เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 277 ซือมิ่งข้าพ่ายให้กับสตรี
การเคลื่อนไหวนี้ ทำให้หยางถิงซานหน้าเสียยิ่งกว่าการเคลื่อนไหวของเหล่าอสูรเสียอีก เพราะนี่หมายความว่าต้าซือมิ่งผู้นั้นอาจจะยังไม่ตาย!
แม้นหยางถิงซานจะรู้อยู่แก่ใจว่ามีความเป็นไปได้น้อยมาก แต่ความรู้สึกบอกเขาว่าอาจจะเป็นไปได้! หากต้าซือมิ่งผู้นี้สังหารได้ง่ายเพียงนี้ ฝ่าบาทคงไม่…
“เจ้าสำนักหยาง พูดคุยกันหน่อยเถอะ” อินหลิวเฟิงที่เข้าใจสถานการณ์ดีมากพูดขึ้น “ด้วยฝีมือของคนพวกนี้แล้ว เจ้าสำนักสูงส่งอยากจะจับพวกข้านั้นก็คงต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยน ที่สำคัญคือต้าซือมิ่งอาจจะมาในเร็วๆ นี้ก็เป็นได้ ถึงครานั้น…”
คำพูดต่อจากนี้ไม่จำเป็นต้องให้อินหลิวเฟิงพูดต่อ เยี่ยนเสี่ยวเป่ายังรู้เลยว่าหมายความว่าอย่างไร ดังนั้นเขาจึงส่งเสียง ‘อ้ะเนะเนะ’ ออกมาอย่างกริ้วโกรธ บ่งบอกว่าเดี๋ยวรอให้ท่านพ่อของข้ามาจัดการพวกเจ้า! หึ!
สีหน้าของหยางถิงซานดูคาดเดาไม่ได้ และเห็นได้ชัดว่าเขากำลังครุ่นคิดอยู่ เพราะสิ่งที่อินหลิวเฟิงกล่าวนั้นถูกต้อง หากไม่สามารถฆ่าได้แล้วอยากจะจับตัวเป็นๆ ล่ะก็ ด้วยฝีมือที่กลุ่มเยี่ยนอวี๋แสดงออกมานั้น ไม่ง่ายเลยจริงๆ
ขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสท่านหนึ่งก็ได้กระชิบข้างหูหยางถิงซาน “เจ้าสำนัก…”
รอให้ผู้อาวุโสท่านนี้กล่าวจบ หยางถิงซานก็เอ่ยตอบอย่างเด็ดขาด “ได้ ข้าจะเจรจากับพวกเจ้า ขอเพียงแค่พวกเจ้าสามารถทำให้เซ่าเหิงหายดีได้ ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
“ตกลง” อินหลิวเฟิงไม่เชื่อว่าหยางถิงซานจะว่าง่ายขนาดนี้ แต่คนโตแล้วล้วนเข้าใจดี คำว่าเจรจาที่ว่านั้นขึ้นอยู่กับการที่ต้าซือมิ่งบางคนยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
หากสำนักคุนอู๋พบว่าต้าซือมิ่งตายแล้ว การเจรจาก็จะเป็นโมฆะในทันที และแน่นอนว่าเยี่ยนอวี๋และคนอื่นๆ ก็ไม่ยอมมอบยาแก้พิษออกมาให้โดยง่ายแน่ ส่วนผลสรุปสุดท้ายนั้นก็ต้องดูว่าหมากของใครนำก่อนแล้วล่ะ!
…
และในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลัง ‘ปรองดอง’ ต่อกันนั้น หยวนคังฮ่องเต้จากราชสำนักก็ได้รับรายงานพร้อมกัน “เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่ที่หรงอี้นั่นพาคุณหนูใหญ่เยี่ยนไปที่สำนักคุนอู๋”
หยวนคังฮ่องเต้สัมผัสได้ถึงพลังงานของต้าซือมิ่งบางคน แต่กลับไม่รู้ว่าข้างกายของฝ่ายหลังมีเทพธิดาของเขาอยู่ด้วย! พวกเขามายังเมืองหลวงพร้อมกัน ทั้งยังไปที่สำนักคุนอู๋พร้อมกันอีกด้วย
“เป็นเช่นนั้นจริงพ่ะย่ะค่ะ ว่ากันว่าต้าซือมิ่งไม่เพียงแต่อุ้มเด็กทารกไว้คนหนึ่งเท่านั้น แต่ข้างกายยังมีสตรีโฉมงามตามมาด้วยอีกคนหนึ่ง ตามที่ผู้สังเกตการณ์พรรณนามาน่าจะเป็นปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ นอกจากนี้ นายน้อยแห่งตระกูลอินผู้นั้นก็อยู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ!” หยวนคังฮ่องเต้แค่นเสียงออกมา “หรงอี้ผู้นี้กล้าเป็นศัตรูกับข้า! ตอนนี้ไม่เพียงแต่อยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงของข้าเท่านั้น แต่ยังกล้าพาเจ้าเด็กตระกูลอินนั่นไปด้วย!”
“…”
ผู้รายงานที่ได้ยิน ‘ความลับ’ อันน่าตกใจรีบคุกเข่าลงทันที คาดคิดไม่ถึงเลยว่าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนจะเป็นผู้หญิงของฝ่าบาท เช่นนั้น…เช่นนั้นเด็กคนนั้นก็เป็น…เป็นโอรสของฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ!
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง” หยวนคังฮ่องเต้ถามขึ้น
“เดิมสู้กันอย่างหนักหน่วง แต่ตอนหลังไม่รู้เพราะเหตุใดจึงหยุดลงกะทันหันพ่ะย่ะค่ะ แต่ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนและคนอื่นๆ ยังไม่ได้ออกจากสำนักคุนอู๋ เพราะอะไรนั้นยังคงต้องรอสายลับรายงานกลับมาอีกทีพ่ะย่ะค่ะ”
“ดูไว้ให้ดี! ข้าต้องรู้เรื่องภายในให้ได้ รายงานอย่างต่อเนื่อง” หยวนคังฮ่องเต้ออกคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท! กระหม่อมขอทูลลา” สายลับราชสำนักที่รับคำสั่งชุ่มไปด้วยเหงื่อ เพียงรู้สึกว่าปราชญ์สำนักเยี่ยนผู้นั้นเป็นบุคคลอัศจรรย์จริงๆ
ทั้งเมืองหลวงลือกันทั่วว่านางเป็นคนรักของกู้ชีหลาง แต่โยวตูลือว่านางเป็นคนรักของนายน้อยอิน แต่มาตอนนี้ ฝ่าบาทกลับยอมรับด้วยตนเองว่านั่นเป็น…
ฉะนั้นแล้วนี่หรือจะเป็นงูงามที่ฝ่าบาทสอดแทรกเข้าไปยังกองกำลังต่างๆ และเผ่าต่างๆ เพื่อให้เกิดความแตกแยกกระตุ้นให้แต่ละกองกำลังเกิดความขัดแย้งกัน และแบ่งเบาภาระให้กับฝ่าบาท
…สายลับราชสำนักที่คิดมากพอควรได้มองเยี่ยนอวี๋เป็น ‘คนกันเอง’ ไปแล้ว พร้อมทั้งตะลึงกับวิธีการของอีกฝ่าย เพราะเมื่อพิจารณาจากข่าวล่าสุดแล้วนั้น คนผู้นี้ได้ยั่วยวนต้าซือมิ่งสำเร็จแล้ว!
“จุ๊ๆ คาดไม่ถึงเลยว่าคนผู้นั้นที่เขาลือกันว่าไม่ยุ่งกับสตรี ไร้ซึ่งกิเลสตัณหา ผู้เป็นเทพจริงๆ นั้นก็ยังพ่ายให้กับสตรีเช่นกัน” สายลับราชสำนักที่เต็มไปด้วยความชื่นชมหันตัวเดินออกจากราชสำนัก
หารู้ไม่ว่าทั้งหมดทั้งมวลคือเขาคิดมากไปเอง
บริเวณหลังราชสำนัก กู้หยวนซูได้ทราบเรื่องราวภายนอกผ่านช่องทางของนางเอง อดไม่ได้ที่จะขว้างของต่างๆ ในห้องจนกระจายไปทั่ว “นังสารเลว! ถูกต้าซือมิ่งช่วยไว้อีกแล้ว!”
“เหนียงเหนียง…”
“ไป! ไปส่งข่าวให้กับหยวนเหิงให้เขารีบลงมือซะ”
“เหนียงเหนียง เพราะส่งข่าวให้กับท่าน คนของเราถูกจับไปแล้วสองคน เกรงว่าคงจะส่งข่าวออกไปไม่ได้แล้วเพคะ”
ได้ยินดังนั้น กู้หยวนซูที่ใจเย็นลงหายใจเข้าลึกๆ “เช่นนั้นข้าจะไปเอง! ไป…ไปทูลฝ่าบาททีว่าข้ามีเรื่องด่วนขอเข้าเฝ้า”
“แต่ว่า…”
“ข้ามีเรื่องด่วนจริงๆ!”
“เพคะ เหนียงเหนียง” หญิงรับใช้ในวังรีบทูลลาไปอย่างรวดเร็ว
กู้หยวนซูคิดถึงสิ่งที่ตนมอบให้จึงได้ใจเย็นลง ทั้งกังวลว่าจะรั่วไหลออกไป หากถูกเขาจับได้ว่ามีคนขโมยพลังของเขาล่ะก็…
“จะโทษข้าก็ไม่ได้ หากท่านยอมสู่ขอข้า และไม่หลงเสน่ห์ของนังแพศยานั่น ข้าก็คงไม่โหดร้ายกับท่านถึงเพียงนี้” กู้หยวนซูที่บ่นพึมพำกับตนเองสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง รอการมาของหยวนคังฮ่องเต้
เมื่อนึกถึงหยวนคังฮ่องเต้ กู้หยวนซูก็ตัวสั่นไปครู่หนึ่ง ถึงแม้นางจะใช้ร่างที่มีพลังมารจนฟื้นฟูตนเองกลับมาได้อย่างรวดเร็วก็ตาม แต่เมื่อนึกถึงความโหดร้ายของหยวนคังฮ่องเต้ นางก็ยังคงกลัว…
และความกลัวนี้ยิ่งทำให้นางเกลียดชังเยี่ยนอวี๋เข้าไส้! เพราะนางรู้สึกว่าการที่นางต้องตกอยู่ในมือของหยวนคังฮ่องเต้เป็นเพราะการเข้ามาแทรกของเยี่ยนอวี๋!
แต่กลับไม่คิดเลยว่าต้าซือมิ่งนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับนางเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าการเข้ามาแทรกนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใดกัน…
อย่างไรก็ตามเยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจความคิดนี้ของกู้หยวนซูเลย และนางก็ไม่สนใจเลยสักนิด สิ่งที่นางสนใจในตอนนี้คือต้าซือมิ่งบางคน “ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
“คุณหนูใหญ่จะเป็นห่วงเขาทำไมกัน คนมากอุบายเช่นนั้นไม่ตายแน่นอนเจ้าค่ะ” ขณะที่เม่ยเอ๋อร์ตอบกลับ จิตเหนือสำนึกก็ได้สังเกตรอบๆ พบว่าผิดปกติมาก “คุณหนูใหญ่ ที่แห่งนี้ผิดปกติ”
“ผิดปกติจริง จิตเหนือสำนึกของข้าใช้ไม่ได้เลย” เยี่ยนจื่อเสาก็พบปัญหานี้แล้วเช่นกัน
อินหลิวเฟิงกลับดื่มชาอย่างสบายใจ “ก็ต้องผิดปกติอยู่แล้ว มิเช่นนั้นข้าคงต้องกังวลมากกว่านี้”
“แปลก เจ้าคิดดู หากพวกเขาต้องการยาแก้พิษจริงๆ เหตุใดหลังจากที่ขังพวกเราไว้ที่นี่แล้วกลับไม่ถามอะไรอีกเลย” เอ้อร์เหมารู้สึกว่าที่นี่ไม่ธรรมดา
“ก็ต้องไปดูว่าต้าซือมิ่งตายแล้วหรือยังอยู่แล้ว!” อินหลิวเฟิงยังคงไม่รู้สึกแปลก ทั้งยังหยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้นป้อนให้กับเจ้าตัวน้อยในอ้อมกอดของเยี่ยนอวี๋
แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวน้อยหันหน้าหนีพร้อมกับทำหน้ารังเกียจ…
ทำให้อินหลิวเฟิงต้องหัวเราะ “จุ๊ๆ! คุณชายน้อยเจ้าถูกเลี้ยงให้เป็นคนเลือกกินแล้วหรือนี่ หากเป็นแต่ก่อนเจ้าแทบจะอยากงับเข้าปากทันที”
“หึ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกล้อเรื่องแต่ก่อนหน้าบึ้ง จ้องอินหลิวเฟิงแวบหนึ่ง
อินหลิวเฟิงจึงไม่พูดอะไรอีก กินขนมดื่มชาต่อไป
เยี่ยนอวี๋ไม่หยุดพักเลย การรับรู้ของนางได้เข้าไปในใต้พื้นดินแล้ว และพุ่งไปทางพื้นที่ลับคุนอู๋ การปิดผนึกจิตเหนือสำนึกในตอนนี้ไม่มีผลต่อนางเลย
เพียงแต่ว่าด้านในพื้นที่ลับคุนอู๋กลับเป็นเพียงพื้นที่ ‘มืด’ สนิท ไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย สถานที่แห่งนี้หากไม่พังทลายจนกลายเป็นถ้ำไปแล้วก็คงมีความลึกลับมาก!
“พักกันเสียหน่อยเถิด เม่ยเอ๋อร์ทำอาหารให้กับเสี่ยวเป่าก่อน” เยี่ยนอวี๋รู้ว่าทุกอย่างต้องรอให้ต้าซือมิ่งกลับมาเสียก่อนถึงจะเจรจาต่อไปได้จึงไม่ได้ตรวจสอบอะไรต่อไป
เม่ยเอ๋อร์กำลังจะตอบ เจ้าตัวน้อยก็ส่งเสียง ‘อ้ะเนะ’ ออกมา พลางส่ายศีรษะพลางกล่าว “…พ่อ!”
เยี่ยนอวี๋ที่รู้ว่าลูกน้อยอยากจะรอบิดาของเขาทำได้เพียงปลอบโยนเบาๆ “ไม่รู้ว่าท่านพ่อของเจ้าจะกลับมาเมื่อใด ถึงเวลาทานข้าวของเจ้าแล้ว”
“พ่อ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เด็ดขาดไม่ยอม แสดงออกว่าจะรอท่านพ่อกลับมา
เยี่ยนอวี๋หมดหนทาง ทำได้เพียงส่งสายตาให้กับเม่ยเอ๋อร์ให้นางไปเตรียมมาอย่างลับๆ ต้องไม่ให้ลูกน้อยหิวโซได้ เม่ยเอ๋อร์ตอบรับและไปเตรียม
เยี่ยนเสี่ยวเป่าหาว เห็นได้ชัดว่าง่วงนอนแล้ว เยี่ยนอวี๋จึงกล่อมเขาหลับไป ไร้คำพูดใดๆ จนกระทั่งช่วงเวลาเที่ยง เจ้าตัวน้อยถึงจะตื่นขึ้น…
“พ่อ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ลืมตาขึ้นก็ตามหาบิดาเลย ทำเอาเยี่ยนอวี๋หมดหนทาง “ท่านพ่อของเจ้ายังไม่กลับมา เสี่ยวเป่าทานข้าวก่อนแล้วค่อยรอท่านพ่อดีหรือไม่”
จากนั้น เจ้าตัวน้อยก็ไม่พูดอะไรต่ออีก เพียงแค่นอนอยู่ในอ้อมกอดของมารดาเงียบๆ และไม่ได้ยืนกรานจะรอบิดาอีก แต่ทว่าดูจากท่าทางแล้วก็ไม่คิดที่จะทานอาหารเช่นกัน
“เม่ยเอ๋อร์” เยี่ยนอวี๋สั่งให้เม่ยเอ๋อร์นำเนื้อบดละเอียดที่ต้มไว้แล้วขึ้นมา
แต่น่าเสียดายที่เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ยอมกิน
“เสี่ยวเป่าไม่หิวหรือ” เยี่ยนอวี๋ลูบหน้าท้องของลูกน้อย รู้สึกว่าถึงเวลาที่ลูกน้อยควรจะหิวแล้ว อีกอย่างถึงแม้จะไม่หิว แต่ด้วยนิสัยชอบกินของลูกน้อยจะต้องกินอย่างแน่นอน
แต่เยี่ยนอวี๋ก็ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล “เสี่ยวเป่ากินสักนิดดีหรือไม่ รอให้ท่านพ่อกลับมาแล้วค่อยทำอย่างอื่นให้อีก”
“…ไม่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ปฏิเสธเสียงแข็งมุดหน้าเข้าในอ้อมกอดของมารดาทันที สีหน้าปฏิเสธที่จะกินข้าว จะรอท่านพ่อของเขาอย่างเดียว
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางไม่รู้เลยว่าลูกน้อยจะติดท่านพ่อของเขาถึงเพียงนี้! เพียงแค่ข้าวมื้อเดียวก็ห่างไม่ได้เลย
แต่เยี่ยนอวี๋กลัวว่าลูกน้อยจะหิวโซจึงได้กล่าวต่อไปว่า “เสี่ยวเป่าต้องเป็นเด็กดี ท่านพ่อไปจัดการภารกิจ รอให้เขากลับมาก่อนค่อยให้เขาทำข้าวให้เสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าต้องไม่เอาแต่ใจดีหรือไม่จ๊ะ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเงียบไม่ขยับ เห็นได้ชัดว่ากำลังแกล้งไม่ได้ยินอยู่
เยี่ยนอวี๋จึงทำได้เพียงวางถ้วยลง และอุ้มลูกน้อยออกจากอ้อมกอดพร้อมกับจ้องเขา “ไม่เชื่อฟังท่านแม่หรือ”
“อ้ะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าทำหน้าบึ้ง มีแอ่งน้ำอยู่ในดวงตาสีดำดุจหินอัคนีราวกับจะร้องไห้อย่างไรอย่างนั้น ทำเอาเยี่ยนอวี๋หัวใจแทบสลาย!
“ก็ได้ ไม่กินก็ได้…เสี่ยวเป่าไม่ร้องไห้นะ” เยี่ยนอวี๋ยอมแพ้แล้วลูบหลังของลูกน้อย “เสี่ยวเป่าไม่กินก็ไม่กิน รอให้หิวมากๆ ค่อยกินนะ”
“พ่อ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่น้ำเสียงสะอื้นกอดคอของมารดาไว้ ช่างน่าสงสารเหลือเกิน “อ้ะเนะเนะ…” ท่านพ่อคนงามสัญญากับเสี่ยวเป่าแล้วว่าเมื่อใดที่เสี่ยวเป่าหิวก็จะมีข้าวกิน และยังสัญญาอีกด้วยว่าก่อนที่เสี่ยวเป่าจะโตขึ้นท่านพ่อจะไม่ไปจากเสี่ยวเป่า…
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่จำได้ทุกอย่างยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า จะร้องไห้จริงๆ แล้ว หลังจากนั้น…
“อ้ะเนะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่สัมผัสได้ถึงลมปราณของบิดาแท้ๆ หันศีรษะกลับไป!
เยี่ยนอวี๋เองก็ค่อยๆ เงยหน้าตามด้วยเช่นกัน…