เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 244 ได้เวลาสอนเคล็ดวิชาลับให้ลูกแล้ว
แต่แล้ว ต้าซือมิ่งที่ไม่คิดเช่นนั้น เขาก็กอดเด็กน้อยไว้แน่นกว่าเดิม เพื่อมิให้เขากระโดดออกไปกะทันหัน
ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ได้กระโดดออกไป ถึงแม้เขาอยากทำเช่นนั้นมาก แต่เขายังคงจับเสื้อผ้าของท่านพ่อของเขาไว้แน่น กลายเป็นเด็กน้อยที่เชื่อฟัง ถึงอย่างไรเขาก็เพิ่งถูก ‘สั่งสอน’ ไป
ต้าซือมิ่งพลันรู้สึกภูมิใจ เด็กน้อยช่างเป็นเด็กดีและฉลาดจริงๆ สมแล้วที่เป็นลูกของเขาและเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เพียงแต่ว่า…
“เนะ?”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เห็นแสงหม่นกลับพบว่าถึงแม้รอบตัวมีกลิ่นอายของท่านแม่ แต่เขาก็ไม่เห็นท่านแม่เลย ทำให้เขาต้องเบิกตามองเขม็งอีกครั้ง
“ไม่ต้องดูแล้ว ท่านแม่ของเจ้าไม่อยู่แถวนี้” หรงอี้ใช้สัมผัสสำรวจบริเวณรอบที่ห่างออกไปร้อยลี้หมดแล้ว แต่เขาก็ไม่พบร่องรอยของมารดาเด็กน้อย เขาจึงยืนยันได้เรื่องหนึ่งว่า สัมผัสของเขาถูกขัดขวางไว้
“อ้ะเนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตะลึงงัน ทำได้เพียงมองท่านพ่อของเขาถามว่า เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี
ต้าซือมิ่งที่ถูกถามมิได้ตอบทันที สายตาของเขากวาดมองไปรอบทิศ ในเมื่อสัมผัสของเขาถูกปิดกั้นและต้องตรวจจับบริเวณรอบร้อยลี้ สายตาของเขาย่อมใช้งานได้ดีกว่าการสัมผัส
เพียงแต่ว่าสายตาที่เปล่งแสงสีม่วงประกายเล็กน้อยของต้าซือมิ่ง เขาเห็นเพียง ‘เมฆสีดำ’ คล้ายเนื้องอกเกาะกลุ่มกันอยู่รอบๆ อีกทั้งบน ‘ตัว’ ของเนื้องอกเหล่านั้นยังมีแสงสีแดงเข้มจางๆ และยังมีหมอกสีดำไหลออกมาไม่ขาดสาย
ภาพอัปลักษณ์เช่นนี้…
ทำให้ต้าซือมิ่งขมวดคิ้วอย่างขยะแขยง แต่เขาก็จำเป็นต้องอดทนกับความไม่สบายตาเพื่อสำรวจต่อไป ทว่าถึงอย่างไรเขาก็หาเยี่ยนอวี๋ไม่เจอ
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกเมินอยู่พักใหญ่ เขาก็ตบแผ่นอกของท่านพ่อเบาๆอย่างร้อนใจ “อ้ะเนะ?” หาท่านแม่เจอหรือไม่
“ไม่เจอ” ต้าซือมิ่งลูบศีรษะโล้นน้อยๆของเขา กล่าวอย่างเสียใจว่า “ไม่เจอนาง”
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่างงงัน
ต้าซือมิ่งกลับผุดความคิด “เสี่ยวเป่า พ่อสอนวิธีหาท่านแม่ให้เจ้าดีหรือไม่”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตาโตเป็นประกาย “อ้ะเนะเนะ!” ดีสิ!
ต้าซือมิ่งพูดว่า “คิดถึงท่านแม่ของเจ้าไว้”
“อ้ะเนะเนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่เข้าใจ เช่นนี้ก็จะหาท่านแม่เจอแล้วหรือ
“ใช่แล้ว”
“เนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ได้รับการยืนยัน เขาก็คิดถึงท่านแม่ทันที คิดถึงประเภทที่คิดถึงมาก และยังจดจ่อกับการคิดถึงจนใบหน้าตึงเครียดไปหมด
อันที่จริงกระบวนการนี้ก็คือการให้เยี่ยนเสี่ยวเป่ารวบรวม ‘พลังจิตใจ’ เพื่อสัมผัสท่านแม่ของเขา เพียงแต่ว่าการสัมผัสเช่นนี้เป็น ‘จิตใต้สำนึก’ ที่ต้าซือมิ่งเป็นคนชี้นำ
ในขณะเดียวกัน
ณ บริเวณหนึ่งที่อยู่ห่างจากสองพ่อลูก
“…กูไหน่ไน จะสู้อย่างไรดี” อินหลิวเฟิงจะร้องไห้อยู่แล้ว เพราะว่าเขาและเยี่ยนอวี๋ถูกปีศาจล้อมอยู่ข้างใน หากต้าซือมิ่งเห็นภาพนี้ได้ เขาคงต้องมองอินหลิวเฟิงก่อนเป็นอันดับแรกแน่ๆ เพราะอินหลิวเฟิงในบัดนี้ยืนอยู่ข้างหลังเยี่ยนอวี๋ และยังถูกปกป้องด้วยรังสีสีรุ้งอันศักดิ์สิทธิ์ รอบตัวของพวกเขามีแต่ปีศาจที่เต็มไปด้วยฝีหนอง
สิ่งที่ต่างจากแบบที่ต้าซือมิ่งเห็นคือ ปีศาจฝีหนองเหล่านี้มิได้เกาะกลุ่มกันบนฟ้า แต่กลับอยู่รอบๆ ตัวเยี่ยนอวี๋ กลายเป็นปีศาจฝีหนองมากมายที่มีลักษณะหลากหลาย
และในขณะที่อินหลิวเฟิงหวาดกลัวปีศาจเหล่านี้ เขายังอดแขวะไม่ได้ว่า “อัปลักษณ์จริงๆ! ไม่รู้ว่าเอ้อร์เหมา เม่ยเอ๋อร์ ศิษย์พี่รองและจวินฮวนพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง พวกเราเข้ามาพร้อมกัน แต่เหตุใดพวกเขาหายไปแล้วล่ะ”
“มิใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป” เยี่ยนอวี๋ในบัดนี้พอจะคาดเดาได้แล้ว “ที่ปีศาจฝีหนองเหล่านี้ล้อมโจมตีเรา อาจเป็นเพราะสายเลือด”
“หมายความว่าอย่างไร” อินหลิวเฟิงแสดงสีหน้าจริงจัง “สายเลือดของเราไม่เหมือนกัน ข้าไม่มีน้องสาวเช่นเจ้าเสียหน่อย!”
เยี่ยนอวี๋ “…”
วิหคทมิฬน้อยโง่ขึ้นทุกวันจริงๆ
โชคดีที่อินหลิวเฟิงที่ถูกเยี่ยนอวี๋บ่นในใจนึกขึ้นได้ทันทีว่า “เจ้าหมายถึงสายเลือดวิหคทมิฬของข้า และการสืบทอดตำหนักไท่ชางของเจ้าหรือ”
“อืม” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า “ที่นี่คงจะเป็นโลกของผนึก เป็นผนึกที่ถูกกัดกร่อนโดยวิญญาณอสูรที่ถูกผนึกเหล่านั้น ทำให้ที่นี่กลายเป็นโลกที่ถูกกัดกร่อน”
“เช่นนั้นจะออกไปอย่างไร” อินหลิวเฟิงถามต่อ
“พูดยาก” เยี่ยนอวี๋ยังไม่ค่อยแน่ใจ “ข้าก็ไม่เคยมาที่นี่”
“สายสืบทอดของเจ้ามิได้บอกไว้หรอกหรือ”
“ครานั้นยังไม่มีโลกกัดกร่อนนี่หรอก” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วมองฝีหนองแปลกพิสดารที่อยู่รอบๆ พึมพำว่า “หากมี ข้าก็คงทำลายทิ้งหมดแล้ว!”
“อ้อๆๆ” อินหลิวเฟิงก็เห็นด้วย ทว่าเขาก็พบบางอย่างทันที “กูไหน่ไน! แย่แล้ว วงแหวนคุ้มกันของเจ้าราวกับกำลังถูกมันกัดเซาะ ขนาดมันเล็กลงแล้ว! เจ้าเห็นรึไม่”
เยี่ยนอวี๋มิได้ตอบคำถามโง่ๆ นี้ ความจริงชัดแจ้งเช่นนี้ นางจะไม่เห็นได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะเช่นนี้ นางคงไม่ยืนรออยู่ที่เดิมเพื่อสังเกตการณ์การเคลื่อนไหวของปีศาจอัปลักษณ์เหล่านี้หรอก
ปีศาจฝีหนองที่กำลังกัดกินพลังวิเศษของเยี่ยนอวี๋ก็รวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่เหนือศีรษะพวกเขาเองยังมีกลุ่มปีศาจฝีหนองตก แผละ ลงมาด้วย
ทำเอาอินหลิวเฟิงตกใจ “น่ารังเกียจจริงๆ! หนองเริ่มไหลออกมาแล้วด้วย…” หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงทนดูต่อไปไม่ไหวอีก “ตัวอัปลักษณ์พวกนี้เหมือนจะไม่มีความคิดนะ”
“ใช่แล้ว พวกมันน่าจะเป็นตัวกัดกร่อนผนึกที่ถูกสร้างขึ้นมา” เยี่ยนอวี๋คาดเดา “ดูท่าพลังวิเศษของผนึกโดยพื้นฐานแล้วยังสมบูรณ์อยู่”
“นี่เรียกว่าสมบูรณ์รึ” อินหลิวเฟิงมิอาจเข้าใจได้ “ปีศาจกัดเซาะเข้ามาในผนึกอยู่แล้ว จนส่งผลต่อบรรพบุรุษอิงหลงที่อยู่ข้างนอก ยังเรียกว่าสมบูรณ์?”
“มิเช่นนั้นสิ่งที่พวกเราเจอคงไม่ใช่สัตว์อัปลักษณ์เช่นนี้ แต่เป็นอสูรอัปลักษณ์ที่น่าเกรงขามกว่านี้ ข้าและเจ้าก็คงไม่สามารถรักษาร่างกายให้ครบสามสิบสองได้ อย่างน้อยเจ้าก็ทำไม่ได้”
“ก็ได้…” อินหลิวเฟิงไม่รู้สึกอับอายแม้แต่น้อย ตัวเขายังคงติดกับเยี่ยนอวี๋ “จะว่าไปแล้ว เจ้าหาวิธีได้หรือยัง เราคงยืนรออยู่เฉยๆ เช่นนี้มิได้”
“เหตุใดสายเลือดของเจ้าจึงถูกผนึกไว้” เยี่ยนอวี๋ถาม
อินหลิวเฟิงคิดว่าเรื่องนี้มิจำเป็นต้องปิดบังกูไหน่ไนท่านนี้ “เป็นเพราะเรื่องการเมือง ครั้นเมื่อข้าเกิด มีปรากฏการณ์ผิดปกติ เคยมีคนทำนายไว้ว่าข้าจะเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของต้าซย่า ท่านพ่อกลัวว่าข้าจะถูกสังหารตั้งแต่เด็กจึงผนึกพลังสายเลือดของข้าไว้”
“อืม” เยี่ยนอวี๋เข้าใจแล้ว
อินหลิวเฟิงรออยู่เนิ่นนาน เขาคิดว่าหลังจากเขาเล่าให้ฟังแล้ว คุณหนูใหญ่เยี่ยนจะรู้สึกสนใจเขาขึ้นมา ทว่านางก็ไม่ถามอะไรอีกเลย
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้ถามอะไรเขาอีกจริงๆ “อีกหนึ่งจิบชา ข้าจะเปิดผนึกของเจ้าชั่วคราว เจ้าและข้าต้องร่วมมือกันกำจัดปีศาจเหล่านี้”
“…อืม” อินหลิวเฟิงหุบพัดตบลงที่ฝ่ามือ ในที่สุดก็อดถามขึ้นไม่ได้ว่า “กูไหน่ไน เจ้าไม่ประหลาดใจเลยหรือว่าเหตุใดจึงมีคำทำนายนั่น หรือคำถามอะไรอย่างอื่นน่ะ”
เยี่ยนอวี๋กวาดตามองอิลหลิวเฟิงด้วยความสงสัย “มีอะไรน่าประหลาดหรือ”
อินหลิวเฟิง “…”
ก็ได้! กูไหน่ไนไม่เหมือนคนอื่นเสมอ เพียงแต่ว่าขณะที่เขามีความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมา เขาก็ได้ยินความเคลื่อนไหวผิดปกติขึ้น!?
ครืน!
ครืนๆ…
ขณะที่อินหลิวเฟิงตั้งใจฟัง ก็มีเสียงพื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรงดังขึ้นจากบริเวณข้างหน้าของพวกเขา และยังเข้าใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อยๆ ด้วย!
นี่มัน…
อินหลิวเฟิงหน้าเปลี่ยนสี!
เยี่ยนอวี๋กลับพูดขึ้นว่า “มาแล้ว”
“เจ้ารู้อยู่แล้วรึ” อินหลิวเฟิงชะงักงัน “แล้วเจ้ายังยืนรอมันที่นี่?”
“ใช่แล้ว”
“…” อินหลิวเฟิงไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว
เยี่ยนอวี๋กลับยกมือขึ้น นำมือขาวเนียนดั่งหยกที่มีแสงสีม่วงจางๆ ทาบลงบนแผ่นอกของอินหลิวเฟิง ฝ่ายหลังสัมผัสถึงความอุ่นทะลุเข้าไปในหัวใจของเขาทันที
“จดจ่อ สัมผัส ตามใจ” เยี่ยนอวี๋กำชับพลางมองเขา “ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
“…ได้” อินหลิวเฟิงหลับตาลง เขาสัมผัสถึงพลังสายเลือดที่ถูกผนึกไว้เหล่านั้นอย่างชัดเจน เพราะการกระทำของคุณหนูใหญ่เยี่ยนมันจึงไหลออกมาจากผนึกนั้นอย่างไม่ขาดสาย
ไฟค่อยๆ ลุกโชนรอบกายอินหลิวเฟิง ไม่มีอุณหภูมิ แผ่วเบาราวกับสายลม แต่กลับส่องแสงเจิดจ้า ทำให้ปีศาจฝีหนองที่อยู่รอบทิศถูกสาดส่องจนต้องถอยหนี
ตึง!
ตึง!…
แรงเคลื่อนไหวอันรุนแรงเคลื่อนตัวเข้าใกล้พวกเขาสองคน!
ปีศาจฝีหนองก่อนหน้าต่างหลบทางให้ ไม่สิ! ควรจะบอกว่าพวกมันรวมตัวกันอีกฝั่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดสิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขาสองคนคือปีศาจขนาดยักษ์ เป็นการรวมร่างของปีศาจฝีหนอง มันไม่มีศีรษะ ไม่มีลำตัว และไม่มีใบหน้า มันเป็นเหมือนการรวมร่างของปีศาจอัปลักษณ์ เป็นการรวมตัวของเนื้อเน่า!
เยี่ยนอวี๋เห็นดังนั้นก็ตะลึง และทำให้นางรีบเปิดผนึกให้อินหลิวเฟิงทันที
หวีด!
เสียงหวีดร้องของวิหคทมิฬดังก้องก่อนจะระเบิดออกมาทันที!
ตูม
เสียงดังสนั่นกลบสรรพสิ่ง แสงเพลิงสว่างโชติช่วง!
ปีศาจฝีหนองที่ไม่ทันรวมร่างกับปีศาจยักษ์ได้ก็ถูกวิหคทมิฬชำระล้างในทันที
เยี่ยนอวี๋เก็บพลังวิเศษ เสียงร้องของปีศาจดังกึกก้องมาทางอินหลิวเฟิงและนาง
หวีด!
เสียงหวีดร้องวิหคทมิฬดังขึ้นเรื่อยๆ มันกลืนเสียงของปีศาจจนหมดสิ้น
ในขณะเดียวกัน เยี่ยนอวี๋ก็เขียนยันต์ด้วยมือเปล่า “ไป”
ตูม ยันต์ปราบมารที่ปรากฏจู่โจมใส่ปีศาจฝีหนองขนาดยักษ์ตัวนั้นทันที ทำให้…
“อ้ะเนะ!”
เจ้าตัวน้อยที่ตั้งสมาธิจดจ่อสัมผัสถึงกลิ่นอายเข้มข้นของท่านแม่เขาได้แล้ว!