เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 216 ตามไปจัดการเขาซะ
นักบวชโยวตูอาวุโสส่ายศีรษะอย่างมั่นใจ “แม้ความสามารถของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนจะไม่ธรรมดา แต่เทียบกับต้าซือมิ่งแล้ว ยังห่างกันมากโข” มิเช่นนั้นเมื่อครู่นี้นางคงไม่ถูก “ขโมย” ลูกไปหรอก
แต่จะว่าไปแล้ว นักบวชอาวุโสก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้าซือมิ่งต้องแย่งเด็กน้อยของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนไป นี่มันไม่ต่างจาก… อันธพาลเลย เพียงแต่ว่า…
“เมื่อครู่นี้เหมือนกับว่าข้าจะได้ยินนายท่านน้อยเรียกพ่อ?” เอ้อร์เหมาเจ้าทูตตัวน้อยกลับจับประเด็นสำคัญได้ แต่ประเด็นนี้ทำให้เขารับไม่ค่อยได้
เม่ยเอ๋อร์ดันพูดยืนยันว่า “เจ้ามิได้ฟังผิด”
เอ้อร์เหมา “…”
“เรียกต้าซือมิ่งว่าพ่อหรือ” เยี่ยนจื่อเสาที่งุนงงถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก
“เจ้าค่ะ” เม่ยเอ๋อร์มั่นใจมาก! แม้นางเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายท่านน้อยต้องเรียกต้าซือมิ่งท่านนั้นว่า ‘พ่อ’ แต่นางได้ยินเช่นนั้นจริงๆ
เอ้อร์เหมา “…”
เช่นนั้นนายท่านน้อยของพวกเขาจะทำอย่างไรเล่า
“คงมิใช่หรอก…”
อินหลิวเฟินเข่าทรุดเมื่อได้ยินถึงตรงนี้
“ไม่ใช่แน่นอน!”
เสียงของกู้หยวนซูโพล่งขึ้น หลังจากที่ต้าซือมิ่งจากไป กลิ่นอายที่สกัดกั้นกู้หยวนซูไว้ก็ค่อยๆ จางลง แต่นางยังคงถูกเม่ยเอ๋อร์กุมตัวอยู่ ดังนั้นถึงแม้กู้หยวนซูจะพูดได้แล้ว แต่ยังคงถูกจับกุมตัวไว้ ทว่านางก็ตวาดขึ้นว่า “นังทาสป่าเถื่อน! ยังไม่รีบปล่อยข้าอีก!”
“…”
เม่ยเอ๋อร์ส่งสายตาเย็นชาราวกับกำลังมองคนตายไปที่กู้หยวนซู
“เจ้า…”
กู้หยวนซูอ้าปากทำท่าจะพูดอะไร จิตใต้สำนึกในอนุสติของนางก็ส่งเสียงดังขึ้น ‘เงียบเถิด พลังสังหารของสาวใช้คนนี้รุนแรงมาก’
“ท่านปราชญ์! ท่านหายดีแล้วหรือ” กู้หยวนซูถามทันที นางสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณของท่านปราชญ์ที่อยู่ในอนุสติของนางท่านนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส มันอ่อนแอจนไม่สามารถสื่อจิตเชื่อมโยงกับนางได้
ปีศาจระกาเก้าเศียรที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ เสียงของมันยังคงอ่อนแอมาก ‘ยังไม่ถือว่าหายดี เพียงแค่ทุเลาลงเท่านั้น ว่าแต่เจ้าน่ะ ช่างจองหองนัก’
“ข้า…”
‘เจ้ามิต้องอธิบาย ข้ารู้ว่าเจ้าเกิดอารมณ์เสน่หาอันไม่สมควรต่อต้าซือมิ่ง ทำให้เจ้าโง่เขลา กระวนกระวาย ทำสิ่งใดก็ไม่สำเร็จ’ ปีศาจระกาเก้าเศียรตำหนิ
กู้หยวนซูเงียบ…
นางรู้ว่านางกระวนกระวายเกินไป และยังแสดงความโง่เขลายิ่งนัก แต่ทุกครั้งที่เจอเรื่องที่เกี่ยวข้องกับต้าซือมิ่ง นางมักจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้
‘ข้าเคยบอกว่า หากต้องการบำเพ็ญตนสำเร็จ เจ้าต้องละเว้นจากกิเลสทางอารมณ์และความรู้สึกทั้งหลาย แต่เจ้าน่ะ…’ ปีศาจระกาเก้าเศียรถอนหายใจ ‘เจ้าเคยให้สัญญากับข้าว่าจะรักษาความตั้งใจเดิม หมั่นฝึกฝนบำเพ็ญให้บรรลุสำเร็จ’
“ท่านปราชญ์ ข้า…”
‘ช่างเถิด ต้าซือมิ่งที่เจ้าชอบก็ดูไม่ธรรมดาจริงๆ เจ้าเองก็ยังเป็นสาวแรกรุ่น ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดความหลงใหลในตัวเขา แต่บัดนี้เจ้าควรตื่นได้แล้ว ในเมื่อเมื่อครู่นี้เจ้าก็เห็นแล้วว่าเขาไม่สนใจเจ้าเลย เขาสนใจสตรีตระกูลเยี่ยนนางนั้นมากกว่า’
“นั่นเป็นเพราะนังชั่วนั่นใช้หน้าตาหลอกล่อต้าซือมิ่ง! แต่ต้าซือมิ่งไม่ใช่คนหลงกลมายาแน่นอน เขาต้องมีเหตุผลของเขาจึงให้ความสนใจนังชั่วนั่นนัก!” กู้หยวนซูแสดงจุดยืนชัดเจน
ปีศาจระกาเก้าเศียรพยักหน้าเห็นด้วย ‘ใช่แล้ว นางดูประหลาด เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าข้าเคยยืมมือเจ้าวางกลควบคุมในตัวนางไว้’
“…จำได้” กู้หยวนซูที่พอจำความได้ก็ย้อนคิดถึงอดีต “ครานั้นท่านบอกว่าในตัวนางมีพรสวรรค์วิเศษ?”
กู้หยวนซูจำได้ว่า ถึงแม้ตอนนั้นนางอายุเพียงสิบสี่ แต่เพราะนางมีความสามารถพิเศษกว่าผู้ใด จึงถูกแต่งตั้งเป็นเซ่าซือแห่งตำหนักซือมิ่ง ในปีนั้นนางบังเอิญเจอเยี่ยนจื่ออวี๋อายุสิบขวบในเมืองชางอู๋
นังคนชั่วนั่น…
กู้หยวนซูจึงจำได้ว่า ตั้งแต่อายุสิบขวบ นังคนชั่วนั่นก็มีจริตมาร แต่นางกลับไม่มีพลังความสามารถเลยแม้เพียงน้อย! ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นเพียงสตรีต่ำช้าที่เกิดมาเพื่อเป็นของเล่นของชายชาตรีเท่านั้น
นางในครานั้นจึงตัดสินให้นังคนชั่วเป็นผู้ไร้พลังแต่กำเนิดและไม่มีทางฝึกบำเพ็ญได้! เพียงแต่ว่า…
“ท่านปราชญ์ ตอนนั้นนังคนชั่วไม่สามารถฝึกบำเพ็ญตนได้ แต่บัดนี้เหมือนกับว่านางจะมีวิชาไม่ธรรมดาแล้ว” ในขณะที่กู้หยวนซูคิดแค้นริษยา นางก็ค้นพบปัญหาสำคัญ
‘ใช่แล้ว! นี่คือสิ่งที่ข้าบอกว่าผิดปกติ’ พลังวิญญาณปีศาจระกาเก้าเศียรวูบไหวเล็กน้อย ‘ในตอนนั้นข้าวางกลควบคุมตัวนางไว้ มันสามารถทำให้นางมิอาจฝึกบำเพ็ญใดๆ ได้ แต่ท้ายที่สุดนางยังคงมีวิชา เรื่องนี้ต้องมีไม่ชอบมาพากลเป็นแน่ ข้าจำได้ว่าเจ้ามีน้องชายคนหนึ่งชื่อกู้หยวนเหิง ใช่แล้ว! สตรีนางนี้หลงใหลเขาตั้งแต่เด็กมิใช่หรือ ประเดี๋ยวเจ้าลองกลับไปถามน้องชายเจ้าว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ช่วยข้าฟื้นตัวก่อน’
“ได้” กู้หยวนซูก็อยากรู้ว่านังคนชั่วนั่นทำอะไรลงไปกันแน่! สตรีที่เกิดมาเป็นของเล่นจู่ๆ มีวิชา และยังกลายเป็นนักปรุงยาในตำนาน?
ต้องมีอะไรบางอย่างในนี้แน่ๆ เมื่อกู้หยวนซูคิดได้เช่นนั้น นางก็แอบสะใจเบาๆ นางเชื่ออย่างแน่วแน่ว่า นังคนชั่วนั่นไม่หลอกลวงเบื้องบนก็ใช้เส้นทางมิชอบ ไม่ว่าจะเป็นทางใด เพียงแค่มีหลักฐาน นางมั่นใจว่านางจะทำให้นั่งคนชั่วนั่นตายอย่างไร้ที่ฝัง
หึ… นังคนชั่ว บังอาจฝันใฝ่ถึงต้าซือมิ่ง!
…
“นางเป็นอะไรน่ะ? สีหน้านางแปรเปลี่ยนไปมา เห็นแล้วขนลุกไปหมด!” เอ้อร์เหมาที่สังเกตกู้หยวนซู เขาก็ลูบแขนของตนเองอย่างไม่รู้ตัว พลันเสียวสันหลังวาบ
“คิดสังหารคุณหนูใหญ่อยู่แน่ๆ!” เม่ยเอ๋อร์ทายถูกทันที นางผนึกกู้หยวนซูไว้แน่นหนากว่าเดิม แน่นอนว่าความตั้งใจเดิมของนางคือการฆ่าสตรีต่ำช้าคนนี้ทิ้งเสีย แต่คุณหนูใหญ่ไม่ได้สั่ง ทว่าแม้เม่ยเอ๋อร์ไม่ได้ฆ่านาง แต่ท่าทางของนางก็ทำให้คนราชสำนักอยู่ไม่สุข เฉิงคั่วอดตำหนิไม่ได้ว่า “แม่นางท่านนี้ ข้าขอเตือนเจ้า รีบปล่อยเซ่าซือมิ่งกู้เสีย! มิเช่นนั้น…”
“ไม่ปล่อย แน่จริงก็มาสู้กับข้า” เม่ยเอ๋อร์โต้ทันควัน
เฉิงคั่ว “…”
เขาเองก็อยาก แต่ต้าซือมิ่งทิ้งคำสั่งไว้ก่อนจากไป ใครจะกล้าลงไม้ลงมือตอนนี้เล่า
แต่ว่า…
เซ่าซือมิ่งผู้สวมชุดขาวทั้งตัวอีกคนก็เอ่ยขึ้นว่า “เซ่าซือมิ่งกู้เป็นคนของตำหนักซือมิ่งของข้า มีต้าซือมิ่งคอยปกป้อง แม้ต้าซือมิ่งไม่ได้สั่งให้เจ้าปล่อย แต่เรื่องโจ่งแจ้งเช่นนี้ เจ้าเป็นเพียงสาวใช้ อย่าก่อเรื่องจะดีกว่า”
ชายที่กล่าวคือเซ่าซือมิ่งเฉิน เขาชื่อเฉินฉุนเฟิง เป็นผู้นำของกองกำลังชั้นยอดแห่งตำหนักซือมิ่ง เขามีอายุไม่น้อยแล้ว เป็นชายชราวัยหกสิบ แต่ดวงตาสดใสและผมดกดำของเขาทำให้เขาดูเหมือนชายวัยสามสิบ
อินสวินอี้ได้ยินดังนั้น เขาก็ยิ้มพูดว่า “หึๆ ข้าคิดว่าต้าซือมิ่งไม่ประสงค์เช่นนั้น ดังนั้นพวกเรารักษาสถานการณ์ตอนนี้ไว้ ต่างฝ่ายต่างปักหลักในพื้นที่ของตนจะดีกว่า รอผู้ใหญ่สองท่านคุยเสร็จแล้วค่อยเจรจากัน”
“แต่ว่า…” แม่ทัพสำนักเหยาไถเซียนกำลังจะโต้เถียง กู้หยวนซูที่เพิ่งตั้งสติขึ้นได้ก็พูดขึ้นว่า “ย่อมได้ รอต้าซือมิ่งกลับมา ตัวข้าเซ่าซือย่อมสงบปากสงบคำ บัดนี้ให้สาวใช้โง่เขลาและป่าเถื่อนจับกุมไว้ก็มิเป็นไร”
เม่ยเอ๋อร์ได้ยินดังนั้น…
เปรี้ยง!
นางซัดฝ่ามือไปที่กู้หยวนซูจนนางกระเด็นไปอีกฝั่งหนึ่งทันที ทำเอาทั้งสองฝ่ายตกใจจนหน้าเปลี่ยน!
เม่ยเอ๋อร์กลับพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดถูก ข้าโง่เขลาและป่าเถื่อน พลังก็จะเยอะเป็นธรรมดา หากทำอะไรเจ้าไปเจ้าก็ต้องทน ช่วยไม่ได้ ข้าเป็นเช่นนี้แต่กำเนิด”
กู้หยวนซู “…แค่กๆ”
นางสำลักฝุ่นออกมา ในที่สุดก็รู้ว่าไม่ควรหาเรื่องเม่ยเอ๋อร์ นางจึงเหลือบมองเม่ยเอ๋อร์เงียบๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ทว่าเม่ยเอ๋อร์ไม่สนใจแม้เพียงน้อย
ส่วนคนของราชสำนัก พวกเขาอยากจะประท้วง แต่เม่ยเอ๋อร์นั่งขัดสมาธิลงกับพื้นแล้ว พลังพิฆาตรอบตัวนางยังแผ่ซ่านออกมาไม่หยุด ราวกับกำลังรอให้มีคนคัดค้าน นางจะได้แสดงฝีมืออย่างป่าเถื่อนสักตั้ง!
เฉิงคั่วเห็นดังนั้นก็รีบสั่งการ “ทุกท่าน ตั้งค่ายเถิด!”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ว่าแล้ว สาวใช้ผู้นี้ พวกเจ้าอย่าเห็นนางเป็นสาวใช้ธรรมดา! นางเป็นคนสังหารผู้พิทักษ์สายฟ้าต่อหน้าประมุขสูงสุดหยางเชียวนะ!” เฉิงคั่วจำเป็นต้องอ้างผลงานการต่อสู้ของสตรีเหล็กท่านนี้
ฝ่ายราชสำนัก “…”
พวกเขาที่แต่เดิมต่างโกรธกริ้วราวกับไก่ที่ถูกบีบคอจนหน้าดำหน้าแดง ทว่ายามนี้ก็ไม่มีใครกล้าต่อต้านสาวใช้คนนั้นอีก ถึงอย่างไรคำเตือนของเฉิงคั่วก็ทำให้พวกเขาคิดถึงสงครามระหว่างคุนอู๋และชางอู๋ที่แพร่สะพัดในเมืองหลวง ว่ากันว่าศึกสงครามครั้งนั้นมีสตรีชุดดำขั้นถอดจิตท่านหนึ่งปรากฏตัว นางคือสาวใช้ของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน นางมาจากสถานที่ลึกลับ และมีวิชาลึกลับ ทั้งยังมีความสามารถลึกลับด้วย!
“นางเองหรือ” เฉินฉุนเฟิงไม่คิดว่าจะมีคนผู้นี้อยู่จริงๆ เขาคิดว่าข่าวลือในเมืองหลวงเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น “หากสำนักชางอู๋มีผู้แข็งแกร่งเพียงนี้ เหตุใดจึงตกอับเช่นนี้เล่า”
“ใช่แล้ว ข้าเห็นมากับตาตนเอง!” เฉิงคั่วไม่อยากพูดถึงสงครามครั้งนั้นอีก เพราะสงครามครั้งนั้นทำให้สำนักคุนอู๋อับอายนัก เขาไม่อยากพูดถึงมันมากไปกว่านี้
เฉินฉุนเฟิงก็เข้าใจความรู้สึกของเฉิงคั่วดีว่าเขาไม่อยากกล่าวถึงอีกจึงไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม เพียงแค่พยักหน้าก่อนจะไล่นักบวชและลูกศิษย์ของตำหนักซือมิ่งไปปักหลักตั้งค่ายของตนเอง
ทั้งสองฝ่ายต่างสงบศึกชั่วคราว… แต่ ‘ลูกพี่’ ของพวกเขากำลังตามล่ากันอย่างดุเดือด!
ฟิ้ว…
แสงสีม่วงเจิดจ้าของต้าซือมิ่งในบัดนี้หายวับไปทางบริเวณต้นสายแม่น้ำเย่ว์หมิงราวกับดาวตก ทำเอาเมฆหมอกสีม่วงปกคลุมไปทั่ว
ฟิ้ว!
ส่วนแสงสีรุ้งจรัสของเยี่ยนอวี๋ที่ทะยานไปพร้อมประกายไฟและสายฟ้าตลอดทาง ความโกรธกริ้วของนางทำเอาหมอกสีม่วงต่างแหวกทางให้ อีกเพียงก้าวเดียวก็จะตามไปถึงตัวต้าซือมิ่งแล้ว…