เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 246 เจ้าเกี้ยวพานข้าสำเร็จแล้วทิ้งขว้าง
เขาคิดถึงครานั้น… ที่ถูกจับหน้าอกก็เป็นเพียงอุบัติเหตุ ทั้งหมดเป็นเพราะมีเด็กน้อยช่วยเหลือ แต่อินหลิวเฟิงคนนี้น่ะหรือ มารดาเด็กน้อยกลับถือวิสาสะ ‘จับ’ เอง
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่รู้ว่าท่านพ่อกำลังหึง เขายังเร่งเร้าท่านพ่อ “อ้ะเนะเนะ?”
และเมื่อเสียงของปีศาจหายไปแล้ว เยี่ยนอวี๋จึงได้ยินเสียงของเด็กน้อยดังขึ้นจากที่ที่ไกลออกไป?
เยี่ยนอวี๋มองไปตามเสียง แล้วนางก็เห็นพ่อลูกคู่นั้น
“อ้ะเนะ!” เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าเห็นว่าท่านแม่ของเขามองมาแล้ว เขาก็ส่งเสียงเรียกอย่างดีอกดีใจ “อ้ะเนะเนะ!”
ต้าซือมิ่งกลับ ‘จ้อง’ อินหลิวเฟิง ฝ่ายหลังพลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เขาเพิ่งพบว่าต้าซือมิ่งกำลังจ้องเขาอยู่ เขาจึงรีบลูบหน้าอกตนเอง กูไหน่ไนเพิ่ง ‘แตะ’ เขาตรงนี้ ซี๊ดดด…
“แค่ก!” อินหลิวเฟิงกำลังจะบอกว่าเขาอธิบายได้ เยี่ยนอวี๋ก็หายวับไปหาพ่อลูกสองคนนั้นแล้ว ถึงอย่างไรพื้นที่ตรงนี้ไม่เสถียร พลังของนางมิอาจส่งมาได้ง่ายนัก ทว่านางก็ขมวดคิ้วไว้แน่นมาก!
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายื่นลำตัวออกไปขณะที่ท่านแม่ก้าวมาข้างหน้า จากนั้นเขาก็ยื่นมืออวบอ้วนของตนออกไปขอให้ท่านแม่อุ้มเขา
เยี่ยนอวี๋ย่อมปฏิเสธไม่ลง นางยื่นมือออกไปรับเด็กน้อยไว้ เมื่อฝ่ายหลังเข้าไปในอ้อมอกของท่านแม่ของเขาแล้ว เขาก็กอดคอท่านแม่ไว้แน่นพลางส่งเสียง ‘อ้ะเนะ’ ไม่หยุด
เยี่ยนอวี๋ลูบศีรษะโล้นน้อยๆ ของเด็กน้อยพลางจูบแก้มของเขา นางปลอบเขาว่า “เสี่ยวเป่าอย่าร้อนรน ท่านแม่ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องกลัวนะ”
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากอดท่านแม่ไว้แน่นกว่าเดิม
เยี่ยนอวี๋ใจละลายไปหมดแล้ว คำพูดที่แต่เดิมจะตำหนิต้าซือมิ่งก็ถูกกลืนลงไปหมด กลายเป็น “ข้าให้นายท่านจวินบอกให้พวกเจ้าวางใจแล้วมิใช่หรือ”
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับส่งเสียงร้องขึ้นมา ก่อนจะจับคอขาวเนียนดุจหิมะของท่านแม่เพื่อแสดงความไม่พอใจ
แม้จะไม่แรงมาก แต่ก็ทำให้เยี่ยนอวี๋รู้ว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่พอใจ
ส่วนต้าซือมิ่ง เขายังคงหึงไม่หาย
เยี่ยนอวี๋เห็นเขาเงียบไม่พูดไม่จาก็มองไปที่เขาและถามว่า “ทำไมเจ้าไม่พูด”
เมื่อเยี่ยนอวี๋มองตาสีม่วงใสดวงนั้น เขายังฉายแววไม่พอใจด้วย?
…ทำให้เยี่ยนอวี๋ชะงักเล็กน้อย นางถึงกับตั้งใจมองอีกครั้ง และก็พบว่ามีแววไม่พอใจอยู่จริงๆ เห็นได้อย่างชัดเจน มิอาจเมินเฉยได้
“เป็นอะไรไปหรือ” เยี่ยนอวี๋งุนงงไปหมด
ต้าซือมิ่งจึงตอบว่า “เจ้าสัมผัสนายท่านน้อยอิน”
“…”
อินหลิวเฟิงที่อยู่ไกลออกไปเหงื่อไหลไม่หยุดราวกับน้ำตก เขาอุตส่าห์สำเหนียกตนไม่เข้าไปใกล้แล้ว แต่ก็ยังโดนอยู่ดี
เยี่ยนอวี๋นิ่งงันไปพักใหญ่กว่าจะเข้าใจว่าต้าซือมิ่งอาจจะหมายถึง นางสัมผัสตัววิหคทมิฬน้อยตัวนั้น?
เยี่ยนอวี๋ “…” นางหมดคำพูด
ต้าซือมิ่งกลับเอ่ยขึ้นว่า “ถึงแม้ข้ารู้ว่าเจ้าทำไปเพราะผนึกพลังสายเลือดของเขากลับไปก็ตาม”
เยี่ยนอวี๋ “…” แล้วอย่างไรต่อเล่า เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยหรือ
ทว่าต้าซือมิ่งยังดึงดันทำให้เกี่ยวข้องกับเขาให้จนได้ “หน้าอกของผู้ชาย จะจับตามใจไม่ได้ เจ้าน่ะก่อนหน้านี้จับของข้า บัดนี้มาจับของ ‘ชายอื่น’ ” เขาเน้นเสียงหนักลงที่สองคำสุดท้ายด้วย
เยี่ยนอวี๋ “…”
เหตุใดฟังไปแล้วเหมือนว่านางเป็นหญิงโคมเขียวอย่างไรอย่างนั้น
อย่าว่าแต่นางที่คิดว่าเหมือนเลย แม้แต่เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็รู้สึกเช่นนั้น เด็กน้อยจึงยื่นศีรษะออกมาจากซอกคอของท่านแม่ เขามองท่านแม่ของเขา จากนั้นมองท่านพ่อของเขา แล้วก็มองไปที่สุนัขรับใช้ที่ยืนอยู่ไกลออกไป…
เดิมทีเยี่ยนอวี๋ยังไม่รู้สึกอะไร เพราะถึงอย่างไรต้าซือมิ่งคนนี้ก็พูดจาเพ้อเจ้อไปเรื่อย ทว่าเมื่อถูกเด็กน้อยมองเช่นนี้ นางก็… ลูบศีรษะของเด็กน้อยเงียบๆ “สถานการณ์คับขันน่ะ ต่อไปข้าจะสอนอินหลิวเฟิงผนึกและปลดผนึกพลังด้วยตนเอง”
ต้าซือมิ่งที่หมวดคิ้วก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เขายื่นมือออกไปลูบเด็กน้อยและตอบว่า “อืม ข้าหายโกรธแล้ว”
เยี่ยนอวี๋ “?”
นางอธิบายให้เด็กน้อยฟังต่างหากเล่า!
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากอดมือท่านพ่อไว้แน่น เขาลูบหลังมือของท่านพ่อราวกับกำลังปลอบท่านพ่อ ท่าทางฉลาดเป็นกรดเช่นนี้ทำเอาเยี่ยนอวี๋เงียบงันอีกครั้ง…
ถึงแม้นางกำลังพยายามคิดว่าจะพูดอะไรดี แต่ต้าซือมิ่งก็ไม่เปิดโอกาสให้นางพูดอีก “ตัวอัปลักษณ์น่าขยะแขยงเหล่านั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าต้องถอนรากถอนโคนมันและหนีออกจากที่นี่อย่างไร”
เยี่ยนอวี๋ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปทันที “ไม่รู้”
“ข้าเห็นว่าเมื่อครู่นี้ที่นี่ถูกสร้างเป็นพื้นที่ที่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าปีศาจตัวนี้มีพลังอวกาศ เจ้าจำได้หรือไม่ว่าในอดีตแดนมืดวิญญาณอสูรมีวิญญาณอสูรอวกาศแบบใดบ้าง”
“…” เยี่ยนอวี๋ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ “มีเผ่ากลุ่มหนึ่ง พวกมันขนานนามตนเองว่าเป็นทายาทกาลอวกาศ หัวหน้าเผ่าได้ชื่อว่าเป็นเทพแห่งกาลอวกาศ แต่กลิ่นอายของมันไม่เหมือนกับที่นี่”
“ถูกผนึกไว้นานเช่นนี้ ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลง อย่าว่าแต่เพื่อดูดกลืนภาพม้วนขุนเขาและท้องทะเลเลย พวกมันย่อมต้องมีวิวัฒนาการ บางทีนี่อาจจะเป็นการทดลองใหม่ของพวกมัน”
“เจ้าคิดว่าปีศาจเหล่านี้เป็นปีศาจแต่แรกอยู่แล้วหรือ” เยี่ยนอวี๋ตะลึงเล็กน้อย “ตามสัญชาติญาณของข้า พวกมันน่าจะเป็นเพียงสิ่งที่ถูกทำให้กลายเป็นปีศาจ และแบกรับเจตจำนงของปีศาจที่สร้างพวกมันขึ้นมาเท่านั้น”
“ก็อาจจะเป็นไปได้” หรงอี้ไม่คัดค้าน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ “แม้จะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น แต่บัดนี้ก็มีต่อมสัมผัสของตนเอง กลายเป็นปีศาจชนิดใหม่แล้ว”
“ก็ใช่” เยี่ยนอวี๋เห็นด้วยกับเขา คิ้วงามของนางขมวดเล็กน้อย “เท่าที่ข้ารู้ การโจมตีเมื่อครู่นี้ของข้ามิได้ทำให้ปีศาจบาดเจ็บสาหัส เหมือนกับว่ามันจะมีพลังฟื้นฟูตนเองอันแข็งแกร่ง หรือกล่าวได้ว่า การที่ ‘ร่างแยก’ ของมันถูกกำจัดมิอาจสร้างผลกระทบต่อมันได้”
“เจ้าสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของมันได้หรือไม่”
“ข้าจะลองดู” อันที่จริงตั้งแต่ที่เยี่ยนอวี๋เข้ามา นางลองมาตลอด แต่จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่พบร่างเดิมของปีศาจตนนี้ นางถึงกับเดาว่าปีศาจฝีหนองรอบทิศเป็นส่วนหนึ่งของมัน
แม้กระทั่ง…
“หนวดที่อยู่ข้างนอกเหล่านั้น เกรงว่าเกิดมาจากมัน” เยี่ยนอวี๋พูดถึงตรงนี้ก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ข้าฝากให้นายท่านจวินบอกพวกเจ้าว่าอย่าเข้ามา เขาไม่ได้บอกหรือ”
“บอกแล้ว”
“แล้วเจ้า…”
เยี่ยนอวี๋กำลังจะหา ‘คนรับผิดชอบ’ เสียงกรีดร้องของเอ้อร์เหมากลับดังขึ้นจากที่ที่ไม่ไกลนัก!
อินหลิวเฟิงหายวับไปทันที “เอ้อร์เหมา?”
เยี่ยนอวี๋ก็หยุดพูดลงในทันใด “ไปดูกัน”
ทั้งสามคนเร็วกว่าอินหลิวเฟิงอย่างเห็นได้ชัด แต่ขณะที่พวกเขาเร่งมาถึงที่หมาย ก็ไร้ร่องรอยของเอ้อร์เหมาแล้ว! เหลือเพียงหมอกสีเลือดที่ซ่อนกลิ่นอายของเอ้อร์เหมาไว้
“เอ้อร์เหมา!?” อินหลิวเฟิงสีหน้าเปลี่ยนในทันที “เขาถูกดูดกลืนไปแล้วหรือ”
เยี่ยนอวี๋หรี่ตาลงเล็กน้อย “ไม่น่ารอด”
“ให้ตายเถอะ!” แม้อินหลิวเฟิงจะไม่ชอบบ่าวใช้โง่เขลาคนนี้เท่าไรนัก แต่พวกเขาสองคนก็โตมาด้วยกัน ย่อมมีความผูกพัน เมื่อเขาได้ยินข่าวร้ายเช่นนี้ อารมณ์ของเขาก็แทบจะปะทุ!
ต้าซือมิ่งกลับพบอีกว่า “ยังมีกลิ่นอายของพี่เขยรองด้วย”
“และของเม่ยเอ๋อร์” เยี่ยนอวี๋นัยน์ตานิ่งขรึม “เม่ยเอ่อร์ทิ้งกลิ่นอายไว้ แต่ก็กระจัดกระจายมาก ติดตามได้ยากนัก”
“เสี่ยวเป่า” ต้าซือมิ่งเรียกเด็กน้อย เขามองไปที่เด็กน้อย ฝ่ายหลังก็ร้อง ‘เนะ’ ขานตอบ เขามองท่านพ่อของเขาด้วยดวงตากลมโตเป็นประกาย “เนะเนะ?” มีอะไรหรือขอรับ
หรงอี้ชี้นำเด็กน้อยด้วยใบหน้าเป็นมิตร “เสี่ยวเป่าคิดถึงท่านลุงหน่อยสิ”
“เนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่านัยน์ตาเป็นประกายวาบ เขาเข้าใจท่านพ่อแล้ว อีกทั้งจากประสบการณ์เมื่อครู่ก็ทำให้เขารู้ว่าการคิดถึงเช่นนี้ก็คือการตามหา!
ทว่าเยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจ “เจ้าให้เสี่ยวเป่า…”
“จุ๊ๆ” หรงอี้ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะไว้ข้างหน้าริมฝีปาก ส่งสัญญาณให้นางเงียบ อย่าทำให้เด็กน้อยที่กำลังสัมผัสท่านลุงรองของเขาสมาธิหลุด
เยี่ยนอวี่ไม่เข้าใจว่าสองพ่อลูกคู่นี้กำลังทำอะไรดูลึกลับเช่นนี้ แต่นางสัมผัสได้ว่าเด็กน้อยในตอนนี้กำลังแผ่ซ่านการรับรู้คล้ายพลังจิตวิญญาณ?
อินหลิวเฟิงก็สัมผัสได้เช่นกัน จากนั้นเขาก็ตะลึง! และความตะลึง ‘สุดขีด’ เช่นนี้ ก็ขับไล่ความโศกเศร้าในใจเขาออกไปไม่น้อย
ถึงแม้หลังจากที่รู้ว่าเม่ยเอ๋อร์และเยี่ยนจื่อเสาอยู่กับเอ้อร์เหมาด้วย อินหลิวเฟิงก็ไม่รู้สึกทุกข์เช่นนั้นแล้ว แต่เขาก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ทว่าตอนนี้…
‘พ่อคุณทูนหัวคงไม่ใช่ปีศาจน้อยหรอกนะ!’ อินหลิวเฟิงคิดในใจ
ปีศาจน้อยก็สัมผัสได้แล้วว่าท่านลุงรองของเขาอยู่ที่ไหน เขาโบกมืออวบอ้วนของตนไปทางซ้ายมือ แต่กลับไม่ค่อยมั่นใจ “อ้ะเนะ?”
“ไม่มั่นใจหรือ” หรงอี้เลิกคิ้ว “เป็นเพราะกลิ่นจางเกินไปหรือ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อ้ะเนะ?”
“เพราะว่ากลิ่นอายสะเปะสะปะเกินไป มีกลิ่นแปลกๆ เต็มไปหมด ทำให้เจ้าไขว้เขวใช่หรือไม่”
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้า ถึงแม้เขาไม่รู้ว่า ‘ไขว้เขว’ คืออะไร แต่เขาก็รู้สึกว่ากลิ่นอายของท่านลุงรองแปลกประหลาดจริงๆ
เยี่ยนเสี่ยวเป่าตัวน้อยใช้พลังความคิดเกินกำลังความสามารถของทารกวัยสี่เดือน เขารู้สึกสับสนและตาลายไปหมด
หรงอี้จึงยกมือขึ้นลูบศีรษะของเด็กน้อย ฝ่ามือของเอายังแผ่ซ่านกลิ่นอายความอ่อนโยน “พอแล้ว ไม่ต้องคิดแล้ว พ่อเข้าใจแล้วล่ะ”
“อ้ะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่มึนงงก็หาวสองสามที ก่อนจะยื่นมือไปหาท่านพ่อของเขา
เยี่ยนอวี๋ยังไม่รู้ว่าสองพ่อลูกนี้กำลังทำอะไร เด็กน้อยก็ไม่ต้องการให้นางอุ้มแล้ว และยังไม่รอให้นางปริปากห้าม ต้าซือมิ่งก็รับเด็กน้อยที่ยื่นลำตัวมาหาไว้ในอ้อมอกแล้ว “ไปกันเถิด ลองไปทางนี้ดู”
“ประเดี๋ยวสิ…” อินหลิวเฟิงพลันพูดขึ้น “เชื่อได้หรือ”
อันที่จริงเยี่ยนอวี๋ก็มีคำถามเช่นนี้เหมือนกัน ทว่าเด็กน้อยที่กำลังจะหลับตาจู่ๆ ก็ลืมตาโพลง “อ้ะเนะ! อ้ะเนะเนะ!” เชื่อได้สิ! เมื่อครู่นี้ข้าหาท่านแม่เจอเชียวนะ!
ประเด็นคือทิศทางที่เด็กน้อยชี้ไปยังมีเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น?