เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 250 ลิ้มรสเทพอันดับหนึ่งดู
ทั้งก้อนเนื้อตุ่มหนองต่างก็กรีดร้องอย่างทรมาน!
น้ำหนองกระจายไปทั่วทุกที่ แต่กลับถูก ‘ชำระล้าง’ ไปอย่างรวดเร็ว
ฉากนี้…เหมือนปาฏิหาริย์!
“!”
ทำเอาจวินฮวนที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่ลำพังต้องอึ้งในฉากนี้!
เดิมทีเขาที่กำลังอ่อนล้าไม่อาจต่อต้านเส้นใยอันเหนียวหนึบเหล่านั้นได้อีก เพียงแต่รู้สึกรับไม่ได้หากต้องตายไปอย่างไม่มีเหตุมีผลเช่นนี้ ดังนั้นจึงได้ดื้อรั้นสู้ต่อไป! คาดไม่ถึงว่า…
ชัยชนะจะมาถึงไวถึงเพียงนี้
จวินฮวนดึงสติกลับมาไม่ได้ไปชั่วขณะ โชคดีที่อินหลิวเฟิงสายตาเฉียบแหลมเห็นเขาเสียก่อน “จวินฮวน! ทางนี้! รีบมาเร็วเข้า!” เหลือเพียงเจ้าตัวนี้แล้ว!
แต่น่าเสียดาย จวินฮวนได้ตกอยู่ในภวังค์ไปเสียแล้ว เขาไม่ได้ยินเสียงใดทั้งสิ้นยังคงยืนอยู่ที่เดิมและฟื้นฟูพลังของตนอย่างว่องไว เพราะเกรงว่าสถานการณ์จะพลิกผัน
แต่จวินฮวนกลับต้องพบว่า “ไม่มีแล้วจริงๆ หรือ”
จวินฮวนที่ฟื้นฟูจิตเหนือสำนึกแล้วสัมผัสได้ว่า ก้อนเนื้อตุ่มหนองในนี้ถูกกำจัดจนหมดสิ้นไปแล้วจริงๆ ทั้งพื้นที่ว่างนี้ถูกแสงสว่างสาดส่องในทันที กลิ่นอายชั่วร้ายหายไปโดยสิ้นเชิง
ในความเป็นจริง ขณะที่ต้าซือมิ่งบางคนสังเกตเห็นหินปราบมารนั้น ผลลัพธ์ก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว หากมีหินปราบมาร เยี่ยนอวี๋ก็จะสามารถปล่อยพลังออกมามากมายและยิ่งสามารถอันเชิญผนึกทั้งหมดได้
สิ่งเดียวที่นางต้องวางแผนคือ สามารถใช้ครั้งนี้เก็บวิญญาณอสูรที่สร้างตัวกัดกร่อนนี้ไว้ได้หรือไม่ ดังนั้น…
วิ้งงง!
วินาทีที่อสูรถอยกลับราวกับวิญญาณที่ไม่อาจพบเจอแสงสว่างได้นั้น! นั่นเป็นวินาทีที่สำคัญที่สุดเช่นกัน เยี่ยนอวี๋ได้ร่ายยันต์กระดาษโปร่งแสงออกมาหนึ่งแผ่นแล้วฟาดไปทางด้านหลังของจวินฮวน
ฟิ้ววว!
ยันต์กระดาษประดุจแสง!
ที่ร่วงหล่นเหมือนดาวตกในยามค่ำคืน
นี่ยังไม่รวม…
“ไปเถิด…”
เยี่ยนอวี๋ดึงสองพ่อลูกขึ้นจากพื้นได้อย่างง่ายดายและลอยขึ้นกลางอากาศ รีบตามยันต์กระดาษของตนไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ข้ามผ่านศีรษะของจวินฮวนไป รวดเร็วเสียจนเขาไม่ทันตั้งตัว
อินหลิวเฟิงที่ตามมาด้วยดึงจวินฮวนขึ้นทันที “ไปๆๆ!”
“…จะไปที่ใด?” จวินฮวนไม่เข้าใจ
อินหลิวเฟิงไม่เข้าใจ “ไม่รู้สิ”
จวินฮวน “…”
เขาที่ค่อยๆ เก็บกระบี่เข้าในปลอกกระบี่รีบกลืนโอสถเม็ดหนึ่งลงไป ป้องกันไว้ก่อน
ขณะเดียวกัน…
“ไปเถิด!”
เม่ยเอ๋อร์ดึงเยี่ยนจื่อเสาและเอ้อร์เหมาขึ้น แล้วรีบตามเยี่ยนอวี๋ไป
โฮก!
ขณะเดียวกันที่ ‘กลุ่มผู้ติดตาม’ กำลังบินตามไปนั้นก็มีเสียงคำรามดังก้องกังวานมาจากที่ที่ไกลออกไป
อินหลิวเฟิงคาดเดา “ต้องถูกกูไหน่ไนโจมตีแน่ๆ!”
“โจมตีอะไรอย่างนั้นหรือ” จวินฮวนเพียงแค่อยากเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้านี้เท่านั้น
แต่อินหลิวเฟิงไม่รู้ “ข้าเองก็ไม่รู้ น่าจะเป็นร่างของอสูรที่อยู่เบื้องหลังกระมัง”
จวินฮวน “…”
เขากลืนโอสถลงไปอีกเม็ดหนึ่งเงียบๆ นี่เป็นโอสถที่สามารถระเบิดพลังโจมตีออกมาได้ในทันที
ขณะเดียวกัน…
ฟิ้ววว!
เยี่ยนอวี๋ได้พาสองพ่อลูกมาถึงหน้ากำแพงอักษรโบราณบริเวณจุดปลายสุดของอากาศแล้ว
แต่น่าเสียดายที่พวกเขามาช้าไป ที่นั่นเหลือเพียงระลอกคลื่นบนกำแพง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอสูรที่ถูกโจมตีได้หายเข้าไปในกำแพงแล้ว
“ให้ตายเถอะ!” เยี่ยนอวี๋บ่นเย็นชา รู้ว่าที่นั่นคือแดนมืดวิญญาณอสูร แต่ด้วยสถานะของนางในตอนนี้ หากไล่ตามไปเช่นนี้ก็ดูจะไม่ฉลาดเอาเสียเลย แต่หากปล่อยไปง่ายๆ เช่นนี้ก็…
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
“ตามข้ามา!”
เยี่ยนอวี๋ที่แตะกำแพงอักษรโบราณไว้ ผมสีดำของนางพลันเปลี่ยนเป็นสีม่วง!
ภายใต้แรงกระตุ้นของนาง อักษรนับไม่ถ้วนบนกำแพงก็ได้เปล่งประกายลำแสงออกมาอย่างรวดเร็ว ทะลุระลอกคลื่นที่กำลังจะหายไป เข้าสู่แดนมืดวิญญาณอสูรและจับอสูรตนนั้นโดยตรง
นี่ยังไม่นับ…
“ไป!”
เยี่ยนอวี๋ที่ใช้มือสร้างกระดาษยันต์ออกมาดวงตาเคร่งขรึม! ลมปราณเย็นชา ทำเอาต้าซือมิ่งที่ ‘แอบ’ ลืมตาดูนางอย่างเปิดเผยนั้นต้องเม้มริมฝีปาก
และในขณะนั้นเอง อินหลิวเฟิงและจวินฮวนที่ตามมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาทะลุกำแพงอักษรโบราณไปได้อย่างเฉียดฉิว ตามแสงยันต์ที่เยี่ยนอวี๋ปล่อยออกไป เห็นอสูรยักษ์กำลังถูกไล่ล่าอยู่!
ที่น่ากลัวคือ…
“คุณหนูใหญ่! ข้าไปเอง!”
เม่ยเอ๋อร์ที่ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ นางได้ทะลุพลังแห่งอักษรโบราณผ่านพลังของเยี่ยนอวี๋แล้ว จากนั้นไล่ล่าอสูรตนนั้นและฟันมันลงไปด้วยกระบี่ทันที
“ขวัญเอ๊ยขวัญมา!” เอ้อร์เหมาปาดเหงื่อที่ไม่มี จากนั้นก็นึกถึงสัญญาตญาณแรกของเขานั้นช่างแม่นยำจริงๆ พี่เม่ยเอ๋อร์เก่งกาจมากจริงๆ!
จี๊ดดด! หนูตัวน้อยที่ขี้ขลาดมาโดยตลอดกลับตามเม่ยเอ๋อร์ออกไปอย่างกล้าหาญ
อินหลิวเฟิงหมดคำจะพูด “นี่เป็นการรวมกลุ่มอะไรกัน”
“…”
จวินฮวนที่ไม่รู้อะไรเลย ค่อยๆ เก็บกระบี่ที่เพิ่งชักออกมาเข้าที่ ดูท่าแล้วคงจะไม่ต้องถึงมือเขาจริงๆ สินะ พวกคนป่าเถื่อน
เม่ยเอ๋อร์ที่ป่าเถื่อนมากจริงๆ นางไล่ล่าสังหารจนมีเสียงโหยหวนดังออกมาแล้ว! เห็นได้ชัดว่านางคงไล่ฟันอสูรตนนั้นจนมันสับสนกับชีวิตไปแล้ว แต่ทว่าเยี่ยนอวี๋พลันเอ่ยออกมาว่า “รีบกลับมา”
“เจ้าค่ะ…” เม่ยเอ๋อร์ที่ขานตอบจากที่ไกล ได้สร้างหนามเลือดสีดำออกมาเส้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว และทะลุกลับมาจากกำแพงอักษรโบราณ ในมือยังจับปลาหมูกลับมาด้วยหนึ่งตัว
อู้วว!
ปลาหมูใหญ่
อู้วว…
อินหลิวเฟิงที่เห็นสัตว์ประหลาดลื่นๆ สีดำได้อย่างชัดเจน คาดไม่ถึงว่าสัตว์ประหลาดที่มีขนาดใหญ่กว่าปลาหมูใหญ่เท่าหนึ่งนี้จะเป็นผู้ก่อเหตุที่เกือบทำเขาตายอยู่ในกองน้ำหนองนั่นจริงๆ
“ไม่ใช่มัน”
เยี่ยนอวี๋ที่ขมวดคิ้วมั่นใจ สีหน้าเย็นชาลง “มันไม่มีพลังควบคุมอากาศ”
วี๊…
ปลาหมูใหญ่ที่พ่นหมอกสีดำออกมาคิดจะซุ่มโจมตี! แต่น่าเสียดายที่มันเพิ่งจะพ่น ‘ดาวกระจาย’ ออกมาเล็กน้อยก็ถูกเม่ยเอ๋อร์โจมตีจนเกิดก้อนซาลาเปาขึ้นเสียก่อนแล้ว
อู้ววว!
ปลาหมูใหญ่ที่กรีดร้องทรมาน หากมันมีตาคงถลึงตาใส่พวกเขาไปแล้ว
ใช่แล้ว สิ่งเดียวที่อสูรตนนี้กับปลาหมูจริงๆ ต่างกันนั่นก็คือมันไม่มีตา
มิเช่นนั้นคงไม่มาชนเข้ากับมือของเยี่ยนอวี๋ได้หรอก…
“ขังมันไว้ก่อน”
เยี่ยนอวี๋กล่าวจบ เม่ยเอ๋อร์ก็นำปลาหมูใหญ่ที่สลบแล้วไป ไม่รู้นำไปขังไว้ที่ใดกัน
จี๊ดดด!
หนูตัวน้อยที่เกือบจะถูกลืม เพิ่งจะมุดออกจากกำแพงอักษรโบราณ หากมันมาช้ากว่านี้อีกนิด กำแพงนั่นก็คงปิดลงถาวรไปแล้ว ถือว่ามันทันรถ ‘ขบวนสุดท้าย’ จริงๆ
นี่จึงทำให้หนูตัวน้อยบางตัวระเบิดขึ้นมา “จี๊ดๆๆ!” ไม่รอข้าเลย! จริงๆ เลย!
“พบอะไรหรือ” ต้าซือมิ่งบางคนถามขึ้น
จี๊ด!
หนูตัวน้อยจอมขี้ขลาดคายเปลือกสีดำออกมา
เยียนอวี๋ย่อตัวลงหยิบเปลือกนั่นขึ้นมา คิ้วงามก็ขมวดขึ้นเป็นปมไปด้วย นางรู้จักสิ่งนี้! และบนตัวนางยังมีชิ้นที่สมบูรณ์อีกด้วย
วิ้งงง
เยี่ยนอวี๋ที่หยิบไข่ยักษ์สีดำออกจากถุงวิเศษ จากนั้นนำเปลือกบนมือไปเทียบ พบว่ารอยต่อของเปลือกไข่เป็นรอยต่อเดียวกัน เพียงแค่กลิ่นอายต่างกันเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้น” อินหลิวเฟิงตะลึง “ที่นี่ก็มีไข่เช่นกันหรือ”
“จี๊ดๆ!” หนูตัวน้อยส่งเสียงร้อง และยังกาง ‘มือ’ ทั้งสองข้างออก เป็นความหมายว่าที่เห็นอยู่ไม่ใช่ไข่ แต่เป็นเปลือกไข่ต่างหาก สิ่งที่อยู่ด้านในได้ฟักออกจากไข่ไปแล้ว
ไม่จำเป็นต้องให้มันอธิบาย เยี่ยนอวี๋ก็เดาได้แล้ว เพราะเปลือกไข่นี้แข็งมาก เป็นการยากมากที่จะถูกคนทำให้แตกได้ หากมิใช่ว่ามันแตกด้วยตัวเอง ดังนั้น…
“บางทีสิ่งที่อยู่ด้านในอาจเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดก็ได้” เยี่ยนอวี๋เก็บไข่ยักษ์ที่ดิ้นไปมา และดมกลิ่นบนเปลือกไข่อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง กลับได้แต่กลิ่นเหม็นคาวเหมือนตอนที่พื้นที่แห่งนี้ถูกกัดกร่อน ไม่มีสิ่งใดอีก
แต่ทว่าขณะเดียวกันที่เยี่ยนอวี๋ดมเสร็จ มือเรียวงามดุจหยกแกะสลักได้ปรากฏอยู่ตรงหน้านางแล้ว “ให้ข้า” ต้าซือมิ่งบางคนกล่าว
ไม่รอให้เยี่ยนอวี๋ปล่อยมือ ต้าซือมิ่งก็จับมือของนางและหยิบเปลือกไข่ชิ้นนั้นไปแล้ว ปฏิกิริยาลื่นไหลประดุจเมฆและน้ำที่ไหลตามธรรมชาติ เป็นธรรมชาติแต่ก็เต็มไปด้วยความหมาย
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางอดทนอยู่
แต่ต้าซือมิ่งที่ได้เปลือกไข่ไปแล้วก็ขยี้เปลือกไข่ ‘เบาๆ’ จากนั้นก็มีฝุ่นผงหลุดออกมาอย่างรวดเร็ว เยี่ยนอวี๋รีบใช้มือไปรองรับฝุ่นผงนี้ทันที
ดังนั้นในกลุ่มแสงที่เยี่ยนอวี๋สร้างขึ้นทุกคนจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในฝุ่นผงนี้มีแสงสีขาวจางๆ สว่างวูบวาบอยู่
“ใช่จริงๆ ด้วย!” ดวงตาเยี่ยนอวี๋เป็นประกาย และสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเสี่ยวอิงได้จางๆ และมีกลิ่นอายแปลกๆ ที่เหลืออีกสองสามกลิ่นปนอยู่ด้วย
หากรวมกับไข่ฟองเมื่อครู่แล้ว นี่เป็นฟองที่สองที่มีกลิ่นอายของผู้ใต้บังคับบัญชาของนาง! ที่ต่างกันคือ ฟองก่อนหน้านั้นไม่ได้ ‘ฟักไข่’ แต่ฟองนี้ ‘ฟักไข่’ ไปแล้ว
“เหตุใดข้าจึงได้กลิ่นอายแปลกๆ” อินหลิวเฟิงรู้สึกกลัวขึ้นมาอีกครั้ง “หรือว่านี่คือท่าไม้ตายในการหมักสุราของสำนักคุนอู๋”
“ดูท่าแล้วหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว คงต้องไปที่สำนักคุนอู๋ก่อนเสียแล้ว” เยี่ยนอวี๋อยากจะไปสำนักคุนอู๋ตั้งนานแล้ว ตอนนี้แผนการได้ดำเนินการก่อนเวลาเสียอีก “พวกเขาต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ๆ”
“ใช่แล้ว! สัตว์ประหลาดโอวปาซือก็เป็นฝีมือของสารเลวคุนอู๋พวกนี้เช่นกัน ในเมื่ออย่างไรก็ต้องไปหา เช่นนั้นก็ไปหาพร้อมกันเสียเลย” เม่ยเอ๋อร์รู้สึกว่าสำนักคุนอู๋นี้ผิดปกติตั้งแต่รากเหง้าแล้ว
“แต่เจ้าไปเช่นนี้เลยต้องไม่ได้อะไรกลับมาแน่ๆ” อินหลิวเฟิงกลับไม่เห็นด้วย “ยิ่งไปกว่านั้นนั่นเป็นอาณาเขตของพวกเขา ต้องยากแน่ๆ ข้าว่าเราสามารถใช้ประโยชน์จากพิธีแต่งตั้งเจ็ดสำนัก แล้วจับใครสักคนมาถามไถ่ได้”
“มีเหตุผล” เยี่ยนจื่อเสาเห็นด้วยกับข้อแนะนำของอินหลิวเฟิงมาก “ปลอดภัยไว้ก่อน ท่านพ่อกับปู่ทวด รวมถึงผู้อาวุโสบางส่วนต้องไปถึงเมืองหลวงพร้อมกับเราอย่างแน่นอน พวกเรามีกำลังคน!”
“นักกระบี่อาวุโสของสำนักข้าก็จะไปด้วยเช่นกัน” จวินฮวนกล่าวเสริมอยู่ข้างๆ
เพียงแต่ว่า…
“นี่ๆ! อย่า…อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย นายน้อย คุณหนูใหญ่ ต้าซือมิ่ง พวก…พวกท่านดูทีว่าอะไรตกใส่หน้าข้า” เอ้อร์เหมาที่รู้สึกเหนียวหนืดบนใบหน้าจะร้องไห้แล้ว!
ความรู้สึกนี้…