เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 269 ต้าซือมิ่งสู่ขอ
เมื่อต้าซือมิ่งที่อุ้มเจ้าก้อนน้อยอยู่ก้าวเข้ามาในตำนักใหญ่สำนักชางอู๋ก็เอ่ยถามอย่างสบายๆ
เสียงที่สง่างามไพเราะราวกับเสียงพิณวนเวียนทั่วทั้งตำหนักใหญ่กระทั่งสามารถสั่นสะเทือนทั้งสำนักชางอู๋ไปจนถึงกำแพงเมืองชางอู๋ทั้งหมด
ส่วนเยี่ยนจื่อเสานั้นกำลังสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าต้าซือมิ่งผู้นี้จงใจ เขากำลังประกาศ ‘สถานะ’ ของตนเองอยู่
แต่เยี่ยนจื่อเสาก็จำต้องยอมรับว่าในใต้หล้านี้มีเพียงต้าซือมิ่งผู้นี้ผู้เดียวที่กล้าและสามารถเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ เขามีความสามารถเช่นนั้นจริงๆ!
ดังนั้น…
“!”
ทั้งตำหนักใหญ่ล้วนถูกเสียงผ่อนคลายของต้าซือมิ่งทำให้ตะลึงงันกันไปหมดแล้ว!
ดังนั้นทุกคนจึงหันไปมองที่ด้านนอกตำหนักอย่างพร้อมเพรียง…
ภาพต้าซือมิ่งที่งดงามราวกับเทพสวรรค์ อาภรณ์สีดำ เส้นผมสีเข้มราวกับน้ำหมึก อุ้มเจ้าก้อนน้อยไว้ในอก เดินย้อนแสงเข้ามานั้นเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้างมากล้นปะทะเข้ามาในครรลองสายตาของทุกคน
เพราะแสงนั่นช่างเจิดจ้าเหลือเกิน คนในตำหนักใหญ่จึงไม่อาจมองเห็นใบหน้าของต้าซือมิ่งได้ชัด แต่นั่นไม่สำคัญเพราะกลิ่นอายกดดันแข็งแกร่งที่อบอวลไปทั่วบริเวณก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนตัวสั่นเทาได้แล้ว
ดังนั้น…
“!”
พรึบ! พรึบ!
ขันทีในราชสำนักและบรรดาคนจากสำนักเหยาไถเซียนที่ได้รับการ ‘ดูแลเป็นพิเศษ’ จากต้าซือมิ่งพากันคุกเข่าลงตามสัญชาติญาณ ไม่อาจคิดต่อต้านได้แม้แต่นิด
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยสนใจต้าซือมิ่งในตำนาน แต่พวกเขาไม่เคยนึกสงสัยเลย เพราะว่าผู้ที่มานั้นช่างแข็งแกร่งเพียงพอจะทำให้เขารู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นดั่งเช่นมดปลวก
ยิ่งไปกว่านั้น…
ต้าซือมิ่งแห่งราชสำนัก!
ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในต้าซย่า!
ใครเล่าจะกล้าล่วงเกิน
ไม่มี
“ต้า ต้าซือมิ่ง…”
ผู้ดูแลสำนักเหยาไถเซียนที่คิดเรื่องนี้ออกเหงื่อแตกเต็มศีรษะ ถูกทำให้ตกใจแล้วจริงๆ เขา เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาเพียงออกมาทำธุระกลับต้องมาเจอตอแข็งอันเบ้อเริ่มเช่นนี้ได้!
อย่างนั้นยังจะทำธุระอะไรต่อได้อีก?
ธุระนี่ไม่อาจสำเร็จได้แล้วด้วยซ้ำ!
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ ขันทีจากราชสำนักผู้นั้นเองก็คิดเช่นเดียวกัน เขาฉี่จะราดอยู่แล้ว “ต้า ต้า ต้าซือ ซือมิ่ง…” นายท่านท่านนี้คือผู้ที่กล้าอัดแม้กระทั่งฮ่องเต้เชียวนะ
ดังนั้นคำพูดที่นายท่านใหญ่ท่านนี้พูดเมื่อครู่ล้วนไม่ผิดแน่นอน แต่ว่า! ขอถามหน่อย ใครก็ได้บอกเขาทีว่านายท่านท่านนี้เหตุใดจึงกลายเป็นเขยขวัญของสำนักชางอู๋ได้ หา? หา? หา?
…
ตอนนี้เวลานี้ ตัวร้ายสองคนที่เมื่อครู่ยังเต็มไปด้วยท่าทีบีบคั้นผู้คนเพียงพริบตาก็กลายเป็นไก่ขี้ขลาดที่กระทั่งหายใจยังไม่กล้าหายใจแรง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนเหล่านั้นที่พวกเขาพามาด้วยเลย
แต่เยี่ยนชิงที่ถูกปกป้องกลับตกอกตกใจยกใหญ่ เขาจ้องมองเจ้าหนุ่มที่อุ้มหลายชายตัวน้อยของเขาเข้ามาในตำหนักใหญ่อย่างอึ้งงัน ในหัวเต็มไปด้วยคำว่า “หา?”
เยี่ยนชิงที่ถือว่าตนเป็นคนสมองไวพอตัว ไม่อาจควานหาเสียงและความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของตนกลับมาได้โดยสิ้นเชิงเมื่อได้เผชิญเข้ากับใบหน้า ‘พิมพ์เดียวกัน‘ ของหนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กตรงหน้า
กลับเป็นเยี่ยนหงชวนขิงแก่ผู้นี้ที่ได้สติกลับมาก่อนใคร “นี่คือ…” ดูจากรูปโฉมแล้ว เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่ออกไปรอบหนึ่งพาบิดาแท้ๆ ของลูกนางกลับมาด้วยหรือ
“แค่ก!” เยี่ยนจื่อเสาที่รู้สึกว่าตนต้องเอ่ยอะไรเสียหน่อยก้าวออกมาตอนนี้เอง “ท่านพ่อ ท่านปู่ทวด นี่คือบิดาแท้ๆ ของเสี่ยวเป่า ต้าซือมิ่งจากตำหนักซือมิ่งแห่งราชสำนัก”
“หา?”
บรรดาประมุขแห่งสำนักชางอู๋ล้วนตะลึงไปหมด! แม้พวกเขาจะยังคงตะลึงอยู่ตลอด แต่ตอนนี้ชวนอึ้งยิ่งกว่าหลายส่วนกำลังพยายามเอาคำพูดที่ได้ยินนั้นมาประมวลผลทีละคำ
“ไม่ใช่…”
ขิงแก่เยี่ยนหงชวนสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง เอ่ยถามเหลนชายว่า “กับฮ่องเต้…องค์นั้นน่ะรึ”
“…ขอรับ” เยี่ยนจื่อเสาตอบ ถึงแม้ว่าจะเป็นการดับฝันแต่ก็เป็นความจริง
เยี่ยนหงชวนสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง เป็นเพราะอาศัยตบะที่ฝึกฝนมาหลายร้อยปีจึงสามารถสงบอารมณ์ลงได้ ยังคงรักษากริยาเอาไว้ได้
เยี่ยนชิงกลับไม่เหมือนกัน เขาที่เดิมตบะก็ไม่สูงเท่าท่านปู่อยู่แล้วประกอบกับเป็นเรื่องของลูกสาวสุดที่รัก เขาจึงก้าวอาดๆ เปี่ยมอำนาจไปทางต้าซือมิ่งบางคน
เยี่ยนหงชวนกลัวว่าเจ้าหลานเฒ่าจะเกิดเสียสติขึ้นมา อยากจะดึงเจ้าหลานเฒ่าเอาไว้ ไม่เคยคิดเลยว่า…
เยี่ยนชิงเดินโซเซเกือบจะลื่นล้มหน้าฟาดยังดีที่เยี่ยนจื่อเสาตาไวมือไวรีบเข้ามาประคองท่านพ่อของเขาเอาไว้ “ท่านพ่อ ท่านใจเย็นๆ หน่อย!”
“เจ้า…” เยี่ยนชิงอยากจะสะบัดลูกชายออก
เจ้าก้อนน้อยบางคนยื่นมืออ้วนป้อมออกมาร้อง “อ้ะเน้ะเนะ” ขึ้น
นี่ยังไม่นับ…
“…อ้า ตา!” เพื่อท่านพ่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าพยายามสุดชีวิตเรียก ‘ตา’ ออกมาได้คำหนึ่ง นี่ทำให้เยี่ยนอวี๋เหลือบมองอย่างประเมินไปทางพ่อของเจ้าก้อนน้อยหลายครั้ง
เยี่ยนอวี๋สงสัยอย่างมากว่าต้าซือมิ่งผู้นี้แอบสอนเจ้าก้อนน้อยพูดคำว่า ‘ท่านตา’ กระทั่งสอนให้เรียกบ่อยกว่าคำว่า ‘ท่านแม่’ เสียอีก ไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงเรียกได้คล่องปากขนาดนี้เล่า
ต้าซือมิ่งที่ถูกใส่ร้ายทำได้เพียงแบกรับความผิดนี้เอาไว้ เพราะถึงอย่างไรเจ้าก้อนน้อยก็พยายามเพื่อเขามากถึงขนาดนี้ ถึงขั้นเรียนรู้ด้วยตัวเองจนสามารถเรียกตาออกมาได้
ดีมากจริงๆ ไม่เสียแรงที่เป็นลูกของเขา
ดังนั้น…
“!!!”
เยี่ยนชิงที่เดิมในหัวเต็มไปด้วยเครื่องหมายตกใจและเครื่องหมายคำถาม ตอนนี้เหลือเพียงเครื่องหมายตกใจเพียงอย่างเดียวแล้ว เขามองเจ้าก้อนน้อยอย่างเหลือเชื่อราวกับไม่กล้าจะเชื่อว่าจะได้ยินคำว่า ‘ตา‘ นั้น
แต่ว่า…
“ตา! ตา!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ออกเสียงชัดเจนโบกมือเล็กอ้วนไปทางท่านตาของเขา หวังว่าหลังจากที่ท่านตามาอุ้มเด็กน่ารักอย่างเขาแล้วจะทำดีต่อท่านพ่อคนงามมากหน่อย
“นี่คือ…” เยี่ยนชิงที่จู่ๆ ได้รับความโปรดปรานเบิกตากว้างมองลูกสาวสุดที่รักอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เสี่ยว เสี่ยวเป่าพูดได้แล้วเหรอ เรียก เรียกท่านตาได้แล้วด้วย”
“เจ้าค่ะ” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า “ถึงจะได้แค่ไม่กี่คำแต่เขากำลังเรียกท่านแน่นอน”
ว้าว!
ดอกไม้ในใจเยี่ยนชิงเบ่งบานอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าที่เดิมตกตะลึงเปลี่ยนเป็นมีความสุข มือใหญ่ทั้งสองข้างรีบยื่นไปรับเจ้าก้อนน้อยน่ารัก “เสี่ยวเป่าเยี่ยมยอดจริงๆ เป็นเด็กดีจริงๆ เลย”
“ฮี่”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกท่านตาชมจนยิ้มแก้มปริเอนตัวซบเข้าไปในอ้อมกอดของท่านตาพร้อมหันไปเรียกท่านพ่อ “…พ่อ! อ้ะเน้ะเนะ” ท่านพ่อดูสิ เสี่ยวเป่าเก่งมากๆ!
ต้าซือมิ่งที่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความชื่นชมยื่นมือออกไปลูบหัวโล้นน้อยๆ ของเจ้าก้อนน้อย ฝ่ายหลังรีบถูไถมือของต้าซือมิ่งและแย้มยิ้มอย่างเปี่ยมสุขในทันที “คิก”
เยี่ยนชิงกลับมางุนงงใหม่อีกรอบ “ไม่ใช่ เดี๋ยวสิ ข้าไม่เข้าใจ”
และในนาทีนี้เอง เยี่ยนอวี๋ก็เอ่ยออกมาว่า “ท่านพ่อ เขาก็คือพ่อแท้ๆ ของเสี่ยวเป่า ท่านดูหน้าเขาก็จะรู้เอง”
เยี่ยนชิง “!!!”
อย่างนั้นเจ้าคนที่ชื่อต้าซือมิ่งผู้นี้คือเจ้าคนเลวที่รังแกเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อย่างนั้นสินะ!?
นี่…
“เดี๋ยวก่อน!”
เยี่ยนชิงที่ปกป้องหลานชายตัวน้อยในอ้อมกอดโพล่งออกมาว่า “อย่างนั้นตอนแรกเขาไปไหนมาเล่า”
เยี่ยนอวี๋อยากจะอธิบายสักหน่อยจะได้ปลอบให้ท่านพ่อเจ้าน้ำตาของนางจัดการปัญหาที่อยู่ตรงหน้านี้ก่อน
แต่ว่าต้าซือมิ่งบางคนกลับยอมรับผิดแล้ว “ความผิดของข้าเองขอรับ”
นี่ยังไม่นับ…
เขายังเลิกชายชุดคลุมตัวยาวแล้ว ตึง คุกเข่าลงตรงหน้าเยี่ยนชิงทันที!
“ขออภัย ขอให้ท่านพ่อตาโปรดยกโทษให้ด้วย”
เยี่ยนจื่อเสาตกตะลึงไปในทันที
เยี่ยนอวี๋เองก็อึ้งไปเช่นกัน…
นางรู้ดีว่าต้าซือมิ่งผู้นี้น่าจะเป็นพวกไม่ใส่ใจเรื่องหยุมหยิมแต่เขากลับคุกเข่ายอมรับผิดเนี่ยนะ
นี่มัน…
ต้องบอกเลยว่านี่เหนือความคาดหมายของเยี่ยนอวี๋ นางไม่คิดเลยว่าเขาจะทำแบบนี้โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าตัวเขาบ้าคลั่ง โอหังและแข็งแกร่งขนาดไหน
คนเช่นนี้…
เยี่ยนอวี๋พลันรู้สึกว่าก่อนหน้านี้นางช่างเป็นคนใจแคบเสียจริง
เขา…
“ลูกเขยไม่อาจอยู่เคียงข้างเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์และเสี่ยวเป่าในขณะที่พวกเขาต้องการข้ามากที่สุด” นี่คือสิ่งที่ต้าซือมิ่งหรงรู้สึกเสียใจมากที่สุด
แม้ว่าเขาจะได้ ‘ภรรยาและลูก’ มา ‘แบบเปล่าๆ’ แต่หากว่าเป็นไปได้เขาคาดหวังยิ่งกว่าว่าจะไม่ใช่ได้พวกเขามา ‘เปล่าๆ’ เขาคาดหวังว่าตนเองจะสามารถอยู่เป็นประจักษ์พยานในทุกสิ่งได้ นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ
และเขาที่เป็นเช่นนี้…
ต้าซือมิ่งที่เป็นเช่นนี้ทำให้เยี่ยนจื่อเสาอดเอ่ยออกมาไม่ได้ “ท่านพ่อ หลังจากต้าซือมิ่งรู้ว่ามีเสี่ยวเป่าเขาก็ดีกับเสี่ยวเป่ามากและยิ่งดีกับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มากเช่นกัน เรื่องนี้…” เขาพลันเชื่อแล้วว่าก่อนหน้านี้ต้าซือมิ่งผู้นี้ไม่รู้เรื่องจริงๆ
และอีกอย่างเมื่อเทียบกับกู้หยวนเหิงแล้วต้าซือมิ่งช่างมีความรับผิดชอบเหลือเกิน! ถึงแม้จะเป็นนายน้อยอินเองก็ยังไม่มีความกล้าหาญเช่นต้าซือมิ่งสักครึ่งส่วน ลูกเขยเช่นนี้
เยี่ยนจื่อเสารู้ เขายอมรับแล้ว ก็ต้องรอดูน้องสาวและท่านพ่อแล้ว
ส่วนเยี่ยนชิงนั้นก็ต้องยอมรับว่าชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้อย่างน้อยก็แข็งแกร่งกว่าเจ้าสุนัขกู้หยวนเหิงนั่น! เขา…
ไม่รอให้เยี่ยนชิงคิดอีก เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เป็นห่วงท่านพ่อของเขา “อ้ะเน้ะเนะ! อ้า…พ่อ ลุก ลุก”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่พูดพลางโผลงไปทางท่านพ่อทำเอาเยี่ยนชิงตกอกตกใจรีบประคองเจ้าก้อนน้อยเอาไว้แน่น แต่ฝ่ายหลังกลับขืนตัวโผไปด้วยแรงมหาศาล!
เยี่ยนชิงทำได้เพียงย่อกายลงตามแรงของเจ้าก้อนน้อยแล้วมองตรงไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
ต้าซือมิ่งบางคนเองก็ช้อนตาขึ้นมองท่านพ่อตา สายตาสี่ข้างสบประสาน…
“ลุกขึ้นเถอะ” เยี่ยนชิงยกมือขึ้นประคองผู้เยาว์คนนี้ ถึงแม้จะยังมีอีกหลายคำถาม หลายข้อสงสัยแต่เขารู้ดีว่าพ่อของเสี่ยวเป่าผู้นี้นั้นแข็งแกร่งกว่านายน้อยอินที่เขาถูกชะตาผู้นั้น
หากลำพังแค่ใช้เกณฑ์แข็งแกร่งอ่อนแอมาเลือก ต้าซือมิ่งผู้นี้ย่อมผ่านเกณฑ์แน่ แต่ว่า…
รอให้จบเรื่องนี้ก่อน ผู้ที่เป็นบิดาอย่างเขาต้องอธิบายมาให้กระจ่างว่าตอนแรกนั้นมันเกิดอะไรขึ้น
แต่ว่าคนบางส่วนในตำหนักใหญ่นั้นกลับไม่ต้องการคนมาจัดการ อย่างน้อยขันทีในราชสำนักผู้นั้นก็เอ่ยออกมาเองว่า “ต้า ต้าซือมิ่ง อย่างนั้นพวกข้าน้อยขอตัวก่อนนะขอรับ”
“ใช่ ใช่ พวกข้าขอตัวก่อน” ผู้ดูแลของสำนักเหยาไถเซียนเองก็ขี้ขลาดขึ้นมาแล้ว พวกเขาคิดเพียงอยากจะถอนกำลังกลับ! แต่น่าเสียดาย…
“เอาพระเสาวนีย์มา” ต้าซือมิ่งยืนขึ้นแล้ว เขาไม่ได้พูดง่ายขนาดนั้นหรอกนะ
ขันทีในราชสำนักอยากจะร้องไห้แล้ว แต่ว่าเขาจำต้องเข้มแข็งเข้าไว้! เขาประคองพระเสาวนีย์ในมือส่งไปตรงหน้าต้าซือมิ่งด้วยมือสั่นเทา ตกใจเสียจนเหงื่อไหลโซมกายไปหมด
และ…