนักจวินจื่อ หลังจากน้ำลดแล้ว อย่าเพิ่งปล่อยให้สามัญชนกลับเมืองเป็นการชั่วคราว รอให้ต้าซือมิ่งและท่านปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนขึ้นมาแล้วค่อยวางแผนต่อไป”
“ขอรับ! ข้าไปเดี๋ยวนี้” อินหลิวเฟิงผ่อนคลายลงไม่น้อย เขาพาเอ้อร์เหมาออกไปทำงานต่อแล้ว
ทว่าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอินหลิวเฟิงหรือโยวตูอ๋องอินสวินอี้ก็ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าแม้อุทกภัยครั้งนี้สงบลงแล้ว แต่วิกฤตของโยวตูเพิ่งจะเริ่มขึ้น
…
ณ ตำหนักราชสำนักในวังหลวงตี้ฉิว เสียงรายงานแหลมสูงของขันทีดังขึ้น “ทูลฝ่าบาท เซ่าซือมิ่งกู้แห่งตำหนักซือมิ่งขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญ” เสียงอันน่าเกรงขามของจักรพรรดิสงบลง
ไม่นานกู้หยวนซูก็เดินตามขันทีราชสำนักเข้ามากลางตำหนักราชวัง นี่เป็นตำหนักที่จักรพรรดิหยวนคังประทับทรงงานและเป็นตำหนักที่เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่เข้าเฝ้า
หลังจากที่กู้หยวนซูเดินผ่านพรมทางเดินสีแดงแสนยาวแล้วจึงเห็นจักรพรรดิหยวนคังประทับบนบัลลังก์ ทว่านางมิได้ตั้งใจดู เพราะการสบตาจักรพรรดินั้นเป็นสิ่งมิควร
“หม่อมฉันหยวนซู คารวะจักรพรรดิเพคะ” กู้หยวนซูคารวะอย่างไม่แข็งกร้าวและถ่อมตนจนเกินตัว ทั้งใบหน้าและท่าทีของนางยังสง่างดงาม
เมื่อจักรพรรดิหยวนคังที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เห็นสาวงามเช่นนี้แล้ว ย่อมจิตใจเบิกบานจนแสดงความนุ่มนวลขึ้นเล็กน้อย “ซูเอ๋อร์มิต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” กู้หยวนซูลุกขึ้น นางพบว่านอกจากมีคนรับใช้ของจักรพรรดิในตำหนักแล้ว ยังมีขุนนางผู้ใกล้ชิดฝ่าบาทอีกท่านหนึ่ง นั่นก็คือเฉาหมิงเฉิง ขุนนางท่านนี้เคยไปสำนักชางอู๋เมื่อไม่นานมานี้
“ใต้เท้าเฉา เชิญ” ขันทีที่เป็นที่ไว้ใจของจักรพรรดิหยวนคังก็เชิญให้เฉาหมิงเฉินออกไป ขันทีท่านนี้ทราบดีว่าเซ่าซือมิ่งกู้นั้นไม่ใช่บุคคลธรรมดาสำหรับจักรพรรดิหยวนคัง
“กระหม่อมขออำลา” เฉาหมิงเฉินในฐานะที่เป็นขุนนางใกล้ชิดฝ่าบาทก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ลึกซึ้งขององค์จักพรรดิที่มีต่อเซ่าซือมิ่งงดงามท่านนี้มิใช่ความสัมพันธ์ที่จักรพรรดิปฏิบัติต่อเบื้องล่างทั่วไป
เพียงแต่ว่า…
ก่อนที่เฉาหมิงเฉินจะออกไป เขาก็อดเหลือบมองกู้หยวนซูไม่ได้ และก็เปรียบเทียบเซ่าซือมิ่งกู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งต้าซย่ากับคุณหนูใหญ่เยี่ยนท่านนั้น จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะทันที เขารู้สึกว่าความงามของกู้หยวนซูก็มีเพียงเท่านี้ เมื่อเปรียบเทียบกับคุณหนูใหญ่เยี่ยนแล้ว นางก็แค่ ‘พองาม’ เท่านั้น
และท่าทีเล็กน้อยเหล่านี้ของเขา จักรพรรพิหยวนคังก็เห็นหมดแล้ว ทำให้เขาคิดถึงบทสนทนาที่เขาเพิ่งคุยกับขุนนางท่านนี้เมื่อครู่นี้ได้ “งามเพียงใด งามสู้ซูเอ๋อร์ได้หรือไม่”
เฉาหมิงเฉินไม่ทันตอบคำถามนี้ กู้หยวนซูก็มาแล้ว ทว่าท่าทีส่ายศีรษะและถอนหายใจของเฉาหมิงเฉินก็ตอบคำถามของเขาชัดเจนแล้ว
‘หรือว่าคุณหนูใหญ่เยี่ยนท่านนั้นงดงามกว่าซูเอ๋อร์มาก’ จักพรรดิหยวนคังเกิดคำถามในใจ แต่แล้วเขาก็ได้คำตอบอย่างรวดเร็ว เพราะเฉาหมิงเฉินที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นขุนนางคัดเลือกสาวงามนั้น ความสามารถในการประเมินความงามของเขาก็เป็นที่ยอมรับของจักรพรรดิหยวนคังในระดับสูงแล้ว
จากนั้นกู้หยวนซูก็ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อนางพบว่าจักรพรรดิหยวนคังที่ปฏิบัติต่อนางต่างจากผู้อื่นนั้นกำลังเหม่อลอย “ฝ่าบาทเพคะ?”
“อ้อ มีเรื่องอันใด” จักรพรรดิหยวนคังตั้งสติ สีหน้ากลับคืนปกติ
กู้หยวนซูก็หลุบตาลงกล่าวว่า “อุทกภัยแม่น้ำเย่ว์หมิงเกิดขึ้นแล้ว มีส่วนหนึ่งกระทบวังหลวง ทางด้านโยวตูมิสามารถควบคุมอุทกภัยครั้งนี้ได้เพคะ”
“ดี” จักรพรรดิหยวนคังแสดงสีหน้าคาดเดายาก “เราขอบัญชาให้เจ้าไปยังโยวตู นำตัวท่านอ๋องแห่งโยวตูและ… คุณหนูใหญ่เยี่ยนท่านนั้นมาพบข้าที่วังหลวง”