เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 307 พ่อแม่ลูกทะยานขึ้นฟ้า
ตอนที่ 307 พ่อแม่ลูกทะยานขึ้นฟ้า!
ภายใต้เสียงเรียกอันไร้เดียงสาของเด็กน้อย ท่ามกลางอัสนีสีม่วงก็ปรากฏแสงอัสนีหลากสีพร้อมเสียงสวดดังระงมไปทั่ว
“นี่มัน…”
ทุกคนต่างตกตะลึงกับปรากฏการณ์อันน่าพิศวงที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้!
เสียงสวรรค์และแสงอัสนีนี้ก็ปกคลุมพวกเขาทั้งสามที่อยู่บนแท่นสูงต่อหน้าต่อตาทุกคน ทำให้พวกเขากลายเป็นเทพเจ้าสูงสุด เทพเช่นนี้คู่ควรแก่สามัญชนกราบไหว้เท่านั้น! ทุกคนในนั้นจึงหันหน้าหมอบกราบแท่นบูชานั้นแล้ว
แม้แต่กู้หยวนซู นางเองก็หมอบกราบลงไปแล้ว เพียงเพราะบัดนี้มีพลังแห่งสรรค์สถิตจริงๆ ถึงอย่างไรผู้จุดธูปก็เป็นถึงเทพผู้สร้างโลก ปฐมราชินีเยี่ยน! สวรรค์บนดินย่อมต้องจำนน
…
เมื่อพลังสวรรค์ค่อยๆ มลายไป เด็กน้อยก็ยื่นธูปสามดอกคืนให้เฉินฉุนเฟิงอย่างมีความสุข เขายังอุทานร้องว้าวไม่อยู่ “เก่ง! ว้าว…”
“ใช่แล้ว เสี่ยวเป่าเก่งที่สุด” เยี่ยนอวี๋อุ้มเด็กน้อยจิ้มลิ้มขึ้นมา นางจูบแก้มตุ้ยนุ้ยของเขาอย่างอดใจไม่ไหว ทำเอาฝ่ายหลังยิ้มเริงร่า
“ไปกันเถิด” หรงอี้ยื่นมือไปรับเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมอก ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็จูงว่าที่ภรรยา พวกเขาเดินลงจากแท่นพร้อมกัน ทำให้ผู้คนต่างคารวะ “ท่านเทพ! ท่านเทพ…”
ความยิ่งใหญ่เช่นนี้ทำเอากู้หยวนซูจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าการที่หยวนคังฮ่องเต้ไม่ได้เสด็จมาเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว แต่พระองค์อาจจะไม่สามารถเสด็จมาได้จริงๆ ก็เป็นได้
เฉินฉุนเฟิงพึงพอใจกับพิธีบวงสรวงครั้งนี้มาก สิ่งนี้ช่วยคงความยำเกรงและอำนาจศักดิ์สิทธิ์ของตำหนักซือมิ่งไว้ได้ เขาประกาศขึ้นว่า “ตำหนักซือมิ่งทำพิธีบวงสรวงเสร็จแล้ว เชิญสำนักศึกษาเปิดพิธีสนามประลอง”
กู้หยวนซูหน้าเปลี่ยนสี เพราะว่านางถูกเมินเฉยอย่างสมบูรณ์ อันที่จริงนางควรเป็นคนประกาศ แต่เฉินฉุนเฟิงในฐานะที่เป็นเซ่าซือมิ่งแห่งตำหนักซือมิ่งก็มีสิทธิ์ประกาศลำดับพิธีต่อไปหลังจากเสร็จสิ้นพิธีบวงสรวงแล้ว
“เชิญอีจี้จิ่ว” เหอซงขานเรียกอย่างคุ้นชิน
อีอิ่นเป็นผู้อาวุโสที่เป็นตัวแทนของการดำรงอยู่สูงสุดของสำนักศึกษา เขาก้าวเท้าเดินขึ้นแท่นทีละขั้น เจ้าตัวน้อยเห็นเขาก็ส่งเสียงเรียก ‘อ้ะ’ ขึ้นมา เขาจำลุงเฒ่าคนนี้ได้ว่าเขาจะให้เขากินของอร่อย แต่ยังไม่ได้ให้เขากินเลย
เยี่ยนอวี๋รู้ใจเสี่ยวเป่าดี นางจิ้มจมูกเขาเบาๆ “เจ้าแมวเหมียวจอมตะกละ”
อีอิ่นมองมาทางนี้ ก่อนจะส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ “เสี่ยวเป่ารอข้าหน่อยนะ”
“ได้…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากล่าวอย่างไม่ละอาย
อีอิ่นยิ้มอย่างอ่อนโยนเล็กน้อยก่อนจะเริ่มประกาศว่า “ผู้แข็งแกร่งของแต่ละสำนักโปรดคุ้มกันสำนักของตนให้ดี นักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักศึกษารักษาพันธสัญญากับหยวนคังฮ่องเต้แห่งต้าซย่า อัญเชิญต้าฮวงมายังราชสำนัก เพื่อให้ทุกฝ่ายในต้าซย่าได้แสดงความสามารถเต็มที่ เป็นเกียรติประวัติแก่ต้าซย่า”
“ต้าซย่า!”
“ต้าซย่า! ต้าซย่า!…”
เหล่าทหารราชสำนักต่างกู่ร้องอย่างพร้อมเพรียง ทำให้เจ้าแคว้นที่อยู่ใต้การปกครองที่มาสังเกตการณ์ต่างสะเทือนขวัญจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ในอีกเจ็ดปีข้างหน้าย่อมส่งเครื่องบรรณาการและยอมจำนนต่อต้าซย่าแต่โดยดี
“นี่เป็นฉากสำคัญในพิธีแต่งตั้งเจ็ดสำนักทุกครั้ง เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ครั้งที่แล้วเจ้าไม่ได้มาดู ครั้งนี้จะได้เห็นแล้วล่ะ” เยี่ยนจื่อเยี่ยรีบแนะนำให้น้องฟัง
“เนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองท่านลุงใหญ่ของเขาเหมือนกับกำลังถามว่าอะไรน่าดูที่สุดหรือขอรับ
เยี่ยนจื่อเยี่ยลูบหลานชายน้อย “มากมายเลย”
“พี่ใหญ่ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เสี่ยวเป่าของเราเคยไปต้าฮวงของจริงมาแล้ว คงไม่รู้สึกอะไรมากหรอก” อินหลิวเฟิงก็มาดูพิธีแต่งตั้งเจ็ดสำนักในวันนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน
ทว่าอินหลิวเฟิงก็พบทันทีว่า เขาคิดผิดแล้ว!
วิ้ง!
วิ้ง!…
ขณะที่เมืองหลวงทั้งเมืองสั่นสะเทือน ลานประลองต้าฮวงที่ถูกอีอิ่นและผู้แข็งแกร่งสำนักศึกษาอัญเชิญมาด้วยเคล็ดวิชาลับก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนในเหตุการณ์สะเทือนไหว แม้แต่คนที่เคยเห็นฉากนี้ก็ยังคงรู้สึกสะเทือนจนสั่นสะท้าน! เพราะว่าลานประลองที่อัญเชิญมาไม่เคยเหมือนกันสักครั้ง ส่วนครั้งนี้…
กรรร!
กรรร!…
เสียงคำรามนับไม่ถ้วนดังขึ้นพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย เพียงพอที่จะชี้ให้เห็นว่าการประลองต้าฮวงครั้งนี้ต้องดุเดือดมากแน่นอน เพราะว่าสิ่งที่ถูกอัญเชิญมาเป็นพื้นที่ส่วนลึกส่วนหนึ่งของต้าฮวง ในนั้นเต็มไปด้วยอสูรโบราณต้าฮวงที่ดุร้าย มีแม้กระทั่งคนร่างกำยำป่าเถื่อนราวกับกินขนดื่มเลือด (หรือก็คือคนที่เยี่ยนชิงอยากจะให้แต่งงานกับเยี่ยนชิงถังนั่นเอง)
คนป่าเถื่อนเหล่านี้ถนัดการสู้รบยิ่งนัก! พวกเขาทุกคนมีจิตวิญญาณสัตว์ร้ายอันแข็งแกร่งและมีความคิดดั่งมนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตในต้าฮวงที่ต่อสู้ด้วยยากที่สุด หากไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่สามารถออกจากต้าฮวงได้และแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มได้ ใต้หล้าคงประสบมหันตภัยแล้ว
“น่าเร้าใจจริงๆ…” อินหลิวเฟิงทำท่าปาดเหงื่อ
“โชคดีที่ข้าไม่ได้ไป ซานเหมาผู้น่าสงสาร” เอ้อร์เหมาจุดเทียนภาวนาให้น้องของเขาแล้ว ประเด็นคือเขาจุดเทียนเล่มสีขาวจริงๆ!
ทำเอาเจ้าตัวน้อยอยากจะไปเล่นไฟ หากไม่ใช่เพราะท่านพ่อของเขากอดไว้แน่น เขาคงกระโจนออกไปแล้ว
ชุ่ยชุ่ยสะอื้นไห้ “นายท่าน ข้าน้อยเปลี่ยนใจไม่ไปตอนนี้แล้วได้หรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าสมัครด้วยหรือ” เม่ยเอ๋อร์ตกใจ
เยี่ยนชิงตอบอย่างลำบากใจ “คงมิได้ ข้าส่งป้ายชื่อของเจ้าเข้าไปในสำนักศึกษาแล้ว เมื่อถึงเวลาประลอง แม้เจ้าจะไม่อยากเข้าไป ลานประลองต้าฮวงก็จะดูดเจ้าเข้าไปอยู่ดี”
ชุ่ยชุ่ยพึมพำ “เช่นนั้นข้าเข้าไปแล้วจะบีบป้ายชื่อเลย น่ากลัวเกินไปแล้ว! ฮือๆ…”
“เดี๋ยวนะ เหตุใดเจ้าจึงสมัครไปเล่า” เม่ยเอ๋อร์ไม่เข้าใจ ชุ่ยชุ่ยขี้แงคนนี้เอาความกล้าหาญจากไหนมากัน
“แค่ก อันที่จริงข้าก็อยากสมัคร ข้าอยากเข้าไปฝึกฝนวิชาบ้าง เสียดายที่ข้าไม่มีฌานตบะ มีเพียงพลังจิตวิญญาณ ไม่คู่ควรกับสนามนี้” ชือหมินหมิ่นไก่อ่อนตระกูลชือกล่าวขึ้นจากข้างๆ
“ใช่ ข้าแค่อยากฝึกปรือฝีมือ” ชุ่ยชุ่ยร้องไห้จนตาจะบวมอยู่แล้วพูดขึ้น “ข้าแค่อยากเป็นเหมือนพี่เม่ยเอ๋อร์ ปกป้องคุณหนูใหญ่และคุณชายน้อยได้ในอนาคต”
เม่ยเอ๋อร์ “…”
ก็ได้ นางจะพูดอะไรได้อีกเล่า นางจึงหยิบถุงวิเศษออกมายื่นให้ชุ่ยชุ่ย “ข้างในมีอาวุธ เจ้าเก็บไว้ใช้เถอะ ในเมื่ออยากจะฝึกปรือก็อย่าคิดจะบีบป้ายชื่อเลย พยายามให้ถึงที่สุดก่อน”
“ขอบคุณพี่เม่ยเอ๋อร์เจ้าค่ะ” ชุ่ยชุ่ยยังคงอยากร้องไห้ นางรู้สึกตระหนกและอยากจะถอนชื่อออกมาก
“เนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าส่งกำลังใจให้ชุ่ยชุ่ย “เก่ง!”
เยี่ยนชิงพูดได้เพียงว่า “ไปเถิด ถึงอย่างไรสำนักเราก็มิได้พึ่งเจ้า หากสู้ไม่ไหวจริงๆ ก็ออกมา”
“ข้าน้อยจะพยายามไม่ทำให้สำนักต้องขายหน้าเจ้าค่ะ” ชุ่ยชุ่ยทำได้เพียงฝืนอดทน
เยี่ยนชิงถอนหายใจ แต่เดิมเขามิได้อนุญาตให้นังหนูนี้ไปหรอก ถึงอย่างไรสาวใช้ที่ร้องไห้เป็นอย่างเดียวคนนี้ก็เหมาะที่จะดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของบุตรสาวสุดที่รักอย่างเดียว แต่นางดึงดันจะไปให้ได้และยังร้องไห้วิงวอนเขาตลอดเวลา ทำเอาเขาอดใจอ่อนไม่ได้ สุดท้ายก็ยอมตกลง…
“ไปเถิด อย่ากลัวเลย” เยี่ยนอวี๋จับมือสาวใช้ที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น “มีข้าอยู่”
“ฮือๆ คุณหนูใหญ่…” แต่เดิมชุ่ยชุ่ยกำลังจะหยุดร้องแล้ว ตอนนี้กลับร้องไห้หนักกว่าเดิม
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางปลอบคนไม่เป็นจริงๆ
“ศิษย์น้องชุ่ยชุ่ยอย่าได้กลัว เจ้าอยู่กับพวกข้า ไม่เป็นอะไรหรอก” ศิษย์ชั้นยอดเจ็ดสิบสองคนแห่งสำนักชางอู๋ที่เข้าร่วมการประลองครั้งแรกก็เดินมาปลอบชุ่ยชุ่ยจากข้างหลัง
เพราะว่าไพ่สุดท้ายของสำนักเช่นเยี่ยนจื่อเสาต้องเก็บไว้ลงรอบชิงชนะเลิศ ฉะนั้นในการประลองรอบแรก สำนักชางอู๋จึงส่งทหารชั้นยอดเจ็ดสิบสองคน ในบรรดาศิษย์เหล่านี้ คนที่มีฌานตบะต่ำสุดอยู่ที่ขั้นปฐมภูมิ สูงสุดอยู่ที่ขั้นสุวรรณชาด! กองทัพเช่นนี้แม้จะสู้สำนักคุนอู๋ สำนักเหยาไถเซียนและสำนักชิงเหลียนที่เก่งกาจลึกล้ำมิได้ แต่ก็ดีกว่าลัทธิเซิ่งเหลียนและสำนักเนี่ยผานมากแล้ว และยังสูสีกับสำนักจวินจื่อด้วย
“คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยขอไปก่อน” ชุ่ยชุ่ยเช็ดน้ำตาเสร็จก็เดินออกมาเขตของสำนักชางอู๋พร้อมศิษย์ชั้นยอดของสำนัก
“ฮึ” หยางเซ่าเหิงที่อยู่ไม่ไกลเห็นก็พ่นเสียงเย็นชาออกมา “ไม่มีพี่น้องตระกูลเยี่ยนเข้าร่วมเลยสักคน ดูท่าการประลองครั้งแรกสำนักชางอู๋คงตกรอบอย่างมิต้องสงสัย”
หยางถิงซานกลับกล่าวเคร่งขรึม “แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ปีนี้สำนักชางอู๋ไม่เหมือนที่ผ่านมา ในกลุ่มศิษย์ชั้นยอดธรรมดาถึงกับมีฌานตบะขั้นสุวรรณชาดแล้ว”
“จะว่าไปแล้วก็พัฒนารวดเร็วเหลือเกิน” หยางเทียนชื่อสีหน้าขรึม ปีที่ผ่านมาสำนักชางอู๋ไม่เคยมีศิษย์ขั้นสุวรรณชาดเข้าร่วมการแข่งขัน ถึงแม้จะเป็นศึกรอบชิงชนะเลิศก็ไม่มี เพราะว่าสำนักชางอู๋ที่ผ่านมา ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็อยู่ในขั้นปฐมภูมิชั้นยอดเท่านั้น สามารถเอาชนะเพียงแค่สำนักน้อยอื่นๆนอกเหนือจากเจ็ดสำนักเท่านั้น
ส่วนลัทธิเซิ่งเหลียนที่ถูกกดขี่มาตลอดก็ส่งศิษย์ที่มีฌานตบะขั้นที่ต่ำกว่าสุวรรณชาดเข้าร่วมการแข่งขัน และยังถูกห้ามไม่ให้ใช้พลังจิตวิญญาณ ฉะนั้นไม่มีอะไรน่ากล่าวถึง
กองทัพของสำนักชางอู๋ในปีนี้จึงดึงดูดสายตาหลากหลายคู่ “สำนักชางอู๋ไม่อยู่รั้งท้ายแล้วหรือ ถึงกับมีศิษย์ขั้นสุวรรณชาดแล้ว!”
“ชิ สหายเจ้าคงตกข่าวเสียแล้ว คุณชายใหญ่เยี่ยนสำนักชางอู๋เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับตำนานแล้วเชียวนะ! แม้แต่คุณชายรองก็เป็นตำนานระดับกลางแล้ว”
“เฮ้อ! เช่นนั้นสหายของข้า เจ้าคิดว่าที่ข้าเดิมพันไว้ว่าสำนักชางอู๋จะได้เลื่อนอันดับขึ้นมา คงเป็นจริงแล้วใช่หรือไม่!”
“วางใจเถอะ!” คนจากหอการค้าเงินทองยิ้มอย่างชั่วร้าย ถึงแม้ชนชั้นล่างอย่างพวกเขาจะไม่รู้ว่าเบื้องบนมีแผนการอะไร แต่ในเมื่อเบื้องบนมีคำสั่งให้ทุกคนปล่อยข่าวยกยอสำนักชางอู๋ เช่นนี้สำนักชางอู๋ก็คงอยู่อันดับที่หกดังเดิม! หรืออาจจะตกรอบไปเลยก็ได้!
แต่แล้ว…
“ช้าก่อน!” จู่ๆ เม่ยเอ๋อร์ก็เรียกชุ่ยชุ่ยและคนอื่นๆ
หยางเทียนชื่อเบิกตาโพลง “นางคงไม่เข้าไปหรอกนะ!” ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ จะให้พวกเขาประลองกันได้อย่างไร