เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 310 สาวบ้องแบ๊วแบกรับทุกอย่าง
ตอนที่ 310 สาวบ้องแบ๊วแบกรับทุกอย่าง!
“ทำหน้าที่พิทักษ์ได้ดีจริงๆ!”
“นี่มันดาบอะไร! สำนักชางอู๋ขายหรือไม่”
“ประเดี๋ยวเราไปถามกัน…” ลักษณะภายนอกอันแสนธรรมดาแต่ความสามารถไม่ธรรมดาของดาบเล่มนี้ ทำให้เหล่าผู้นำของแต่ละกองกำลังน้อยใหญ่ต่างเห็นคุณค่าแก่การใช้เงินทองแลกซื้อ
เยี่ยนชิงเองก็จับมือของบุตรสาวสุดที่รักไว้ “นี่คือดาบอะไรหรือ”
“มีดดาบพร้า เหมือนกับของเม่ยเอ๋อร์ แต่ของพวกเขายังมิได้ลับคม” เยี่ยนอวี๋กล่าว
“หา?” ประมุขหออัญเชิญศักดิ์สิทธิ์งุนงง “ยังไม่ลับคมก็ใช้ได้ดีเช่นนี้แล้วหรือ”
เม่ยเอ๋อร์รีบตอบว่า “แน่นอน! ดาบที่คุณหนูใหญ่หลอมใช้ดีทุกเล่ม! หลังจากลับคมแล้วก็จะเหมือนกับดาบของข้า!”
“อ๋อๆๆ” ประมุขหออัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ผงกศีรษะอย่างงงงัน
ดาบเล่มใหญ่ของเม่ยเอ๋อร์แข็งแกร่งระดับใด อันที่จริงก็ยังไม่มีผู้ใดดูออก รู้เพียงว่าดาบเล่มนั้นคมมาก! และยังแข็งแรงมาก เก่งมาก!
ทว่าดาบยอดเยี่ยมเช่นนี้บัดนี้กลับแจกให้เด็กๆ ที่ร่วมการแข่งขันคนละเล่ม แล้วจะให้ประมุขหออัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ไม่ตะลึงได้อย่างไร เขาคิดว่าเขาคงยังไม่ทราบระดับชั้นของคุณหนูใหญ่อยู่ดี
…
ในขณะเดียวกัน
“!”
เหล่าศิษย์สำนักคุนอู๋ในสนามประลองต้าฮวงต่างนิ่งงัน! พวกเขามิอาจคาดคิดเลยว่าเหล่าศิษย์สำนักชางอู๋ที่ควรจะแหลกสลายเป็นผุยผงไปแล้วกลับปกติดีทุกอย่าง?
“นี่มัน…” หยางไป่หมิงมองดาบที่อยู่ในมือของจ่านเผิงและคนอื่นๆ อย่างหวาดผวา สายตาของพวกเขายังแฝงไปด้วยความละโมบ! เขามีสายตาแหลมคมจึงดูออกว่าดาบเหล่านี้ไม่ธรรมดา
ศิษย์สำนักคุนอู๋ที่เหลือก็รู้แล้วเช่นกันว่าดาบติดตัวของศิษย์สำนักชางอู๋เหล่านี้ไม่ใช่อาวุธวิเศษชั้นดีธรรมดาๆ เพราะมันดีกว่าของพวกเขามาก!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หยางไป่หมิงจึงสั่งว่า “ล้อมพวกเขาให้ดี!”
“ขอรับ!” ขณะกำลังถอย เหล่าศิษย์สำนักคุนอู๋ก็ถอยโดยที่ยังคงล้อมทุกคนไว้ บัดนี้วงล้อมถูกจำกัดให้แคบลง ใบหน้าทุกคนเผยความละโมบ
จ่านเผิงและคนอื่นๆ ก็โต้กลับไปด้วยความอาฆาตรุนแรง “ศิษย์น้องทุกท่าน อย่าทำให้ดาบเล่มใหญ่ที่คุณหนูใหญ่ให้พวกเราต้องผิดหวัง! จัดการพวกเขาให้เละ!”
“ขอรับ!” เหล่าศิษย์สำนักชางอู๋จ้องมองศิษย์สำนักคุนอู๋ด้วยความเดือด ถึงแม้จำนวนคนจะต่างกันมาก แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกกลัวเลย!
ศึกสงครามกำลังจะเริ่มขึ้น!
อย่างน้อยผู้ชมที่ราบล้อมอยู่ข้างนอกก็คิดเช่นนั้น แต่แล้ว…
“แย่แล้ว” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะนางพบว่าท่าทีของศิษย์สำนักคุนอู๋ผิดปกติ
ต้าซือมิ่งก็พบเช่นนั้นเช่นกัน “ยานั่นยังมีพิษ”
“หา?”
เยี่ยนจื่อเสาเพิ่งจะส่งเสียงสงสัย จ่านเผิงและคนอื่นๆ ในสนามประลองก็กระอักเลือดสีดำตามๆ กันออกมาแล้ว
อัก!
อ๊อก…
ศิษย์สำนักชางอู๋ที่มีฌานตบะระดับต่ำถึงกับอาเจียนออกมาเป็นเลือดสีดำ!
หยางไป่หมิงเห็นดังนั้นก็หัวเราะเย้ยหยัย “ฮ่าๆๆ! มาสิ! อยากจะอัดพวกข้าให้เละไม่ใช่รึ ก็มาสิ!”
“นั่นน่ะสิ! ฮ่าๆๆ…” ศิษย์สำนักคุนอู๋กล่าวเย้ยหยันศิษย์สำนักชางอู๋ที่กำลังกระอักเลือดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย “แน่จริงก็มาฟันสิ! พวกข้าไม่สู้กลับแน่นอน!”
“บัดซบ!” จ่านเผิงทนความคับข้องใจเช่นนี้มิได้ เขาชูดาบขึ้นอยากจะฟันหยางไป่หมิงให้ตาย ถึงแม้ต้องตาย! เขาก็จะลากเขาอีกคนไปด้วย! พวกเขารังแกคนเกินไปหน่อยแล้ว!
แต่แล้ว…
“ออกมา”
หรงต้าซือมิ่งที่สะบัดแขนเสื้อเรียก เสียงของเขาก็เข้าไปในต้าฮวงและดังขึ้นในหูของจ่านเผิงและคนอื่นๆ แล้ว เขารู้ดีว่าภรรยาและพ่อตาไม่ต้องการให้ศิษย์กลุ่มนี้ไปตาย
“แต่ว่า…” จ่านเผิงไม่ยอม!
“ออกมา” เยี่ยนอวี๋เองก็ส่งคำสั่งเช่นเดียวกันเข้าไปแล้ว นางดูออกว่าพิษเข้าไปในกระดูกของศิษย์เหล่านี้แล้ว หากไม่ช่วยเหลืออีกต้องตายแน่ๆ
คนของสำนักคุนอู๋คงปล่อยพิษออกมาขณะที่กำลังกระตุ้นยาทะลวงอวกาศก็เพื่อไม่ให้ศิษย์ของนางมีโอกาสพลิกสถานการณ์! เก่งจริงๆ
เยี่ยนอวี๋หรี่ตาลงจ้องไปที่พื้นที่ของสำนักคุนอู๋ นางยังไม่เริ่มจัดการพวกเขา พวกเขาก็บังอาจวางยาศิษย์พี่ศิษย์น้องของนางก่อนแล้ว เก่งจริงๆ
ในขณะนั้นเอง เหล่าชั้นผู้น้อยใหญ่สำนักคุนอู๋ที่ถูกกวาดมองยังคงไม่รู้สึกอะไร เพราะบัดนี้คนสำนักชางอู๋ต่างกำลังจ้องมองสำนักคุนอู๋! ฝ่ายหลังยังคงรู้สึกปกติสุข บางคนถึงกับกล่าวด้วยวาจาผยอง “นี่ก็คือจุดจบที่มารุกรานสำนักคุนอู๋ของข้า!”
แต่ในขณะเดียวกันนั้น…
“ไป!”
จ่านเผิงก็บีบป้ายชื่อของตนแม้เขาจะไม่ยอมก็ตาม
“ไป!”
ศิษย์ที่เหลือเจ็ดสิบเอ็ดนายที่ไม่ยอมเช่นกัน น้ำตาจะไหลออกมาอยู่แล้ว ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องเอาชีวิตให้รอดก่อน
“ให้ตายเถอะ!” หยางไป่หมิงอยากจะขัดขวาง แต่เสียงของต้าซือมิ่งไม่เพียงดังมาจากกลางอากาศ ด้วยเสียงที่แผ่ซ่านแรงกดดันมหาศาลก็ทำให้หยางไป่หมิงและคนอื่นๆ ตะลึงงัน
พลังเช่นนี้ทำให้สำนักคุนอู๋ได้แต่มองไม่กล้าพูด ถึงแม้พวกเขาอยากจะรั้งคนสำนักชางอู๋ไว้ทั้งหมด เพื่อแย่งอาวุธวิเศษของพวกเขามา แต่สำนักคุนอู๋ก็กลัวว่าจะทำให้ต้าซือมิ่งพิโรธ
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้หยางเซ่าเหิงเดือดดาลในใจยิ่งนัก เขาคิดในใจว่า “หากไม่ใช่เพราะนังคนชั่วที่เกาะติดต้าซือมิ่งนั่น! สำนักข้าก็คงไม่ถูกหยามเช่นนี้!”
ไม่เพียงเขาที่คิดเช่นนี้ กู้หยวนซูก็คิดเช่นนี้เช่นกัน! นางจึงกวาดตามองเยี่ยนอวี๋อย่างแค้นเคือง แต่กลับสบตาของเจ้าตัวน้อยเข้า ไม่เพียงเท่านี้… เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่สบตากู้หยวนซูพอดี เขาก็กะพริบตาพร้อมกับตบก้นน้อยๆของตน “หอม?”
กู้หยวนซู “…”
เจ้าเด็กเหลือขอ! เลว!
กู้หยวนซูเกร็งใบหน้าจนเกือบจะบิดเบี้ยวผิดรูป เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับไม่สนใจนางแล้ว เขามองไปที่จ่านเผิงและคนอื่นๆ ที่ถูกส่งออกมาแล้ว
“อัก…”
จ่านเผิงและคนอื่นๆ กระอักเลือดไม่หยุด ลมหายใจก็แผ่วเบาลงมาก ประมุขหอโอสถจึงรีบพาคนเข้าไปช่วย เม่ยเอ๋อร์ก็เข้าไปช่วยเช่นกัน
แต่ว่า… ในสนามประลองต้าฮวง!
“ศิษย์พี่! ศิษย์พี่?”
เมื่อชุ่ยชุ่ยบังเอิญเห็นสหายสำนักเดียวกันบีบป้ายชื่อตนเองจนหมดและออกจากสนามประลองไป นางก็ตะลึงงัน
นางไม่คิดเลยว่า การที่นางมาดูเพราะได้ยินเสียงดังสนั่น นางกลับเห็นภาพที่ศิษย์พี่ของนางออกจากที่นี่หมดแล้ว! นี่มัน…
“ไม่นะ!” ชุ่ยชุ่ยน้ำตาไหลทันที “ศิษย์พี่!”
เม่ยเอ๋อร์ที่เห็นดังนั้นก็กุมขมับ อดแผดเสียงขึ้นไม่ได้ “ร้องทำไม! ไม่รีบหนีอีก!”
เสียดายที่ชุ่ยชุ่ยไม่มีทางได้ยินเสียงที่แผดร้องอยู่ข้างนอกของเม่ยเอ๋อร์ นางยังคงร้องไห้ อีกทั้งยังถูกเหล่าศิษย์สำนักคุนอู๋พบเข้าแล้วด้วย ถึงอย่างไรนางก็ไม่รู้วิธีหลบซ่อนเลย นางยังคงตกอยู่ในภาวะตกใจกลัวจนร้องไห้ไม่หยุด
เจ้าสามารถจินตนาการถึงอารมณ์ที่ไก่อ่อนตัวหนึ่งกำลังดีอกดีใจที่พบศิษย์พี่สำนักตนแล้ว แต่กลับพบว่าพวกเขาถูกส่งออกไปหมดแล้ว อย่างไรก็แล้วแต่ชุ่ยชุ่ยใจสลายไปหมดแล้ว…
และชุ่ยชุ่ยที่เป็นเช่นนี้ย่อมมิได้ทำให้หยางไป่หมิงสนใจนัก เขายิ้มหยันก่อนจะสั่งคนจำนวนสิบคนว่า “ไปกำจัดสาวใช้นั่นซะ! อย่าให้สำนักชางอู๋มีโอกาสพลิกตัวได้”
“ศิษย์พี่หมิงโปรดวางใจ!” จางซ่านจยาและคนอื่นๆ ที่ถูกเลือกก็หายวับไปทางยอดเขาที่ชุ่ยชุ่ยอยู่แล้ว
เม่ยเอ๋อร์ที่เห็นดังนั้นก็หัวเสีย! นางก็ว่าชุ่ยชุ่ยขี้แงคนนี้ไม่เหมาะที่จะร่วมการประลองพรรค์นี้เสียหน่อย อยู่จวนทำกับข้าว ล้างจาน ซักเสื้อผ้าก็ดีอยู่แล้วมิใช่หรือ แต่แล้ว…
“หนีก็หนีไม่เป็น!” เม่ยเอ๋อร์โมโหพลางป้อนยาให้จ่านเผิงอย่างหยาบคาย ทำเอาฝ่ายหลังเกือบจะสำลักตาย โชคดีที่ประมุขหอโอสถเข้ามาช่วยเหลือทัน
ในขณะเดียวกัน ชุ่ยชุ่ยที่ร้องให้งอแงก็ถูกศิษย์สำนักคุนอู๋ล้อมไว้แล้ว!
ชุ่ยชุ่ยตะลึงงัน “เจ้า… พวกเจ้า จะ… จะทำอะไรน่ะ”
“เจ้าคิดว่าล่ะ แม่นางน้อย” จางซ่านจยาถามอมยิ้ม
ชุ่ยชุ่ยรีบกอดตนเองไว้แน่น “พวกเจ้าอย่า… อย่าเข้ามาเชียวนะ ข้า… ข้ายอมแพ้ได้หรือไม่”
พรวด!
“ฮ่าๆๆ!”
ศิษย์สำนักคุนอู๋หัวเราะ ศิษย์หญิงคนหนึ่งยังพูดขึ้นว่า “ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ หากเจ้ายอมคุกเข่าขอร้อง บางทีพวกข้าอาจจะปล่อยเจ้าก็ได้”
“ใช่แล้ว! ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นสาวรับใช้ของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนด้วย หากเจ้าลอดผ่านใต้เป้าของเราได้ บางทีเราอาจจะพิจารณาปล่อยเจ้าไป” จางซ่านจยากล่าวอย่างมีเลศนัย
ชุ่ยชุ่ยกลับถามว่า “จริงหรือ ขอเพียงข้าลอดใต้หว่างขา พวกเจ้าก็จะปล่อยข้าจริงๆ ใช่หรือไม่”
“แน่นอน!” จางซ่านจยาตอบทันที
“เช่นนั้น… เช่นนั้นพวกเจ้าสาบานสิ สาบานต่อฟ้า คุณหนูใหญ่ของข้าเคยบอกไว้ว่า หากสาบานแล้วไม่ทำตามจะถูกฟ้าผ่าตาย” ชุ่ยชุ่ยพูดอย่างจริงจัง!
พรวด ศิษย์หญิงสำนักคุนอู๋กลับพ่นหัวเราะออกมา “เจ้าโง่รึไง! เจ้าคิดว่าเจ้ามีทางเลือกด้วยหรือ”
“นั่นน่ะสิ! ฮ่าๆๆ เป็นคนโง่แล้วยังบอกว่าเป็นสาวใช้ของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน! เทียบกันยากจริงๆ!” ศิษย์ที่เหลือของสำนักคุนอู๋ต่างหัวเราะเยาะ
ชุ่ยชุ่ยเริ่มโมโห “พวกเจ้าบอกเองนี่ว่าขอแค่ข้าทำเช่นนั้น พวกเจ้าก็จะปล่อยข้า หรือสิ่งที่พวกเจ้าพูดเมื่อครู่เป็นแค่ลมตดหรือไง!”
“ใช่แล้วจะยังไง นังหนูตัวดี รีบคุกเข่าวิงวอนเสียแต่โดยดี มิเช่นนั้นก็คงไม่ต้องมากความกับพวกข้าแล้ว บางทีแม้แต่ศพก็คงไม่เก็บไว้ให้เจ้า” จางซ่านจยากล่าวด้วยสีหน้าชั่วร้าย
“ข้าไม่ทำ!” ชุ่ยชุ่ยจ้องพวกเขา “ในเมื่อพวกเจ้าไม่รักษาคำพูดเช่นนี้ ข้าไม่ยอมคุกเข่าขอร้องให้เจ้าไว้ชีวิตหรอก! ข้าจะต้องอยู่จนถึงสุดท้าย! ถึงครานั้นสำนักชางอู๋ของข้าจึงจะส่งคำท้าทายได้!”
“แหม! มีความทะเยอทะยานดีนี่” จางซ่านจยายิ้มเย็นชา “ในเมื่อพูดจาดีๆ ไม่ชอบ เช่นนั้นก็ลงมือเถอะ!”
“ไปตายซะ!” ศิษย์หญิงสำนักคุนอู๋ที่ลงมือคนแรกก็กระโจนไปทางชุ่ยชุ่ยอย่างรวดเร็ว!
แต่แล้ว…
ฟิ้ว!
ชุ่ยชุ่ยหนีสวนกับศิษย์หญิงสำนักคุนอู๋คนนั้นทันที การเคลื่อนไหวของนางช่างยอดเยี่ยม ไม่เพียงเท่านี้…