เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 223 ‘สามี’ เก็บ
เยี่ยนอวี๋ “…”
เยี่ยนอวี๋ยังคงมองต้าซือมิ่งด้วยความโมโหในขณะที่ปลุกเร้ากระบี่ไท่ชางไว้แล้ว นางอยู่ในท่าเตรียมพร้อมซัดหมัด! ทว่าตัวนางทื่อไปหมด เพราะว่าหน้าตาของพวกเขาสองคนสร้างแรงปะทะเป็นอย่างมากจริงๆ อย่างน้อยเยี่ยนอวี๋ก็รู้สึกเหมือนถูกกระแทกเข้าอย่างจัง…
แม้ไม่ได้เปรียบเทียบใบหน้าสองใบนี้ แต่หากตั้งใจดูดีๆ เยี่ยนอวี๋ก็พบว่าพวกเขาเหมือนกันมากถึงเก้าส่วน ทว่านางไม่เคยตั้งใจมอง ‘จอมโจรขโมยลูก’ คนนี้อย่างตั้งใจเลย
ถึงอย่างไรสำหรับเยี่ยนอวี๋แล้ว ต้าซือมิ่งมีฉายามากมาย ‘จอมโจรขโมยลูก’ ฉายาหนึ่งในนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้นางมองข้ามทุกอย่าง สำหรับนางแล้วแม้คนๆ นี้จะมีหน้าตาอย่างไรก็ไม่สำคัญแล้ว แม้เขาจะกลายเป็นเถ้าถ่าน นางก็รู้ได้ว่าเป็นเขา
แต่ว่า…
“อ้ะเนะ?”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยังไม่เข้าใจว่าพ่อลูกมีหน้าตาเหมือนกันคืออะไร เขาก็จับใบหน้าน้อยๆ ของตนเองอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็หันไปมองท่านพ่อของเขา แต่แล้วเขาก็ถูกท่านพ่อของเขาบิดศีรษะกลับไป “ปฐมราชินีเยี่ยน เห็นชัดหรือยัง”
…ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ จากเยี่ยนอวี๋ สายตานางว่างเปล่า เพราะนางกำลังเหม่อลอย
ต้าซือมิ่งพึงพอใจกับ ‘ความอึ้ง’ เช่นนี้มาก ดูหน้าของลูกน้อยสิ ช่างเลือกที่จะเกิดมาเหมือนเขาได้ดีจริงๆ
ตอนนั้นเองเขาก็เห็น… อืม… อดีตสุดจะรับได้ ต้าซือมิ่งได้แต่ลบภาพเหล่านั้นออกอย่างเงียบๆ เขาอุ้มเด็กน้อยรอให้มารดาของเขาตั้งสติได้ ซึ่งกระบวนการนี้ย่อมใช้เวลาไม่น้อย แต่เขาก็ไม่รีบ
“อ้ะเนะเนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับร้อนรน เขาเป็นห่วงท่านแม่ของเขา
“มิต้องห่วง ท่านแม่ของเจ้ากำลังเกิดความสงสัยในชีวิต เรารอนางหน่อยเถิด” ต้าซือมิ่งปลอบเด็กน้อยอย่างคนมี ‘ประสบการณ์’ และคอยปกป้องมารดาของเด็กน้อยอย่างระวัง หากนางล้มลงขณะที่ยังไม่ได้สติคืนมา คงเป็นความผิดของเขา
“อ้ะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่รู้ว่าเกิดความสงสัยในชีวิตคืออะไร แต่ไม่ว่าท่านพ่อพูดอะไร เขาก็เชื่อหมด เขาจึงรอตามที่ท่านพ่อบอก
ในเวลานั้น ท่ามกลางภูเขาและแม่น้ำ ทะลวงทะลุหินดาษดา มหาคลื่นธารากระแทกฝั่ง พรายพรั่งดั่งพันก้อนเมฆา โลกาเหมือนภาพวาด เวลาหยุดเดิน ใต้ฟ้าบนดินมีเพียงพ่อแม่ลูกสามคนนี้
หลายปีผ่านไป หรงอี้ยังคงจำฉากนี้ได้ ไม่มีเขาในนั้น มีเพียงภรรยางดงามเจิดจรัส เขาได้แต่มองเหม่อ
…
“อ้ะ?”
สุดท้ายเยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ทนรอต่อไปไม่ไหว เขาหันไปมองท่านพ่อของเขาถามว่า “อ้ะเนะเนะ?”
“…อืม” ต้าซือมิ่งที่ตอบเด็กน้อยช้าไปเล็กน้อย เขาก็พอจะเข้าใจคำถามของเด็กน้อย ตอบว่า “ไม่เป็นอะไรจริงๆ ประเดี๋ยวก็หายดีแล้ว”
“…ไม่” เยี่ยนอวี๋ที่เรียกสติกลับมาได้ นางก็กะพริบตาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ก่อนที่มือหนึ่งจะเชิดคางของต้าซือมิ่งขึ้น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็จับใบหน้าน้อยๆ ของเด็กน้อยไว้
ต้าซือมิ่งที่ถูก ‘ล่วงละเมิด’ ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่เขาก็มิได้ขัดขืน ตรงกันข้ามเขายังแอบรู้สึกดีใจด้วย…
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าปล่อยให้ท่านแม่ของเขาจับอย่างมีความสุข เขายังกอดมือของท่านแม่ไว้พลางยิ้มตาหยี “อ้ะเนะเนะ!” ท่านแม่หายดีแล้วหรือขอรับ
เยี่ยนอวี๋มองเจ้าตัวน้อย ก่อนจะมองเจ้าตัวใหญ่ แล้วหันไปมองเจ้าตัวน้อยอีกครั้ง และหันไปมองเจ้าตัวใหญ่อีกครา… นางมองสลับไปมาเช่นนี้อยู่นาน นานจนเยี่ยนเสี่ยวเป่างุนงง “อ้ะเนะเนะ?” ท่านแม่เป็นอะไรไปขอรับ
“…”
เยี่ยนอวี๋จึงปล่อยมือออกเงียบๆ สีหน้านางในตอนนี้คาดเดายากนัก
ต้าซือมิ่งที่ถูก ‘ลวนลาม’ พักใหญ่ เขาก็ถามขึ้นเบาๆ ว่า “มั่นใจแล้วใช่หรือไม่”
“เพ้อเจ้อ!” เยี่ยนอวี๋ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตนเองอย่างไรดี ไม่ว่านางจะไม่อยากจะเชื่อ ไม่อยากจะยอม ไม่อยากจะรู้อย่างไร ทว่าความจริงก็คือต้าซือมิ่งท่านนี้หน้าตาเหมือนลูกของนางราวกับแกะ!
ทว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ตอนแรกเยี่ยนอวี๋คิดว่าท่านพ่อของเด็กน้อยคือกู้หยวนเหิง แต่หลังจากที่เจอกู้หยวนเหิงแล้ว นางก็มั่นใจว่าเขาไม่ใช่พ่อของเด็กน้อย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานางก็ไม่ได้สนใจอีกเลยว่าท่านพ่อของเด็กน้อยคือใคร ถึงอย่างไรเด็กน้อยก็เป็นลูกของนาง
แต่ว่า…
“จะว่าไปแล้ว เหตุใดเจ้าเกี้ยวพาข้าสำเร็จแล้วก็มาทิ้งขว้างกัน” ต้าซือมิ่งกลับมิได้ถามเสียงเบาเหมือนเมื่อครู่ เขาคิดว่าเขาต้องคว้าโอกาสเหมาะสมนี้ไว้
“พูดเพ้อเจ้ออะไรของเจ้า!” เยี่ยนอวี๋โต้กลับ
ต้าซือมิ่งหุบปากทันที เขาและเด็กน้อยมองเยี่ยนอวี๋อย่างไร้เดียงสา
“อ้ะ?”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าผู้ไร้เดียงสาที่สุด เขาก็ไม่เข้าใจ “อ้ะเนะเนะ?”
เยี่ยนอวี๋ “…”
ต้าซือมิ่งดันพูดต่อไปว่า “หากเจ้ายังไม่มั่นใจ เจ้าลองคิดอีกครั้งสิ ลองมองข้าอีกที”
เยี่ยนอวี๋ “…”
คิดบ้าอะไรกัน! หากนางรู้ว่าเด็กน้อยเหมือนเขาแต่แรก นางคงพาเด็กน้อยอยู่ให้ไกลจากเขาแล้ว ไม่สิ นางไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวเสียหน่อย เหตุใดต้องทำเช่นนั้นเล่า
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เยี่ยนอวี๋ก็สงบลง “เสี่ยวเป่าไม่ต้องการพ่อ”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบส่ายศีรษะทันที เพื่อบอกว่าเสี่ยวเป่าต้องการพ่อนะ
ต้าซือมิ่งลูบเด็กน้อยตัวนุ่มนิ่มทันที สมแล้วที่เป็นลูกพ่อ
เยี่ยนอวี๋ “…”
หลังจากนางสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่แล้ว นางก็มองต้าซือมิ่งเขม็งอีกครั้ง พูดจากใจจริง ต้าซือมิ่งคนนี้น่ะ อันที่จริงก็หน้าตาดีไม่เบา ไม่เช่นนั้นเจ้าตัวน้อยจะน่ารักเช่นนี้ได้อย่างไร
แต่ว่า… เยี่ยนอวี๋ที่กำลังจะเอ่ยปากกลับถูกต้าซือมิ่งชิงพูดก่อนว่า “จะว่าไปแล้ว ครานั้นที่ข้าไปชางอู๋ ร่างกายข้าไม่ค่อยดีนัก อีกทั้งยังสูญเสียความทรงจำบางส่วนไป เจ้านี่มันร้ายกาจจริงๆ เกี้ยวพาข้าสำเร็จแล้วทิ้งขว้างกันไม่พอ ยังลบความทรงจำข้าทิ้งด้วย”
เยี่ยนอวี๋ “…”
ถึงแม้เยี่ยนอวี๋หลักแหลมเป็นหนึ่ง แต่นางกลับไม่เคยรับมือกับคนไร้ยางอายเช่นนี้ มิหนำซ้ำตามหลักแล้ว ผู้ชายโดยทั่วไปไม่นำเรื่องที่ตนสูญเสียความทรงจำและเรื่องที่ตนถูกกระทำอะไรนั่นพูดออกมาอย่างภาคภูมิหรอก เยี่ยนอวี๋จึงเชื่อเขาอย่างไม่สงสัย
ทว่าเยี่ยนอวี๋กลับไม่ได้แสดงอาการรู้สึกผิดดังที่ต้าซือมิ่งคาดคิดไว้ นางเพียงสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะกล่าวว่า “แม้เจ้าจะความจำเสื่อม แต่จะมาพูดเหลวไหลเช่นนี้มิได้! ยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าเสี่ยวเป่า เขาฟังรู้เรื่องนะ”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบพยักหน้าทันที เสี่ยวเป่าฉลาดที่สุด เสี่ยวเป่ารู้ทุกเรื่อง
ต้าซือมิ่งอดหัวเราะไม่ได้ แต่เขาก็มิได้ปฏิเสธ เขาลูบศีรษะโล้นน้อยๆของเด็กน้อย พูดเห็นด้วยว่า “ใช่แล้ว เสี่ยวเป่ารู้ทุกเรื่อง เสี่ยวเป่าจึงรู้ว่าข้าคือท่านพ่อ”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ้มมองท่านพ่อของเขา เขารู้ว่าเป็นท่านพ่อตั้งนานแล้ว
ท่าทีน่ารักน่าชังเช่นนี้ ทำเอาต้าซือมิ่งอบอุ่นหัวใจนัก เขาตบหลังเด็กน้อยเบาๆ “พ่อตาบอดเองที่สองครั้งแรกจำเสี่ยวเป่าไม่ได้”
ตาบอดจริงๆ…
หากจำได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ก็คงไม่ต้องปล่อยให้เด็กน้อยตามหาเขาลำบากลำบนเช่นนี้ แต่ก่อนเขาไม่รู้ แต่ตอนนี้เมื่อย้อนคิดแล้ว ต้าซือมิ่งรู้สึกสงสารนัก
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าบอกว่า เสี่ยวเป่าอภัยให้ท่านพ่อที่ตาบอด
เมื่อเยี่ยนอวี๋เห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของสองพ่อลูกนางก็ยิ่งรู้สึกสับสน
ตามแผนเดิมของเยี่ยนอวี๋ เด็กน้อยของนางไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไร ทว่า… เยี่ยนอวี๋ดูออกว่าเด็กน้อยชอบท่านพ่อต้าซือมิ่งคนนี้มาก เมื่อย้อนคิดถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผ่านมา นางก็พบว่าเด็กน้อยตามหาท่านพ่อเองหลายหนแล้ว
“…”
เยี่ยนอวี๋อารมณ์ขุ่นมัวทันที
เสียงของต้าซือมิ่งกลับดังขึ้นอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง “ปฐมราชินีเยี่ยน ข้าขอปรึกษาเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไร” เยี่ยนอวี๋มองเขา ใบหน้าน้อยและใบหน้าใหญ่ปรากฏต่อหน้านาง ใบหน้าน้อยน่ารัก ส่วนใบหน้าใหญ่นั่น…
เยี่ยนอวี๋ยื่นมือออกไปลูบเด็กน้อยอย่างเก้งก้างเล็กน้อย เสียงคำถามของต้าซือมิ่งก็ดังขึ้นข้างหูของนาง “ข้าเรียกเจ้าว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ดีหรือไม่”
“อืม” เยี่ยนอวี๋ที่กำลังเงอะงะอยู่ยังไม่ทันตั้งสติได้ ทันใดนั้น…
“ไม่ได้!”
“ตามนั้น”
เยี่ยนอวี๋ถลึงตาใส่ต้าซือมิ่ง เขายิ้มบางๆ ดวงตาเป็นประกาย “ปฐมราชินีเยี่ยน กลับคำเช่นนี้ไม่ดีนะ”
“ข้า…”
“ลงไปดูอิงหลงกันก่อนเถิด” ต้าซือมิ่งที่ไม่ยอมปล่อยให้มารดาของเด็กน้อยกลับคำ เขาก็อุ้มเด็กน้อยลงไปดู ‘ศพ’ ของอิงหลงที่ถูกเมินไว้นานแล้ว
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าถูกดึงดูดความสนใจไปทันที “อ้ะเนะเนะ!”
“อืม” ต้าซือมิ่งที่อุ้มเด็กน้อยพลางสำรวจ ‘ศพ’ ของอิงหลงก็สัมผัสถึงพลังจางๆ ในร่างของอิงหลงโบราณองค์นี้
“เสี่ยวอิงยังไม่ตาย แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็นแล้ว” เยี่ยนอวี๋ยื่นมือไปลูบเกล็ดที่มัวหมองของผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเก็บมันใส่ในถุงวิเศษ
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าขยี้ตาอย่างเสียใจ
หรงอี้ลูบศีรษะของเขาปลอบเด็กน้อย ถามเยี่ยนอวี๋ว่า “มีแผนจะทำอย่างไร”
“ค่ายกลที่นี่เป็นดั่งที่เจ้าบอก มันเชื่อมโยงกับผนึกของข้า แม้ว่าข้าจะเก็บร่างวิญญาณของเสี่ยวอิงไป แต่สถานที่แห่งนี้ยังคงสามารถรวบรวมวิญญาณชั่วร้าย เพียงแต่ว่าขนาดของมันจะเล็กลง” ในขณะที่เยี่ยนอวี๋ทำการชำระล้าง นางก็พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ต้าซือมิ่งพูดคือความจริง
เมื่อสิ้นเสียงนาง เด็กน้อยกลับถีบเท้าน้อยๆ ของตนอย่างตื่นเต้น “อ้ะเนะ!”
“หืม?” ต้าซือมิ่งหรงผู้ไม่เคยเลี้ยงลูกก็ลูบเด็กน้อยเบาๆ เขาไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ เขาจึงดิ้น
เด็กน้อยพยายามลงไปข้างล่าง “อ้ะเนะเนะ!”
“เป็นอะไรไปหรือ” เยี่ยนอวี๋ก็ไม่เข้าใจว่าเด็กน้อยต้องการอะไร
ต้าซือมิ่งปล่อยเด็กน้อยลงไปอย่างตามใจ ทว่าเขาก็กางม่านบางๆ ไว้รอบตัวเด็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กน้อยที่เนื้อตัวสะอาดสะอ้านเลอะเทอะจนกลายเป็นเจ้าก้อนมอมแมมอีก
ทว่าเด็กน้อยที่ถูกปล่อยลงไป เขาพุ่งตัว ฟิ้ว ออกไปก็ไปไกลสิบจั้งแล้ว
“อ้ะเนะ!”
จากนั้นเยี่ยนเสี่ยวเป่าก็มุดเข้าไปในดินโคลน…
สวบ!
มีสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวรุนแรง มันดิ้นออกมาจากดินโคลน
ทันใดนั้น…