เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 215 เสี่ยวเป่าเรียก ‘พ่อ’
เยี่ยนอวี๋ค่อยๆ ‘ฟื้น’ จากความทรงจำแล้ว ในระหว่างนี้ นางสัมผัสได้ว่าเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมอกนางกำลังฉุนเฉียว ราวกับมีอะไรทำให้เขาโมโห เยี่ยนอวี๋จึงลืมตาขึ้นขณะที่ต้าซือมิ่งหันหลังกลับไปพอดี “เม่ยเอ๋อร์”
ฟิ้ว!
เม่ยเอ๋อร์จู่โจมกู้หยวนซูโดยที่ไม่พูดอะไรทันที ด้วยความรวดเร็วของนาง… กู้หยวนซูไม่ทันกะพริบตาเสียด้วยซ้ำ นางก็ถูกจับไว้แล้ว
นี่มัน…
“เชี่ย!”
อินหลิวเฟิงคิดว่าเรื่องต้องบานปลายแน่ๆ!
“ให้ตายเถอะ!”
เหล่าผู้แข็งแกร่งราชสำนักเองก็สะท้านกันไปหมด พวกเขาต่างแสดงพลังแข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาแล้ว เพราะการจู่โจมของเม่ยเอ๋อร์ทำให้พวกเขารับรู้ถึงวิกฤตร้ายแรง เพราะชั่วขณะเมื่อครู่นั้น พวกเขาไม่ทันหายใจและไม่ทันมองเห็นอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างก็จบลงแล้ว!
อีกทั้ง… อีกทั้ง…
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ฝ่ายตรงข้ามจับคนจากข้างกายต้าซือมิ่ง ต้าซือมิ่งก็เหมือนกับมิได้หยุดยั้งนาง?
นี่มัน…
“…!”
เหล่าผู้แข็งแกร่งเหงื่อตก
หารู้ไม่ว่า ต้าซือมิ่ง ‘ของพวกเขา’ ไม่ใช่มิสามารถหยุดยั้งได้ แต่เป็นเพราะเขามิได้ต้องการจะหยุดยั้งตั้งแต่แรก มิหนำซ้ำเขายังเมินเฉย มุมปากของเขาค่อยๆ ยกขึ้น
อินสวินอี้ที่เดินทางมาอย่างเร่งรีบ เขาจึงได้ประจักษ์เหตุการณ์ตรงหน้าอันแสนแปลกประหลาดนี้
สิ่งที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้มากที่สุดคือ ต้าซือมิ่งกำลังยืนประจันหน้ากับภรรยา? เขาคิดอะไรอยู่กันแน่? สมองที่ตนคิดว่าฉลาดพอควรนั้น บัดนี้เหมือนว่าจะไม่พอใช้เสียแล้ว
แต่แล้ว…
ไม่ว่าอินสวินอี้จะงุนงงอย่างไร กองกำลังโยวตูที่เขานำทัพมาก็ตั้งท่าเตรียมรบแล้ว เพราะว่าบรรยากาศในตอนนี้ตกอยู่ในความตึงเครียดจริงๆ!
ฟิ้ว!
ฟิ้วๆ!…
กองกำลังราชสำนักที่ทยอยกันมาถึงต่างง้างธนูไว้แล้ว เพราะการจู่โมของเม่ยเอ๋อร์ก็คือสัญญาณเปิดศึกที่ชัดเจนมาก
หากไม่ใช่เพราะต้าซือมิ่งราชสำนักยังไม่แสดงทีท่าอะไร และราชสำนักเองก็เกรงกลัวความน่ากลัวของเม่ยเอ๋อร์ รวมถึงการมาถึงของกองกำลังโยวตูและโยวตูอ๋อง พวกเขาคงเปิดศึกตั้งแต่แรกแล้ว
ทว่าถึงแม้จะมีปัจจัยหลายอย่างจำกัดอยู่ สถานการณ์ที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งแต่ละสำนักผู้ช่ำชองสงครามตั้งท่าพร้อมรบไว้แล้ว!
“…”
กลิ่นอายสงครามก่อตัวแน่นหนาบนแม่น้ำเย่ว์หมิงอย่างไม่ลดละ ทำให้ต้าซือมิ่งถอนหายใจพร้อมกับยกมือขึ้นแล้ว เขากำลังครุ่นคิดว่ามารดาของเด็กน้อยสามารถทำให้ทุกคนตึงเครียดได้ถึงระดับนี้เพียงชั่วขณะที่เขาเหม่อลอยเมื่อครู่ได้ นางช่างวิเศษนัก
เยี่ยนอวี๋ที่วิเศษจริงๆ ก็กำลังมองแผ่นหลังของต้าซือมิ่งอย่างสงบนิ่ง “ข้าขอเตือนเจ้า อย่าขยับ เรามาคุยกัน”
ในขณะที่เยี่ยนอวี๋ขู่เขา เสียงร้องกระบี่ที่มีเพียงต้าซือมิ่งเพียงผู้เดียวได้ยินกำลังส่งเสียง วิ้ง ด้วยพลังสังหารอันแรงกล้าข้างหูเขา!
“หึ” ต้าซือมิ่งหรงยิ้ม เป็นครั้งแรกที่เขาถูกข่มขู่สำเร็จ เขาเองก็ค่อนข้างเกรงกลัวพลังอำนาจของกระบี่ไท่ชางจึงทำได้เพียงอยู่นิ่งๆ
ทว่าการอยู่นิ่งๆของเขาทำให้เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกท่านแม่อุ้มไว้กระสับกระส่ายไปมา เด็กน้อยที่สัมผัสได้ถึงความพยาบาทระหว่างท่านพ่อและท่านแม่ เขาก็ร้อนรนจนเหงื่อแตก ศีรษะน้อยโล้นๆ ของเขาร้อนระอุจนเหงื่อไหลพลั่ก
“…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าทำท่าจะปริปากอธิบายให้ท่านแม่ของเขาฟัง แต่เรื่องมันยาวเกินไป เขากลับส่งเสียงอะไรไม่ออกเลย เขารู้สึกกระวนกระวายใจนัก
กระวนกระวายจนคำว่า ‘อ้ะ’ และคำว่า ‘เนะ’ เป็นพันหมื่นคำของเขา เปล่งออกมากลายเป็นคำว่า “… พอ!” เพียงคำเดียว
คำว่า ‘พอ’ อันแผ่วเบาที่เปล่งออกมานี้ เยี่ยนอวี๋มิได้สนใจในตอนแรก แต่ว่านางสัมผัสถึงความกระสับกระส่ายของเด็กน้อยได้ นางจึงลูบหลังของเด็กน้อยพลางจ้อมองต้าซือมิ่ง
แต่แล้ว…
เสี่ยวเป่าน้อยจิ้มลิ้มที่ปรับเสียงในลำคอเสร็จแล้ว จู่ๆ เขาก็เอ่ยปากอีกครั้ง เขาส่งเสียงเรียกไปทางศัตรู “พ่อ!” อย่างชัดถ้อยชัดคำและได้มาตรฐาน!
เยี่ยนอวี๋ “!”
ฝั่งราชสำนักตัวสั่นสะท้าน! พวกเขาต่างรู้สึกถึงภัยอันตรายอันคลุมเครือจากเด็กน้อย ทว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่า เจ้าก้อนน้อยที่เล่นงาน ‘พวกเขา’ กำลังมองไปที่คนที่ดี (น่ากลัว) ที่สุดในค่ายและส่งเสียงเรียก “พ่อ”
มิหนำซ้ำ พวกเขาไม่รู้ด้วยว่าภัยอันตรายที่ทำให้พวกเขาตัวสั่นสะท้านก็คือคำว่า “พ่อ” คำนี้ บางคนยังได้ยินไม่ชัดเลยว่าเด็กน้อยเปล่งคำว่า “พ่อ” ออกมา เพราะหลายๆ คนที่เตรียมพร้อมสู้รบอยู่นั้นต่างกำลังจ้องมองศัตรูของตนอย่างตึงเครียด พวกเขาไม่มีเวลามาสนใจกิริยา คำพูดและท่าทีของทารกน้อย
เมื่อเยี่ยนอวี๋ตั้งสติได้ก็รีบปิดปากบุตรชายไว้ทันที นางไม่มีเวลาไปสนใจว่าบุตรชายมองใคร “ไม่! ไม่ใช่! เจ้าไม่มี”
แม้เสี่ยวเป่าตัวน้อยจะถูกปิดปากไว้ เขายังคงพยายามพูดด้วยเสียงอู้อี้เพื่อบอกว่า “นั่นก็คือท่านพ่อของเขาไง! ก็คือท่านพ่อของเขา! ท่านพ่อรูปงาม!”
เยี่ยนอวี๋ “…”
เศษสวะตัวไหนกันที่หลอกล่อหัวใจของเด็กน้อยผู้น่ารักของนางไป?! ซ้ำร้ายนางยังไม่รู้เรื่องเลยด้วย?! ทั้งๆ ที่นางอยู่ข้างกายเด็กน้อยตลอดเวลา ไม่ว่าเด็กน้อยเจอใครมาหรือรู้จักใคร นางย่อมรู้หมด! เคยเล่นกับใครมา นางก็รู้
ไม่ ไม่ถูก…
ช่างน่ากระสับกระส่ายจริงๆ!
เยี่ยนอวี๋แทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ครั้นนางสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว นางก็มองไปที่ต้าซือมิ่งราชสำนักที่ลำตัวแข็งทื่อและเกร็งไปทั้งตัว
ในขณะเดียวกัน ต้าซือมิ่งท่านนี้ก็กำลังอ้าปากค้าง ทำหน้าอึ้งอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาอึ้งไปเลยจริงๆ! อึ้งมาก…
เพราะว่าเด็กน้อยยังเด็กมาก อายุเพียงสี่เดือนกว่า ในสายตาของต้าซือมิ่งหรงแล้ว เขาเด็กจนเขาไม่กล้าอุ้ม กลัวว่าจะพลั้งมือทำเขาเปราะแตก ทว่าเจ้าก้อนน้อยตัวเล็กคนนี้เรียกเขาว่า “พ่อ”
พ่อหรือ… ช่างมหัศจรรย์นัก
ต้าซือมิ่งหรงรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ในร่างกายของเขามีความรู้สึกอันเลือนรางกำลังก่อตัวขึ้น ทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นชินและแปลกประหลาด แต่ก็ราวกับคุ้นเคยมาก
มหัศจรรย์จริงๆ…
ความรู้สึกมหัศจรรย์นี้ทำให้ต้าซือมิ่งยกมือขึ้นแตะหัวใจอย่างไม่รู้ตัว นัยน์ตาของเขาประกายแสงระยิบระยับ ก่อเกิดความอัศจรรย์ในทันใด
ในขณะเดียวกัน…
“เจ้านี่เอง!”
เมื่อเยี่ยนอวี๋รู้ว่าเจ้าสารเลวคือใครแล้ว นัยน์ตาของนางก็เคร่งขรึมลง
เยี่ยนอวี๋ที่ไม่รู้ว่าเด็กน้อยของตนมีพลังพิเศษในการหาพ่อ นางก็ทึกทักไปเองว่าต้าซือมิ่งท่านนี้หลอกล่อเด็กน้อยของนางไป
ทว่าเยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจว่าการหลอกให้เด็กน้อยของนางเรียกเขาว่าพ่อมีประโยชน์อันใดกับต้าซือมิ่งเจ้าคนสารเลวคนนี้ เหตุใดเขาต้องทำเช่นนี้ ว่างมากรึไง คิดจะหลอกลวงเสี่ยวเป่ารึ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เยี่ยนอวี๋ก็ยิ่งโมโห! กระบี่ไท่ชางที่ถูกนางควบคุมก็ลอยขึ้นกลางอากาศ
แต่แล้ว…
ฟิ้ว!
ก่อนที่กระบี่ไท่ชางจะลงมือทำอะไร ต้าซือมิ่งกลับเคลื่อนไหวเร็วยิ่งกว่า! จู่ๆ เขาก็ประชิดตัวสองแม่ลูกเยี่ยนอวี๋…
“เจ้า!…”
เยี่ยนอวี๋ถอยหลังด้วยสัญชาติญาณ กระบี่ไท่ชางไหวตัวพร้อมกัน
ทว่าถึงนางจะเร็ว แต่ต้าซือมิ่งเร็วยิ่งกว่า!
ฟิ้ว!
แสงสีม่วงเจิดจ้าปกคลุมตัวของเด็กน้อยไว้ เหมือนกับว่ามันจะปกคลุมเยี่ยนอวี๋ไว้เช่นกัน
จากนั้น… ก็ไม่มีจากนั้นอีก เยี่ยนเสี่ยวเป่าหายไปแล้ว เขาถูกต้าซือมิ่งราชสำนัก ‘ลักพาตัว’ ไปต่อหน้าเยี่ยนอวี๋! ‘ลักพาตัว’ ไปอย่างโจ่งแจ้ง
อินสวินอี้ “…”
เชี่ย!
เขาดูถูกความสามารถในการแสวงหาความตายของต้าซือมิ่งเกินไปแล้ว ความสามารถนี้เทียบเท่ากับความเก่งกาจของเขา ไม่น้อยหน้ากันเลย
เรื่องนี้ทำเอาอินสวินอี้ครุ่นคิดจนศีรษะจะระเบิด เขากังวลว่าหากกองกำลังสองฝั่งสู้กันจริงๆ ผู้ที่จุดชนวนสงครามครั้งนี้ดันคือสองผัวเมียคู่นี้!…
ในขณะที่อินสวินอี้กำลังกังวลนั้น เสียงดุจสวรรค์อันแจ่มชัดก็ดังขึ้นกลางอากาศ “ก่อนที่ตัวข้าซือมิ่งจะกลับมา ห้ามใครทำอะไรทั้งสิ้น”
เสียงของเขาดังขึ้นราวกับเสียงพิณ ประหนึ่งมีใครกำลังบรรเลงเพลงผ่านธารน้ำใสบนขุนเขา ผ่านสายลมใต้ฟ้าบนดิน เสียงสุขุมนุ่มลึก ทั้งนุ่มนวลและสง่างาม ทั้งไร้ตัวตนและชัดเจน ไพเราะจับใจ
สำหรับอินสวินอี้แล้ว ไพเราะยิ่งนัก!
แต่สำหรับเยี่ยนอวี๋แล้ว เป็นเพียงการยั่วยุและการล่วงละเมิดอันร้ายแรงเท่านั้น
ดังนั้น ทันทีที่เสียงนี้ลอยล่องมา เยี่ยนอวี๋ก็เงยหน้าตวาดใส่ทันทีว่า “หาเรื่องตายรึไง!”
ทันทีที่เสียงตวาดดังขึ้น มันก็นำพามาซึ่งแสงสายฟ้ามืดครึ้มราวกับสามารถเปลี่ยนแปลงกฎแห่งธรรมชาติ พวกมันเป็นตัวแทนของพระประสงค์ของเหล่าทวยเทพ มันผ่าตรงไปที่ต้าซือมิ่ง
วิ้ง เยี่ยนอวี๋หายวับกลายเป็นสายแสงสีรุ้ง นางเหินนภาไปอย่างเจิดจรัสและยิ่งใหญ่ งดงามสะท้านโลกา
จนถึงบัดนี้ อินหลิวเฟิงและผู้คนที่อยู่รายรอบเพิ่งค้นพบความแข็งแกร่งของเยี่ยนอวี๋ ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นเพียงความงามและความสง่าของนาง แต่บัดนี้… อินสวินอี้อดปาดเหงื่ออุทานขึ้นไม่ได้ว่า “สุดยอด!”
“สุดยอดจริงๆ!” เหล่านักบวชโยวตูและผู้แข็งแกร่งชั้นยอดสองสามนายของโยวตูต่างสัมผัสถึงมหันตภัยในพลังของเยี่ยนอวี๋
“ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนอะ… อาจจะไม่ได้ด้อยไปกว่าต้าซือมิ่ง?” อินสวินอี้ตะลึงกับการประเมินของตนเอง
ทุกคนในเหตุการณ์ “!!!”
รวมทั้งกู้หยวนซู นางเองก็ตะลึงเช่นกัน
“ไม่”